posttoday

นักธุรกิจการเมือง ‘พิชัย นริพทะพันธุ์’

31 พฤษภาคม 2558

เพราะชอบทำตัวให้เป็นข่าวอยู่เสมอว่าถูก คสช.เรียกไปปรับความเข้าใจที่โน่นที่นี่ จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยอยากจะรู้ว่า

โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

เพราะชอบทำตัวให้เป็นข่าวอยู่เสมอว่าถูก คสช.เรียกไปปรับความเข้าใจที่โน่นที่นี่ จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยอยากจะรู้ว่า ใครคือ พิชัย นริพทะพันธุ์ ทั้งๆ เจ้าตัวเองก็ขยันที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ออกทางสื่ออยู่เสมอ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจแม้แต่ในโชเซียลมีเดียเองก็ไม่เคยใส่ใจให้ความสำคัญกับความคิดเห็น หรือทัศนคติใดๆ ของคนชื่อ พิชัย นริพทะพันธุ์ เราจึงน่ามารู้จักกับตัวตนของคนผู้นี้ดู

พิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นชาวกรุงเทพฯ เกิดเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2504 เป็นบุตรของ รณชัย และ สุวรรณี นริพทะพันธุ์ จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ แล้วไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์ และปริญญาโท ทางด้านการบัญชี จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เนื่องจากพื้นเพของครอบครัวเป็นคนเชื้อสายจีนที่ดำเนินธุรกิจทางด้านการค้าอัญมณีมาตั้งแต่ดั้งเดิม หลังจากจบการศึกษาแล้วและสมรสกับ ทญ.ธัญยธรณ์ ทันตแพทย์ประจำโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พิชัยก็เข้าไปดำเนินกิจการค้าอัญมณีอันเป็นธุรกิจของครอบครัวตลอดมา มีความชำนาญในการค้าอัญมณีระหว่างประเทศ เป็นผู้นำเข้าและส่งออกอัญมณีในชื่อ บริษัท เจมส์ ควอลิตี้ จิวเวอร์รี่ มีประสบการณ์มากมายในการค้าขายค้าอัญมณีในแถบประเทศแอฟริกา แต่สิ่งที่พิชัยภาคภูมิใจและมักจะเล่าให้เพื่อนฝูงและบุคคลใกล้ชิดสนิทสนมฟังอยู่เสมอ คือ ความสามารถของตนเองที่ได้เข้าไปสร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับผู้นำระดับสูงในประเทศแอฟริกา ที่นอกจากจะทำให้การทำมาค้าขายอัญมณีในแอฟริกาเป็นไปโดยสะดวกและได้รับผลสำเร็จอย่างดีแล้ว พิชัยยังสามารถนำเพื่อนสนิทมิตรสหายที่มีความชำนาญในการค้าไม้เข้ารับสัมปทานตัดไม้ในป่าแอฟริกาจนราบเรียบ ฝากชื่อและฝีมือในการตัดป่าที่หาใครเทียบได้ยากไว้ในทวีปแอฟริกาจนขึ้นชื่อลือชาเลยทีเดียว

พิชัยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองครั้งแรก เพราะความรักใคร่สนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับ สุวิทย์ คุณกิตติ สส.ขอนแก่น หลังจากที่ได้ขยายธุรกิจจากการค้าขายอัญมณีมาสู่การลงทุนทางด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ จ.ภูเก็ต แล้วก็ได้ตั้งบริษัทขายและติดตั้งระบบงานโทรคมนาคมชื่อบริษัท ซุปเปอร์เครนโปรโมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล ในกลางปี 2539 ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อินท์คอม แล้วพิชัยก็ผันตัวเองเข้าสู่การเมืองผ่านสายสัมพันธ์ที่มีต่อสุวิทย์ ด้วยการเป็นนายทุนสนับสนุนนักการเมืองกลุ่มขอนแก่นที่มีสุวิทย์เป็นแกนนำ จนได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เมื่อสุวิทย์เข้าร่วมก่อตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน พิชัยก็กลายเป็นนายทุนคนสำคัญของพรรคเพื่อแผ่นดิน และเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร รวบรวมพรรคเล็กพรรคน้อยเข้าเป็นรัฐบาลครั้งแรก พิชัยและครอบครัวก็เอาตัวเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มที่ ดังจะเห็นได้ว่า ในปี 2548 ขณะที่สุวิทย์ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร พชร นริพทะพันธุ์ วัย 22 ปี บุตรชายคนโตของพิชัยก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขานุการส่วนตัวของสุวิทย์  โดยได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลและประสานงานระหว่างประเทศ และในปี 2549 ก็ได้รับการผลักดันเข้าไปทำงานในกองทุนหมู่บ้านในโครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติทั้งยังเคยได้รับแต่งตั้งเป็นรองโฆษกพรรคเพื่อแผ่นดินในช่วงเวลาที่สุวิทย์เป็นหัวหน้าพรรค

ต่อมาเมื่อสุวิทย์ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย ในที่สุดพิชัยและครอบครัวก็ถูกชักนำให้เข้าไปใกล้ชิดสนิทสนมกับครอบครัวชินวัตร
ยิ่งพิชัยแสดงความเป็นนักธุรกิจกล้าได้กล้าเสีย บริจาคเงินให้กับพรรคอย่างสม่ำเสมออีกทั้งธุรกิจการค้าอัญมณีที่เป็นความเชี่ยวชาญอย่างสำคัญของพิชัยมาแต่ไหนแต่ไรก็เป็นสิ่งที่ถูกโฉลกของนายหญิงพจมาน ชินวัตร จนเป็นที่รู้กันดีในหมู่เพื่อนสนิทเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ และบริวารผู้ใกล้ชิดว่า แต่เดิมที่ พจมาน ชินวัตร (ดามาพงศ์ หรือ ณ ป้อมเพชร ในปัจจุบัน) ได้ทำธุรกิจซื้อมาขายไปอัญมณีที่ร้านป้าภา แถวศูนย์การเพนนินซูล่า ก็เปลี่ยนสถานที่และความไว้เนื้อเชื่อใจจากป้าภามาสู่พิชัยผู้ซื้อง่ายขายคล่องโดยเฉพาะการค้าขายอัญมณีระหว่างประเทศที่พิชัยมีความคล่องตัวและทำประโยชน์ให้ได้อย่างสูงสุด

