posttoday

สู้แบบไม่มีเส้น

03 กรกฎาคม 2553

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

สู้แบบไม่มีเส้น คารม พลทะกลาง

เกือบสองเดือนที่แกนนำเสื้อแดงถูกคุมขังในไร่รีสอร์ตมะเขือเทศ ก่อนย้ายมานอนในเรือนจำแดง เล่นเอาบรรดาแม่ยกครอบครัวต่างน้ำตาตกในคำถามจากแฟนคลับ เมื่อไรแกนนำ นปช.ขวัญใจพวกเขาจะได้เป็นอิสระ หรือต้องอยู่ในคุกจนชีพวาย
        
ภาระอันหนักอึ้งในการสู้คดีที่สลับซับซ้อนทั้ง "ก่อการร้าย-ล้มเจ้า-ฝ่าฝืนพ.ร.ก." ตลอดจนการประกันตัวแกนนำอยู่ที่ ทนายความนปช.ที่มี "คารม พลทะกลาง" เป็นหัวหน้าทีม ที่วุ่นหัวขวิด วิ่งไปกลับ "ศาล-เรือนจำ" เป็นว่าเล่น
        
 "ถ้าตอบให้คนเสื้อแดงเข้าใจ ผมเชื่อลึกๆ ว่า การเอาผิดข้อหาผู้ก่อการร้ายกับแกนนำนั้นเป็นเรื่องยากเพราะมีข้อยกเว้นในกฎหมายว่า ถ้าเป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมจากการประท้วง มันไม่เข้าเงื่อนไขก่อการร้าย อีกอย่างผมมั่นใจว่า ฝ่ายรัฐบาลทิ้งหลักฐานไว้เยอะ เช่น ภาพเคลื่อนไหวทหารยิงประชาชนเพียงแต่เราต้องรู้ว่า พลทหารคนนั้นคือใคร ผู้ตายบ้านอยู่ไหน อันนี้มันยาก แต่ถ้ามีฟ้องได้เลย" คารมบอกกับ "โพสต์ทูเดย์"
         
"เราเป็นมวยรอง เราไม่มีอำนาจ แต่ผมว่า เราแพ้ยาก อย่างตอนนี้นักกฎหมายส่วนใหญ่ ไม่ว่าในวงการตุลาการ อัยการ เขาก็โทร.มาแนะ ให้กำลังใจเราตลอด"

ทนาย นปช.แยกแยะให้ฟังว่า คดีที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ชุมนุมเดือน เม.ย. และ พ.ค. มี 2 ส่วน 1.เหตุการณ์ 10 เมษาฯ มีผู้เสียชีวิต 20 คน เจ็บ 800 กว่าข้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องแกนนำกับชาวบ้านทำผิดพ.ร.ก. ฉุกเฉิน ที่มีเพิ่มพิเศษ คือ การปล้นทรัพย์คืออาวุธที่วางไว้บนเวที ซึ่ง "เจ๋ง ดอกจิก" โดนคดีนี้หนักสุด
         
"ตอน 10 เมษาฯ เราเตรียมฟ้องรัฐบาลข้อหาพยายามฆ่า แต่ยังไม่ทำ 19 พฤษภาฯ ก็มาโครมใหญ่คนเสียชีวิตเกือบร้อย โอ้โฮ... คดีเยอะมาก ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ก่อการร้าย หลายคนบ่นว่า ทำไมทีมกฎหมายนปช.ไม่รุกกลับรัฐบาลเสียที ซึ่งมันยังทำไม่ได้ เพราะประกันตัวแกนนำก็ยังไม่จบ ยังมีประกันชาวบ้าน200-300 คน ที่ถูกคุมขังฝ่าฝืน พ.ร.ก.อีก แต่ส่วนมากที่ไม่ได้ประกันตัว ก็จะเป็นข้อหามีอาวุธปืน พกวัตถุระเบิด ถ้าเป็นข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก. พอประกันเสร็จบางคนรับ เราก็ต้องมาเขียนอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนอีก"
         
คารม บอกว่า คดีก่อการร้ายเป็นการสร้างเรื่องใส่ร้ายเสื้อแดง ผู้สื่อข่าวหลายคนก็รู้ว่าใครยิงประชาชน

