posttoday

ผ่าขบวนการ ‘ส.ค.1’ บินได้ ทับที่สปก.-ป่าสงวน 1.7 แสนแปลง

03 พฤษภาคม 2558

แม้ว่าปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่ป่าสงวนและที่ดิน ส.ป.ก. ที่ถูกบุกรุกจากนายทุนและเจ้าของรีสอร์ทต่างๆ

แม้ว่าปฏิบัติการทวงคืนพื้นที่ป่าสงวนและที่ดิน ส.ป.ก. ที่ถูกบุกรุกจากนายทุนและเจ้าของรีสอร์ทต่างๆ โดยเฉพาะบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ อ.ปากช่อง และ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จะมีการดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง

แต่ปรากฏว่าพื้นที่ที่ถูกบุกรุกส่วนใหญ่ เจ้าของที่ดินจะอ้างว่ามีเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดินอย่างถูกต้องตามกฎหมายจากกรมที่ดิน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยึดคืนที่ดินกลับคืนมาได้ แม้จะทราบในพิกัดแผนที่ว่าที่ดินผืนดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหรือเขต ส.ป.ก.ก็ตาม ทำให้ต้องมีการพิสูจน์ว่าเอกสารสิทธิที่ดินเหล่านั้นออกมาโดยชอบหรือไม่

สรรเสริญ อัจจุตมานัส เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ระบุว่า ก่อนที่ไทยจะเริ่มใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ประเทศไทยได้มีการออกโฉนดที่ดิน โดยกระทรวงเกษตราธิการ ภายใต้ พ.ร.บ.การออกโฉนดที่ดิน รัตนโกสินทรศก 127 (พ.ศ. 2451) และมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเรื่อยมาจนถึง พ.ร.บ.การออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2486

โดยกฎหมายฉบับนี้มีหลักการที่สำคัญ คือ ใครที่ครอบครอง ใครที่ทำกิน และใครที่เสียค่าอากรให้นายอากรในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ สามารถขอเอกสารสิทธิในการครอบครองที่ดินได้ 

ต่อมาไทยยกเลิก พ.ร.บ.การออกโฉนดที่ดิน และเปลี่ยนมาใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 รัฐบาลประกาศให้ประชาชนที่ถือครองที่ดินทำกินต่างๆ มาแจ้งการถือครองที่ดิน จากนั้นกรมที่ดินจะออกหลักฐานการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ให้ชาวบ้าน โดยเอกสาร ส.ค.1 จะระบุความกว้าง ยาว และทิศต่างๆ ว่าติดกับพื้นที่ใดบ้าง เป็นต้น เมื่อชาวบ้านได้ ส.ค.1 ส่วนใหญ่จะนำไปออกเอกสารสิทธิที่ดิน เช่น น.ส.3 และโฉนดที่ดินต่อไป

สรรเสริญ กล่าวต่อว่า จนกระทั่งประเทศไทยมีการออก พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติต่างๆ ซึ่งในบางพื้นที่มีการประกาศเขตป่าสงวนทับที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งทำให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ และพบว่ามีชาวบ้านได้รับผลกระทบไม่มากนัก ทางการจึงเปิดทางให้ชาวบ้านนำหลักฐาน ส.ค.1 มาแสดงว่าครอบครองที่ดินมาตั้งแต่ก่อนปี 2497 ก็ให้ทำกินต่อไปได้

ยกเว้นพื้นที่ที่เป็นป่าสงวนในเขตต้นน้ำ รัฐบาลจะให้ย้ายออกจากพื้นที่ทันที โดยจัดหาที่ดินและเงินชดเชยให้ แต่หากเป็นเขตป่าสงวนทั่วไป หากรัฐบาลมีเงื่อนไขให้ออกจากพื้นที่แลกกับการชดเชยต่างๆ ก็จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจของชาวบ้านว่าจะยอมรับเงื่อนไขหรือไม่

