ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ

โดย...ส.สต

ประวัติชีวิตบุคคลสำคัญของชาติ อย่างท่าน พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา เชษฐบุรุษ อดีตนายกรัฐมนตรี 5 สมัย มีเรื่องราวให้ศึกษาและเรียนรู้มากมาย ที่คนไทยและนักการเมืองไทยน่าจะถือเป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อชาติ

หัวเรื่องสยามอัศจรรย์ วันนี้ คือ ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ นั้น เป็นคติประจำตัว ที่กำหนดเส้นทางเดินชีวิตของ ได้ชัดเจนยิ่งนัก

เมื่ออ่านประวัติการต่อสู้ ตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยที่เมืองไทย และที่ประเทศเยอรมนี และเมื่อเป็นผู้นำทางทหาร การเป็นผู้นำทางการเมืองตลอดแล้ว จะพบว่าการดำรงตนของท่านน่าชื่นชม น่ายกย่อง คนไทยที่บางคน หรือเยาวชนบางท่านที่กำลังแสวงหาตนเอง และไม่มีบุคคลในดวงใจ หรือ Idol น่าจะศึกษาและยึดเอาเป็นแบบอย่างได้ เพราะชีวิตท่านเริ่มต้นดี ได้เพื่อนดี มีความซื่อสัตย์ เก็บความลับความเป็นความตายไว้กับตัว โดยไม่แพร่งพรายให้ภรรยาคู่ชีวิตทราบระแคะระคาย รักษาตัวห่างไกลจากกิเลส โลภ โทสะ โมหะ ทั้งปวง หยิ่งในศักดิ์ศรี รักษาวงศ์ตระกูลให้อนุชนในตระกูลภาคภูมิใจ อยู่ที่ไหนสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นลูกหลานพระยาพหลฯ

ส่วนการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 5 สมัยของท่านมีดังนี้

วันที่ 21 มิ.ย. 2476 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 1 โดยรัฐประหารรัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา วันที่ 16 ธ.ค. 2476 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 วันที่ 22 ก.ย. 2477 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3วันที่ 9 ส.ค. 2480 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 4 และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ วันที่ 21 ธ.ค. 2480 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 5 วันที่ 11 ก.ย. 2481 ยุบสภาและลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ชีวิตของท่านพิสูจน์ให้เห็นว่าเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพ เพื่อเชิดหน้าชูตาในสังคม แต่เกียรติยศและชื่อเสียงต่างหาก ที่เป็นสิ่งสำคัญ ทำให้ศักดิ์ศรีกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์  เมื่อถึงอนิจกรรม ครอบครัวขาดปัจจัยที่จะจัดงานศพให้สมกับฐานะเชษฐบุรุษ รัฐบาลสมัยนั้นได้ยื่นมือเข้ามารับการจัดการศพให้อย่างสมเกียรติและศักดิ์ศรี

หลังจากท่านจากไปแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างที่รัฐบาลได้สร้างให้เป็นที่ระลึก เช่น เปลี่ยนชื่อเป็นถนนพหลโยธิน เป็นถนนเชื่อมกรุงเทพมหานครกับจังหวัดต่างๆ ปัจจุบันในภาคเหนือ สิ้นสุดที่แม่สาย ระยะทาง 1,005 กิโลเมตร

พ.ศ. 2479 กองบังคับการวังปารุสกวัน

 

ก่อนหน้าจะชื่อถนนพหลโยธิน ถนนนี้มีชื่อเดิมว่า “ถนนประชาธิปัตย์” มีระยะทางได้ 22 กิโลเมตร จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึงดอนเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2479

ในปี พ.ศ. 2481 จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ขยายสายทางต่อจากดอนเมือง ผ่าน อ.บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และขยายต่อมาถึง จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2483  รวมระยะทางได้ 162 กิโลเมตร ต่อมาคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ตั้งชื่อว่า “ถนนพหลโยธิน” เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2493 เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ พ.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎร ผู้นำการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 และนายกรัฐมนตรีของไทย

จากนั้นจึงขยายเส้นทางขึ้นไปเรื่อยๆ ในที่สุดได้มีการรวมทางหลวงสายลำปาง-เชียงราย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของถนนพหลโยธินด้วย (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

โรงพยาบาลที่ จ.กาญจนบุรี ก็ชื่อโรงพยาบาลพระยาพหลพลพยุหเสนา พิพิธภัณฑ์ที่กรมทหารปืนใหญ่ ลพบุรี ก็เช่นเดียวกัน

นี่คือเส้นทางของผู้นำไทย ที่ถือคติชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ น่าภูมิใจจริงๆ

(ข้อมูลบางส่วน และภาพจากหนังสือสมุดภาพพระยาพหลพลพยุหเสนา ภาค 1)