"เสื้อแดงส่วนใหญ่แม้แต่แกนนำก็ยังไม่รู้เลยว่าใครยิง อาจเป็นฝ่ายทหาร ตำรวจ ที่เขาสงสารเสื้อแดง ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล เขาก็ออกมาช่วย แต่ถ้าเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่ายจริงๆ ขบวนการต่อสู้มันต้องชัดกว่านี้ มีหลักฐาน มีอาวุธ ออกมาต่อสู้เป็นจังหวะ อันนี้มาสู้เฉพาะช่วงที่ถูกสลาย"
        
 "อย่างเรื่องอาวุธที่รัฐบาลบอกว่า ค้นเจอตรงวัดปทุมฯ เป็นของกลุ่มก่อการร้าย ถ้าขึ้นศาลจริงๆ คนที่เป็นทนายมองออกเลยว่า มันจะซักค้านได้ เพราะที่คุณเจออาวุธขนาดนั้นมีฝ่ายเสื้อแดงอยู่หรือไม่ มีใครเป็นพยานบ้าง"
         
"เรื่องเผาห้างเราก็สู้ได้ เพราะทำไมไม่มีการเผาห้างเกษร ส่วนการเผาจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบหรือไม่ ก็ว่ากันไป ใครเผาต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะทำไม่ถูก ตอนนั้นหลายคนเคยถามผมว่า พี่คารมผมทำอย่างนี้ได้ไหม ผมบอกไม่ได้ คุณเสี่ยง แต่ถ้าคุณเอายางไปเผากลางถนนไม่เดือดร้อนใคร อาจผิด พ.ร.ก.คุณก็เสี่ยงเอาเอง"
         
"ผมถึงมั่นใจในการต่อสู้คดี อย่าลืมว่าคดีชุมนุมปี 2552 ก็ยังไม่ฟ้องนะ ส่วนปี 2553 เราพร้อมกว่าอีกอย่างพยานหลักฐานมันเยอะ ตามรัฐธรรมนูญบอกว่า ต้องให้เราเอาพยานของเราไปค้านด้วย เช่นกล่าวหาว่า คุณณัฐวุฒิ สั่งให้เผาศาลากลาง เขาพูดที่เขาสอยดาว ก็ต้องเอาคนที่ได้ยินที่เขาสอยดาวมาให้สอบด้วย เรารู้ทางกับดีเอสไอหมด ไม่ต้องห่วง"
         
ภารกิจหลักของทีมทนายขณะนี้ คือ การขอ"ประกันตัว"แม้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องขอประกัน 10 แกนนำ นปช. ทำให้ต้องนอนคุกต่อ โดยเห็นว่าความผิดฐานก่อการร้ายมีโทษสูงถึงประหารชีวิต เป็นภัยแก่ประชาชน หากปล่อยตัวผู้ต้องหาอาจหลบหนี ทว่า ทนายเสื้อแดงยังคงเดินหน้าขอประกันตัวต่อ เพราะเชื่อลึกๆ ว่าศาลจะวินิจฉัยรอบด้าน
         
"นี่พูดแบบไม่มีเส้นเลยนะ ผมยังมีหวัง เพราะแกนนำไม่มีทางหลบหนี อย่าลืมว่าแกนนำมอบตัวเอง และข้อหานี้เป็นข้อหาการเมืองไม่น่าหนีหรอกเพราะหนีไปแล้วก็ต้องมาต่อสู้อีก"
        
 กระนั้น คารมบอก นี่เป็นคดีการเมืองก็ต้องเผื่อใจไว้บ้าง โดยเฉพาะการฝากขังที่ตามประมวลกฎหมายอาญา ดีเอสไอมีอำนาจฝากขัง 7 ผลัด ผลัดละ 12 วัน รวม 84 วัน
         
"ถ้าแย่สุด ซวยที่สุด แกนนำก็อยู่ในคุก 84 วันเราก็ต้องคิดอย่างนั้น เมื่อส่งไปที่อัยการ อัยการก็ต้องมีระยะเวลา เราก็จะไปขอความเป็นธรรมในชั้นอัยการอีก และขอประกันตัวด้วย ตรงนี้อัยการจะเป็นคนพิจารณาเองว่า จะค้านไม่ค้าน ไม่ผ่านตำรวจแล้ว"
        
