สั่งปิดโรงงานปล่อยน้ำเสีย 151 ราย
อุตฯเข้ม6เดือน สั่งปิดโรงงานปล่อยน้ำเสีย 151 ราย เตรียมศึกษากฎหมาย คุมระบบนิเวศรอบสถานประกอบการ 3 เรื่องชัดเจนปี59
อุตฯเข้ม6เดือน สั่งปิดโรงงานปล่อยน้ำเสีย 151 ราย เตรียมศึกษากฎหมาย คุมระบบนิเวศรอบสถานประกอบการ 3 เรื่องชัดเจนปี59
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า สำหรับผลการลงพื้นที่ตรวจสอบการปล่อยน้ำเสียจากโรงงาน ล่าสุดในปีนี้ได้ตั้งเป้าที่จะลงไปตรวจสอบ 9,768 โรงงาน โดยในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว 5,860 พันโรงงาน หรือคิดเป็นประมาณ 60% ของเป้าหมาย ซึ่งในจำนวนนี้มีโรงงานที่มีความเสี่ยงที่จะปล่อยน้ำเสีย 1,417 โรงงาน และจากการตรวจตัวอย่างน้ำทิ้งจากโรงงานเหล่านี้ พบว่ามีค่าน้ำทิ้งเกินมาตรฐานที่กำหนด 151 โรงงาน
ทั้งนี้โรงงานที่ทำผิดเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานอาหาร สิ่งทอและฟอกย้อม ซึ่งกรมได้สั่งให้ปิดปรับปรุงโรงงานตามมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.กรมโรงงาน พ.ศ.2535 ไปแล้วทั้งหมด และบางส่วนที่ทำผิดซ้ำซากก็จะส่งดำเนินคดีหากศาลตัดสินว่าผิดจริงก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ทั้งนี้ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ศาลจะลงโทษสั่งปรับ และถ้ายังทำผิดอีกก็จะมีโทษจำคุกแต่ก็จะลดหย่อนเพียงการรอลงอาญา
สำหรับในปีนี้ กรอ.จะดำเนินการเชิงรุกเพื่อลดปัญหาด้านน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมอีก โดยติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณตรวจจับน้ำเสีย สำหรับโรงงานที่มีน้ำทิ้งมากกว่า 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยโรงงานเหล่านี้ต้องส่งรายงานการตรวจวัดให้ กรอ.รับทราบแบบเรียลไทม์ โดยขณะนี้ได้รับรายงานแล้ว 274 โรงงาน เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 113% และจะมีการกำหนดให้มีบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมประจำโรงงาน ในโรงงานที่มีปริมาณน้ำเสียตั้งแต่ 500 ลูกบาศ์เมตรต่อวัน โรงงานที่ใช้สารโลหะหนัก และโรงงานที่ก่อให้เกิดมลพิษสูง เบื้องต้นมีโรงงานที่จัดผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษแล้ว 1,500 โรงงาน จากทั้งหมด 2,500 โรงงาน
นายพสุ กล่าวว่า นอกจากนี้ กรอ.เตรียมของบประมาณปี 2559 ในการศึกษากฎหมายและบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประกาศกระทรวงใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การรายงานมลพิษ 2.ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการนำน้ำทิ้งไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร เนื่องจากที่ผ่านมาน้ำที่ปล่อยลงในภาคการเกษตรแม้จะมีเกณฑ์ควบคุม แต่ไม่มีการประกาศค่าบังคับที่ชัดเจน ดังนั้นจึงต้องศึกษาทั้งในด้านของวิชาการและกฎหมายว่ากฎเกณฑ์ที่เหมาะสมที่จะใช้ในประกาศควรเป็นอย่างไร และ3.ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การปรับปรุงค่ามาตรฐานน้ำทิ้ง ซึ่งจะต้องมีค่า VOCหรือ สารอินทรีย์ระเหยง่ายที่เหมาะสม เนื่องจากหากมีสารดังกล่าวในปริมาณมากจะกระทบต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ
“ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลทางวิชาการเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งเราจะขอใช้งบปีหน้า แต่สำหรับโครงการที่ 3 เรื่องประกาศค่า VOC คาดว่าจะขอใช้งบประมาณ 2ล้านบาท และต้องศึกษาร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ แต่โดยทั้งหมดคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้า” นายพสุ กล่าว