จากการเป็นนายทุนพรรคและความไว้เนื้อเชื่อใจของนายใหญ่และนายหญิงทำให้พิชัยได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่ง รมช.คลัง แทน ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี แกนนำกลุ่มโคราชในรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช ซึ่งก็ไม่ได้แสดงฝีไม้ลายมืออะไรให้เป็นที่ประจักษ์ เมื่อเกิดเหตุการณ์จลาจลในบ้านเมืองโดยฝีมือของคนเสื้อแดงในปี 2553 แม้จะไม่ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างเด่นชัดว่าเกี่ยวข้อง แต่พิชัยก็หนีไม่พ้นที่จะถูกเหมารวมว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจเสื้อแดงที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2554 พิชัยได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยถูกจัดลำดับในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร สส.เป็นลำดับที่ 124 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ก็ได้รับเลือกให้อยู่ในทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าบริหารประเทศในปี 2554 แล้วได้นำนโยบายรับจำนำข้าวออกมาดำเนินการ พิชัยได้อาสาออกไปโต้เถียงเรื่องโครงการรับจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาท และโครงการรับประกันราคาข้าว กับ วรงค์ เดชกิจวิกรม ผ่านรายการเจาะข่าวเด่น โดยพิชัยกล่าวว่า การรับจำนำข้าวของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนั้น อาจทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงและเป็นไปได้ว่าจะขึ้นมามากกว่าราคาจำนำด้วยวิธีการไปควบคุมการตลาด

ในที่สุดโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ได้นำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติอย่างมากมายมหาศาล มีการทุจริตอย่างมโหฬาร เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนถึงกับฆ่าตัวตายไปหลายสิบคน มีคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวจนต้องนำอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาล ความเสียหายอันมากมายมหาศาลที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติโดยส่วนรวม อันเนื่องมาจากนโยบายรับจำนำข้าวที่พิชัยเห็นดีเห็นงามด้วยนั้นก็ได้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วในทุกวันนี้ว่าเป็นนโยบายที่ล้มเหลวและก่อให้เกิดความเสียหายที่ใหญ่หลวง แต่ไม่เคยเห็นพิชัยออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือยอมรับผิดในความเสียหายอันมากมายมหาศาลนั้นแต่อย่างใด ได้แต่เที่ยววิพากษ์วิจารณ์ตำหนิผู้อื่นแต่ไม่เคยมองเห็นความผิดพลาดของตัวเอง ประเภทถนัดแต่เอาความดีใส่ตัว เอาความชั่วใส่คนอื่น อันเป็นวิสัยของผู้คนในระบอบทักษิณที่เหมือนกับถอดมาจากพิมพ์เดียวกัน

เมื่อได้รับตำแหน่ง รมว.พลังงาน ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผู้คนก็คาดหวังว่าพิชัยจะได้พิสูจน์ความสามารถและแสดงฝีไม้ลายมืออันเก่งกาจให้ได้เห็น กลับได้ยินแต่การแสดงความคิดเห็นว่าจะทำโน่น
ทำนี่ จะวางแผนการทางด้านพลังงานอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ก็มิได้มีผลงานออกมาเป็นรูปธรรมเลย จนผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลได้ร่วมกันตั้งฉายาว่าเป็นรัฐมนตรี “ไอเดียกระฉอก” ผลงานชิ้นโบแดงของพิชัยในขณะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน คือการจัดให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปใช้กระทรวงพลังงานที่ตั้งบนตึกเอ็นโก้ เป็นศูนย์ป้องกันและช่วยเหลือน้ำท่วม เมื่อที่ดั้งเดิมในสนามบินดอนเมืองถูกน้ำท่วม จนกระทั่งในเดือน ม.ค. 2555 พิชัยก็ถูกปรับออกจากตำแหน่ง รมว.พลังงาน จะด้วยการทำงานที่ไม่เป็นมรรคเป็นผลหรือเป็นเพราะมีเรื่องของลูกชายที่พิชัยเอาเข้าไปช่วยงานในกระทรวงแล้วขัดอกขัดใจและขัดขากันกับเจ๊ซาลาเปาใหญ่และลูกแก้วในโคลนตมแห่งตระกูลชินวัตรก็ไม่แจ้ง หากแต่มีเสียงเล่าลือออกมาให้ได้ยินกันภายหลังว่าเป็นเรื่องราวของการขัดผลประโยชน์และความไม่พอใจในฝีไม้ลายมือที่เอาแต่โหมโรง แต่ไม่มีการขับเคลื่อนผลงานออกมาให้ถูกตาถูกใจผู้มีอำนาจในพรรคต้นสังกัดแม้แต่น้อยนิด

นี่คือตัวตนของ พิชัย นริพทะพันธุ์ นักธุรกิจการเมืองที่ช่างพูดช่างวิจารณ์ แต่พอให้ทำให้ปฏิบัติอะไรในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและส่วนรวมก็มีแต่ความว่างเปล่า

ข่าวล่าสุด

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และเวสเทิร์นดิจิตอลยินดีผู้สำเร็จหลักสูตรเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อผลิตอัจฉริยะร่วมกับบีโอไอ