 การพิจารณาสำนวนในชั้นอัยการ ไม่มีระยะเวลากำหนดฟ้อง คารมบอก มีอายุความถึง 20 ปี ก่อนจะยอมรับ ฝ่ายมีอำนาจอาจเตะถ่วงแช่แข็งแกนนำได้

นี่เป็นข้อที่เสียเปรียบเหมือนกับที่ตำรวจไม่ส่งฟ้องคดีแกนนำพันธมิตรฯ ยึดสนามบิน หัวหน้าทนายนปช. มองทะลุว่า ลึกๆ ที่ดีเอสไอทำอยู่ไม่ว่าระงับธุรกรรม ตั้งข้อหาก่อการร้าย ก็เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์แกนนำตามฐานความผิดในกฎหมายฟอกเงินเมื่อยึดทรัพย์ก็สามารถเชื่อมโยงได้ว่าต้นน้ำที่จ่ายเงินคือใคร แต่ทั้งหมดจะต่อสู้ทางกฎหมายยาวนานกี่เดือน กี่ปี คารมเชื่อว่าที่สุดหนีไม่พ้นต้องนิรโทษกรรมมิฉะนั้นบ้านเมืองไม่จบ
        
 "ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดงที่เกิดขึ้นปี 2549 ถูกเซตอัพทั้งนั้น ทหารออกมาปฏิวัติก็ถูกสั่งจากใครไม่รู้ฉะนั้น สมมติว่าเสื้อแดงทักษิณอยู่เบื้องหลังก็ถูกสั่งให้ทำเหมือนกัน ดังนั้นมันต้องจบด้วยการนิรโทษกรรมทุกคนนะ ไม่มีข้อยกเว้น กลืนเลือดกันเลยแหละ แล้วเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะกรณีคดีคุณทักษิณ รัฐบาลก็ต้องหาทางให้สวยและลงตัวที่สุด ผมเดาว่าไม่เกิน 5 ปี แต่ใจจริงผมอยากให้แค่ 3 ปี แก้ให้จบซะ ออกนิรโทษกรรมให้ได้"
         
การต่อสู้ขณะนี้เขาย้ำว่า ลำบากเพราะรัฐบาลควบคุมกลไกทุกอย่างได้หมด โดยเฉพาะการประกาศใช้ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หัวหน้าทนายเสื้อแดงฟันธง รัฐบาลไม่มีทางยกเลิก อาจลากยาวไปจนถึงการเลือกตั้งใหญ่ปีหน้าแน่ ถ้าแรงกดดันจากภายในและภายนอกจากต่างประเทศไม่มีพลังพอ
         
"รัฐบาลกลัวว่าจะมีการก่อเหตุอะไรขึ้น เพราะถ้าใช้กฎหมายปกติแล้วมันมีเหตุ การควบคุมตัวมันอาจช้าสำหรับรัฐบาล เพราะคุณต้องไปขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับ จึงต้องใช้อำนาจตามพ.ร.ก.ขอหมายจับได้เลย อีกอย่างเขาก็กลัวพีทีวีเปิด กลัวภาพความจริงจากเหตุการณ์ชุมนุมจะออกมา พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะทำให้คุณอภิสิทธิ์อยู่ได้"
         
แกนนำ นปช.แช่แข็งอยู่คุกยาวอย่างนี้ ขบวน นปช.จะอ่อนพลังไหม?. "มันมีผลในเรื่องรวมคนเข้ากรุงเทพฯ มันอาจจะยากแต่ที่สุดมันไม่กระทบอะไร เพราะวันนี้แกนนำระดับรองถูกสร้างเยอะมากโดยโรงเรียน นปช. ผมสัมผัสได้จากคนที่โทร.มาหาผมจาก
         
