posttoday

ข้อเรียกร้องที่ไม่ได้เขียนของ “สาวโรงงาน”

01 พฤษภาคม 2558

กว่า 40 ปี ตั้งแต่ดำรงวัยสาวน้อยจนเคลื่อนเข้าสู่ความชราภาพ “ป้าหงวน”ใช้ชีวิตแทบทั้งวันทำงานในโรงงาน กินค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 316 บาท

เรื่องโดย ภาสกร จำลองราช
ภาพ พิพิธภัณฑ์แรงงานไทย


กว่า 40 ปี ตั้งแต่ดำรงวัยสาวน้อยจนเคลื่อนเข้าสู่ความชราภาพ “ป้าหงวน” น.ส.สงวน ขุนทรง ยังคงใช้ชีวิตแทบทั้งวันทำงานอยู่ในโรงงาน กินค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 316 บาท
 
16 บาทที่สูงกว่าค่าแรงมาตรฐานไทย 300 บาท คือค่าประสบการณ์ ค่าความเชี่ยวชาญ หรือค่าที่อยู่นานของชีวิตการทำงานกว่า 40 ปี ที่มุ่งมั่นอยู่ในโรงงาน
 
ขณะที่ฟันเฟืองเล็กๆทำหน้าที่อยู่ในโรงงานอย่างแข็งแกร่ง จนเจ้าของโรงงานสามารถขยายกิจการออกไปใหญ่โตในหลายจังหวัด ส่งลูกหลานไปเรียนต่อต่างประเทศจนมีหน้ามีตาในสังคม แต่ค่าผลงานที่สาวโรงงานได้รับการแบ่งปันเพิ่มคือ เงินวันละ 16 บาทเท่านั้น
 
คุณภาพชีวิตของป้าหงวน คือภาพสะท้อนชีวิตของลูกจ้างในโรงงานกลุ่มใหญ่ทุกวันนี้
 
เธอเป็นชาวนครปฐม เริ่มเข้าสู่โรงงานเมื่อตอนอายุ 17 ปี หลังได้รับการชักชวนให้เข้าไปทำงานทอถุงเท้าในโรงงานแห่งหนึ่งที่ตำบลอ้อมน้อย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ด้วยค่าจ้างวันละ 12 บาท
 
“เมื่อรวมกับโอทีแล้ว มีรายได้ตกวันละ 20 กว่าบาท เราอยู่ได้สบาย เดือนๆทำงานได้ 700 กว่าบาท ตอนนั้นทองราคาบาทละ 400 ผิดกับเดี๋ยวนี้ ทำงานทั้งเดือน รวมค่าโอทีแล้ว จะซื้อทองสองสลึง ยังลำบาก” ป้าหงวน อธิบายเศรษฐกิจของสาวโรงงานที่ถอยห่างค่าครองชีวิตขึ้นทุกวัน
 
 
“ชีวิตของพวกเรา ทุกอย่างได้มาจากการเรียกร้องทั้งหมด ขอค่าจ้างขึ้นแค่ 1 บาท ยังต้องไปประท้วงกันแล้วประท้วงกันอีก ถ้าเราไม่ประท้วง เขาก็ไม่ให้ ค่าครองชีพก็กระเถิบหนีไปเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้ค่าครองชีพหนีไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว เพราะบ่อยครั้งที่ปีนั้นเขาไม่ปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้”
 
ปัจจุบันค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์และผู้บริหารประเทศจำนวนไม่น้อย พากันวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอว่าเป็นค่าจ้างที่ได้รับการปรับสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับค่าจ้างขั้นต่ำเดิม และเป็นปัจจัยทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศพลอยสะดุดจากนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากัน 300 บาททั่วประเทศ

แต่พวกเขาลืมนึกย้อนไปว่าในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ค่าจ้างขั้นต่ำถูกกดให้ต่ำกว่าความเป็นจริงมาโดยตลอด ทุกรัฐบาลอาศัยหยาดเหงื่อและความเหนื่อยยากของลูกจ้างเป็นแรงจูงใจดึงนักเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
 
“ยิ่งค่าจ้างถูก ยิ่งดึงดูดนักลงทุนได้เยอะ” เป็นคัมภีร์ที่ท่องกันมาหลายทุกยุคทุกสมัย ทั้งที่มีข้อโต้แย้งมาตลอดว่าค่าจ้างเป็นเพียงต้นทุนเล็กน้อยในระบบการผลิต ทว่ากลับไม่ได้รับความสนใจ
 
การคำนวณค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ตั้งอยู่บนฐานคิดของการใช้ชีวิตเพียงลำพังคนเดียวที่อยู่ในสังคมแห่งนี้ได้ แต่ในความเป็นจริง ลูกจ้างยังต้องหาเลี้ยงครอบครัวด้วย ทั้งพ่อแม่ในต่างจังหวัดและลูกๆที่อยู่ในวัยกำลังกินกำลังเรียน

ที่สำคัญคือตัวเลขการอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ กลายเป็นตัวเลขต่อรองที่แฝงได้ด้วยบรรยากาศทางการเมือง มากกว่าตัวเลขที่สะท้อนความเป็นจริง
 
“สมัยก่อนค่าที่พัก ค่ารถไม่เสีย เลยไม่มีภาระมาก แต่สมัยนี้ ก้าวออกจากที่พักก็ต้องใช้เงินทุกอย่าง ค่าจ้างวันละ 300 บาทจะไปพออะไร ถ้าไม่ทำโอที เราก็อยู่กันไม่ได้หรอก รู้หรือยังทำไมเราถึงต้องเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำ เพราะต่อให้คุณทำงานดีแค่ไหน นายจ้างก็ไม่ปรับขึ้นให้หรอก ” ป้าหงวนอธิบายตามบทเรียนจริงที่สั่งสมมาตั้งแต่อายุ 17 จนย่างเข้า 62ปี
 
นอกจากชีวิต “ก้มหน้า”ทำงานตั้งแต่ตอน 8 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็นแล้ว สิ่งที่ป้าหงวนได้ทำหน้าที่ติดต่อกันมายาวนานคือสมาชิกสหภาพแรงงาน
 
หลังจากทำงานในโรงงานได้ไม่กี่ปี ป้าหงวนได้ร่วมกับเพื่อนๆก่อตั้งสหภาพแรงงานขึ้นในโรงงาน ตามคำชักชวนของผู้นำแรงงานในยุคนั้น และต่อมาได้มีการรวมกลุ่มสหภาพแรงงานย่านอ้อมน้อยอ้อมใหญ่จนกลายเป็นพลังที่สำคัญของหมู่มวลกรรมกรไทย
 
“ตอนไปเรียกร้องกฎหมายประกันสังคมสมัยพลเอกชาติชาย เป็นนายกฯ เราก็ไปกัน ตอนนั้นป้าวิ(วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย) ไปอดข้าวหน้าสภา ส่วนป้าจัดกำลังไปหนุน พอเลิกงานก็ชวนเพื่อนๆไปร่วม จนในที่สุดถึงได้ประกันสังคมมา รวมแล้วต้องใช้เวลากว่า 36 ปีในการเรียกร้อง” ป้าหงวนเล่าที่วีรกรรมของลูกจ้างที่มักไม่มีอยู่ในบันทึก เช่นเดียวกับเรื่องราวการต่อสู้มากมายจนได้มาซึ่งกฎหมายและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
 
“มีความสุขนะที่ได้ทำตรงนี้ ได้ทำเพื่อส่วนรวมบ้าง พวกเราต้องช่วยกัน ถ้าอยู่เฉยๆก็ไม่ได้อะไรมา เราต้องเรียกร้องเพื่อสิทธิของตัวเอง เพื่อลูกหลานในอนาคต”
 
ในวัย 62 ปี ป้าหงวนตั้งใจว่าจะทำงานอยู่ในโรงงานต่อไปเรื่อยๆเพราะอีกอาชีพลูกจ้างอย่างแกไม่มีเกษียณอายุจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรง ออกก็คือออก ไม่มีเงินบำเหน็จบำนาญจากนายจ้าง แม้ทุกวันนี้จะได้เบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยชราภาพอีก 2 พันกว่าบาทจากประกันสังคมหากออกจากงาน แต่ก็ยังไม่พอที่คนๆหนึ่งจะดำเนินชีวิตในสังคมได้
 
“ทุกวันนี้อยู่คนเดียว เวลาของชีวิตมันจมหายไปกับโรงงานหมดตั้งแต่สาวจนแก่ เงินเก็บเงินก้อนก็ไม่มี พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ทรัพย์สินอะไรก็ไม่มี ยังงงๆอยู่ว่าพอทำงานไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไร” ป้าหงวนวังเวงใจในบั้นปลายชีวิตและเป็นบทสรุปเดียวกันของสาวโรงงานอีกจำนวนมากมาย

เป็นบทสรุปที่สะเทือนใจ และยากที่จะเขียนแยกย่อยเป็นข้อเรียกร้องใดๆได้.

 

ข้อเรียกร้องที่ไม่ได้เขียนของ “สาวโรงงาน”

 

ข้อเรียกร้องที่ไม่ได้เขียนของ “สาวโรงงาน”

 

ข้อเรียกร้องที่ไม่ได้เขียนของ “สาวโรงงาน”


 

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’