พร้อมกันนั้น รัฐบาลได้ผ่อนผันให้ชาวบ้านที่ถือครองที่ดินมาก่อนปี 2497 แต่ไม่ได้แจ้งขอออกเอกสาร ส.ค.1 สามารถมาแจ้งสิทธิครอบครองที่ดินเพิ่มเติมได้ โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจรังวัดที่ดิน หากสอบสวนและพิสูจน์ได้ว่ามีการทำประโยชน์ในที่ดิน ก็ให้เจ้าหน้าที่สามารถออกโฉนดหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.2) แล้วแต่กรณี และห้ามโอนให้ผู้อื่นเป็นเวลา 5-10 ปี หรือเรียกกันว่า “การจัดที่ดินหัวไร่ปลายนา”

“ประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาตอนนี้ คือ มีการแอบอ้างว่ามีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 กับใบจอง (น.ส.2) ที่ได้มาจากการถือครองที่ดินมาตั้งแต่ก่อนปี 2497 ซึ่งถือเป็นช่องโหว่ที่สำคัญมาก หรือแม้แต่ที่ดินที่ได้จัดสรรเป็นนิคมสร้างตนเอง (น.ค.) ก็มีการนำไปออกเป็นโฉนดและนำออกมาซื้อขายกันได้ เช่น กรณีที่ดินคีรีมายา รีสอร์ท ที่ซื้อที่ดิน น.ค.ที่ออกมาเมื่อปี 2535 แต่ที่ดิน น.ค.ดังกล่าวมันบวมมาทับที่ดินที่ประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในปี 2534 กว่า 600 ไร่” เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าว 

ขณะที่กระบวนการนำที่ดินในเขตป่าสงวนหรือที่ดินที่ประกาศให้เป็นเขต ส.ป.ก.มาออกเป็น ส.ค.1 หรือและ น.ส.3 หรือการนำ ส.ค.1 มาสวมทับที่ป่าสงวนและ ส.ป.ก.จะต้องเป็นคนที่รู้เรื่องที่ดินในบริเวณนั้นเป็นอย่างดี เช่น ผู้ปกครองในท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และข้าราชการที่อยู่มานาน เพราะรู้ที่มาที่ไปของที่ดิน จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการนำที่ดินไปออกเอกสารสิทธิกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน

เช่น การนำ ส.ค.1 ในท้องที่เดียวกันหรือท้องที่อื่นๆ หรือ ส.ค.1 ที่มีการออกเป็นโฉนดแล้ว และ ส.ค.1 ที่ไม่ได้ออกเป็นโฉนด จะมีกระบวนการนำ ส.ค.1 มาสวมทับที่ดินป่าสงวนและที่ดิน ส.ป.ก.ได้ เนื่องจากในใบ ส.ค.1 บางใบไม่มีการทำลายต้นขั้ว เมื่อมีการออกเป็นโฉนดไป ขณะที่ ส.ค.1 ที่ว่านี้ก็ไม่ได้มีการระบุพิกัดแผนที่โดยละเอียด มีเพียงข้อมูลที่แสดงอาณาเขตคร่าวๆ เท่านั้น จึงเปิดช่องให้มีการนำไปแสวงหาประโยชน์ได้จากความไม่ชัดเจนในพิกัดแผนที่ 

“ส.ค.1 มันบินไปได้ทั่ว หากเราไม่โละทิ้ง มันก็จะบินไปเรื่อยๆ และปัจจุบันนี้ก็คาดว่ายังมี ส.ค.1 ที่ยังรอออกเป็นโฉนดจำนวนมาก หากไม่เร่งเคลียร์ตรงนี้ ในอนาคตก็คาดว่าจะมี ส.ค.1 บินไปครอบพื้นที่อื่นๆ ได้อีก ขณะนี้จึงเป็นโอกาสที่ คสช.จะเคลียร์ตรงนี้” สรรเสริญ กล่าว

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของกรมป่าไม้ระบุว่า กระบวนการบุกรุกที่ป่าสงวนแห่งชาติส่วนหนึ่งมาจากการที่กรมที่ดินเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่บุกรุกแผ้วถางป่านั้น หากมีเอกสารสิทธิที่เรียกว่าใบ ภ.บ.ท.5 หรือเอกสารที่แสดงว่าได้เสียภาษีบำรุงท้องที่ตาม พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 และแม้ว่าการถือครองใบ ภ.บ.ท.5 จะไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในการออกเอกสารสิทธิที่ดินได้ แต่เปิดช่องให้มีการใช้ “ดุลพินิจ” ในการนำ ภ.บ.ท.5 มาเป็นใบเบิกทางเพื่อออกเอกสารสิทธิที่ดิน