ต่างจังหวัดเยอะจริงๆ คนพวกนี้พร้อมสู้ อันนี้น่ากลัว ถ้าถูกกดดันมากๆ แล้วเขาไปหาอาวุธมาสู้ล่ะจะทำไง วันนี้คนไม่กลัวแล้ว ตายเกือบ 90 อย่างนี้ หนังสติ๊กสู้กับปืนก็เห็นกันอยู่"
         
คารม ทิ้งท้ายถึงบทเรียนจากวิกฤตครั้งนี้ว่า ถ้าเมืองไทยยังขัดแย้งแรงอย่างนี้ ทหารยังกล้ายิงคน บ้านเมืองเราเจ๊งแน่
         
"ผมเชื่อมั่นว่า จากนี้ไปจะไม่มีการปฏิวัติเหมือน 19 ก.ย. แต่จะปฏิวัติโดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างนี้เนียนที่สุด เพราะใช้กฎหมายในการยึดทรัพย์ ตัดแข้งตัดขาได้เลย ผมยังเชื่อว่า ที่สุดเมืองไทยจะต้องถูกเปิดให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ไม่เกิน 5 ปี ด้วยการถูกบีบจากโลกภายนอก และถูกบีบจากคนชั้นล่าง

    
ใคร...หัวใจแดง ใต้กรงขัง

สู้แบบไม่มีเส้น

คลุกกับแกนนำและการ์ด นปช.ทั้ง10 "คารม" ถ่ายทอดความรู้สึกในลูกกรงคลองเปรมสถานที่คุมขังให้ฟังว่า คนที่เก็บความรู้สึกได้ดี คือ "วีระ มุสิกพงศ์"คนที่เด็ดเดี่ยวอีกคนคือ "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ"เขาไม่กังวลอะไร ว่าเมื่อไรจะได้ออกจากเรือนจำ เขาทราบว่านี่เป็นคดีการเมือง และยังเห็นด้วยกับเราที่ให้ดำเนินคดีกับรัฐบาลเรื่องกล่าวหาล้มเจ้า
         
"ณัฐวุฒิ ไม่บ่นอะไรเลย ยิ้มแย้ม เจอทนายก็ไม่ตำหนิ เขาบอกทำดีที่สุดแล้วเขาเป็นคนกล้าตัดสินใจ มีความเป็นผู้นำสูง แต่คุณขวัญชัย ไพรพนา (หัวเราะ)คุณเจ๋ง ดอกจิก กังวลชัดเจน อาจเพราะมีภาระต้องดูแล พี่วิภู (วิภูแถลง พัฒนภูมิไท) นี่เป็นคนหนึ่งที่ผมแปลกใจมากตอนแรกไม่คิดว่า เขาจะมีหลักคิดดีขนาดนี้ ส่วนหมอเหวงก็ตามสไตล์หมอ ที่จริงผมอยากให้หมอเหวงได้ประกันตัวเพราะอายุเยอะกว่าเพื่อน มีปัญหาโรคประจำตัว มีคลินิกต้องดูแล ส่วนอาจารย์ธิดา ภรรยาเขา ก็ห่วงเยอะ"
         
"ส่วนคุณก่อแก้ว (พิกุลทอง) ก็เป็นคนละเอียดรอบคอบดีมาก มียุทธศาสตร์ในการทำงาน ส่วนคุณนิสิต สินธุไพร นี่ก็...เป็นประเภทแบบสไตล์คนอีสาน คือ พวกว่าไหน ว่าตามกัน แต่เขาอยากประกันตัว
         
แยกออกมาต่างหาก ซึ่งผมบอกไม่ควรทำเพราะถ้าทำไปแล้วจะถูกตั้งคำถามว่าทิ้งพวก ความจริงอาจไม่มีอะไร คือ อยากออก เพราะปรับสภาพไม่ได้"
         
ความลึกซึ้งของประธานวีระ คารมยกตัวอย่างว่า กรณีที่ณัฐวุฒิจะลงเลือกตั้งซ่อม "วีระ" เป็นคนแรกที่เตือนเขาว่า ให้ไปศึกษาข้อกฎหมายเรื่องการศึกษาในกรุงเทพฯ 5 ปีให้ดี เพราะอาจขัดคุณสมบัติได้ ซึ่ง "ณัฐวุฒิ" ก็รู้ปัญหานี้ ที่สุดพรรคเลยไม่ส่ง
         
มีใครฝากฝังพิเศษไหม?...."ก็คุณเจ๋งนี่แหละ ให้ดูครอบครัวให้หน่อย (หัวเราะ) เขาคงตามสไตล์อาชีพตลก แกก็มีเพื่อนฝูงเยอะ เลยต้องฝากให้ดูคนนั้นคนนี้ แต่ท่านวีระมีคนดูแลเยอะ แฟนแกคุณพี่ศรีวิไลดูแลดี ส่วนณัฐวุฒิ ผมก็ไม่เคยสนิทกับแฟนแก แต่ช่วงหลังเขาก็ฝากฝังบ้าง"
         
"หลายคนมีภาระอย่างคุณวิภูผมเจอภรรยาก็ยังต้องผ่อนบ้าน มีปัญหาเรื่องเงิน ณัฐวุฒิ ก็ผ่อนบ้านอยู่ เรื่องสู้แล้วรวยจึงไม่จริงแต่บางคนอาจมีเงินอยู่แล้ว เช่นท่านวีระ ท่านเป็นรัฐมนตรีมาตั้งแต่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็ย่อมมีฐานะ คนที่น่าสงสารที่สุดคือ คุณเจ๋ง ยังต้องหาค่าเทอมลูกอยู่เลย"
        
 คารม บอกว่า บรรยากาศในคุกลำบาก ผู้คุมเล่าว่า ช่วงยากที่สุด 3 เดือนแรกเพราะต้องนอนเปิดไฟ ขาชนกัน กับช่วงจะออกเพราะเป็นช่วงนับถอยหลัง
         
แล้วท่านวีระนอนชนกับใคร?...."มีคนดูแลน่าจะมี สมบัติมากทอง เป็นการ์ด นปช.ที่ถูกคุมขังด้วยเลยได้ดูแล เมื่อวานผู้บัญชาการเรือนจำบอกผมว่าคุณคารม ผมกังวลมากเลย เขาต้องย้ายนักโทษ 'มือแทง' พวกคดีฆ่าคน 10 กว่าคนออก เขากลัวมีปัญหา เดี๋ยวตายขึ้นมา ซวยเลย"
         
เจ้าตัวว่า คดีการเมืองอาจต้องถูกขังยาว แกนนำหลายคนทำใจได้บ้าง แต่บางคนคิดว่า ควรได้ประกันตัวก่อน เพราะตัวเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรุนแรง เช่น นพ.เหวง บอกว่า ต่อสู้ในแนวสันติหรือ "ก่อแก้ว" ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องล้มเจ้า

“เสี่ยง- กลัว –ไม่คุ้ม”  แต่...

“ผมถูกตั้งคำถามเยอะมากว่า ทำงานตรงนี้เสี่ยงไหมกลัวไหม ถามผม ผมบอกได้เลยว่า กลัว จะเห็นได้ว่า ทนายน้อยคนที่มาทำ เพราะทำเสร็จแล้ว มันหากินกับเสื้อเหลืองไม่ได้ ผมเองก็ไม่ได้มีต้นทุนมาก ลูกก็เล็ก ครอบครัวก็ยังถามผมทำไมต้องมาทำ”

รู้ว่าเสี่ยงแต่เหตุผลที่ คารม  รับเป็นหัวหน้าทีมทนายเสื้อแดงเพราะคลุกกับม็อบแดงมาตั้งแต่ต้านรัฐประหารใหม่ ๆ  เขาไม่ใช่คนอื่นไกลเพราะร่วมงานพรรคเพื่อไทยตั้งแต่รุ่นต้นตำรับสมัยเป็นพรรคพลังธรรมยุค “มหาจำลอง”แกนนำเสื้อเหลืองเป็นหัวหน้าพรรค ครั้งนั้น คารม ลงสส.ขัดตาทัพที่ จ.นนทบุรี  แต่แพ้กลุ่มงูเห่าของฉลอง เรี่ยวแรง