“ใบ ภ.บ.ท.5 จะปรากฏเฉพาะชื่อผู้ที่เสียภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น ไม่ได้แสดงหลักฐานการครอบครอง ไม่สามารถออกเป็นโฉนดได้ แต่เจ้าหน้าที่รัฐได้อะลุ้มอล่วยให้ผู้ที่แสดงหลักฐานนี้มาเป็นหลักฐานในการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินมาก่อนหน้าที่จะประกาศเขตป่าสงวน ซึ่งเปรียบเสมือนกับการทำให้ ภ.บ.ท.5 กลายเป็นใบเบิกทางให้มีการเดินเรื่องไปจนกระทั่งสามารถออกเป็นเอกสารสิทธิที่ดินได้ในเวลาต่อมา โดยเฉพาะในเวลาต่อมามีการซื้อขาย ภ.บ.ท.5 ให้กับนายทุนก่อนนำไปเป็นหลักฐานในการออกเอกสารสิทธิที่ดิน” แหล่งข่าวเปิดเผย

แหล่งข่าวยังระบุว่า กระบวนการออกสำรวจและเดินรังวัดที่ดินทั่วประเทศของเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2532) เปิดช่องให้มีการนำเอกสาร ส.ค.1 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ส.ค.1 ที่นายทุนและนักการเมืองบางคนซื้อมาจากชาวบ้าน เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการสวมในที่ดินแปลงสวยๆ และออกเป็นเอกสารสิทธิที่ดินต่อไป และมีบางกรณีที่ ส.ค.1 ที่ได้มานั้น ไม่สามารถพิสูจน์หรือมีหลักฐานว่าได้มาอย่างไร

“เคยมีการสำรวจพบว่ามีการเข้าครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวน 1.7 แสนแปลง โดยอาศัยช่องโหว่ต่างๆ โดยเฉพาะที่ดินบนเกาะ ซึ่งจะมีกระบวนการที่สามารถทำให้ออกโฉนดทับพื้นที่ป่าได้ แต่ทั้งหมดนี้จะต้องมีข้าราชการร่วมมือ และหากสืบย้อนไปจริงๆ ก็พบที่มาที่ไป เช่น ที่ดินเขาใหญ่ หากกางแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร ก็จะพบหลักฐานที่สืบย้อนไปได้ว่านายทุนและผู้มีอิทธิพลคนใดบุกรุกป่าบ้าง” แหล่งข่าวระบุ

ตะวัน ศรีกานิล เครือข่ายผู้รักษ์เขาใหญ่ ระบุว่า การบุกรุกพื้นที่ป่าเขาใหญ่นั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นนอกเขตอุทยาน เช่น พื้นที่ส่วนที่เป็นภูเขา ซึ่งไม่น่าจะออกโฉนดได้ แต่กลับพบว่ารีสอร์ทบางแห่งตั้งอยู่บนภูเขาและสามารถดำเนินการจนกระทั่งมีการออกโฉนดรับรองการครอบครองที่ดินได้ แต่ชาวบ้านที่มีบ้านรั้วติดกันกลับไม่มีหลักฐานที่นำไปออกโฉนดได้

“พื้นที่ อ.วังน้ำเขียว น่าจะมีบ้านพักและรีสอร์ทที่บุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติมากกว่า 20 แห่ง เช่นที่ ต.ระเริง อ.วังน้ำเขียว ถนนวังน้ำเขียว-เขาแผงม้า-ปากช่อง มีกลุ่มนายทุน นักธุรกิจ นักการเมือง เข้าไปจับจองพื้นที่กันจำนวนมาก และแทบจะทุกรายผิดกฎหมาย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ทำให้คนที่มีกำลังซื้อจำนวนไม่น้อยเริ่มซื้อที่ดินหรือบ้านหลังที่สองรอบพื้นที่เขาใหญ่ ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวราคาเพิ่มสูงขึ้น และเป็นแรงจูงใจให้มีการบุกรุกที่ดินรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มากขึ้น” ตะวัน กล่าว

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