ทนายหนุ่มปัจจุบันวัย 46 ปี จบปริญญาตรีรามคำแหง  การที่เขาชื่นชอบการเมืองมาก ทำใหไม่พลาดที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทยในเวลาต่อมา จุดเปลี่ยนสำคัญที่คารมได้ร่วมวงเสื้อแดง คือ การต่อต้านอภิสิทธิ์ที่เสนอมาตรา 7  ก่อนจะขึ้นเวทีแดงของวีระ มุสิกพงษ์ เต็มตัว โดยมานิตย์ จิตจันทร์กลับ ที่ปรึกษาใหญ่นปช. ดึงให้เขามาช่วยทำคดีสู้พันธมิตรและรับเป็นทนายนปช.ตั้งแต่สงกรานต์เลือดจนถึงทุกวันนี้

เขาบอกว่า มาทำงานตรงนี้ไม่ได้สนิทกับแกนนำอย่างจตุพร  ณัฐวุฒิ นพ.เหวง มาก่อน เพราะแต่ละคนมีทนายส่วนตัว  ส่วนวีระก็เป็นทนายเอง แต่พรรคไว้ใจให้เป็นหัวหน้าทีม คงเพราะอยู่ที่นี่มานาน และไม่คิดย้ายหนีจากพรรคเพื่อไทย  การทำงานจึงประสานกันระหว่างทนายส่วนตัวของแกนนำนปช.  โดยใช้สำนักงานเขาเป็นหลัก

“ในสายตาของฝั่งตรงข้าม ผมอาจจะซ๊อฟกว่าคนอื่น แต่ผมต่อสู้บนเหตุผล ผมเป็นคนหนึ่งที่ร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฉะนั้นเวลาผมจะทำอะไร ผมจะไม่เน้นเป็นข่าว  และผมไม่ได้ทำงานแบบประเภท เงินได้มาแล้วทำ ผมทำไปเลย ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ใช่ประเด็น เพราะถ้าเป็นเรื่องนี้ ผมถอยไปแล้ว  แต่ที่ทำเพราะผมสัมผัสคนในม็อบ รู้ว่า ความรู้สึกของคนมันไปไกล

“ผมถูกขู่ทางจดหมายก็ถูกมาแล้ว  เพื่อนที่เป็นทนายก็เตือนทำแล้วไม่คุ้ม เสี่ยง สู้แล้วมีอันตราย

โอกาสแพ้ก็สูง แล้วทำทำไม ผมก็ถามตัวเอง แต่เราทำแล้วด้านหนึ่งคนก็รู้จักเราเยอะ  ครั้งหนึ่ง ท่านทักษิณเคยพูดกับผม แค่2-3คำ ท่านถามว่า น้องเป็นอย่างไร แต่ที่จริงแล้ว ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านทักษิณ เหมือนทนายท่านอื่น หรือที่บางคนบอกผมเป็นทนายแม้ว ลูกกระจ๊วกแม้ว เพราะเห็นว่าช่วยเสื้อแดง แต่ผมทำเพราะอยากช่วยคน

 “หลายคนมองว่า ผมทำคดีนี้ได้เงินเยอะไหม ข้อเท็จจริงคือ ทนายนปช.ไม่ใช่เฉพาะผมนะ ทำด้วยใจา ด้วยอุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องเงินเป็นหลัก เพราะคดีนี้มันซับซ้อน อย่างพยานที่จะเอามาสอบก็ให้เงินเขา  น้อยสุดก็ค่ารถ 1,000-2,000 บาท บางคนไม่มีก็ต้องให้ 500 บาท บางคนโดนยิง มาที่ออฟฟิศ บางทีไม่มีค่ารถ ผมต้องให้ ก็ทำบันทึกไว้ ทั้งที่จริง อาชีพทนาย เราช่วยเหลือความคิดด้านกฎหมาย  แต่ที่พูดไม่ใช่ต้องการอะไรนะ

อีกเหตุผลลึกๆที่คารม หวังไว้ คือ หากมีโอกาสได้เล่นการเมืองในอนาคตก็อาจลงสมัคร สว.ร้อยเอ็ด บ้านเกิด เพราะถ้าลง ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ไม่มั่นใจว่าจะถูกกลั่นแกล้งให้ยุบพรรคอีกหรือไม่