รวมคำถามชวนบิ๊กตู่ปรอทแตก "ดุแค่ไหนก็ยังรักนักข่าว"
แม้นายกฯจะออกอาการอารมณ์ไม่ดีใส่ผู้สื่อข่าวขนาดไหน แต่ทุกครั้งก็มักมีคำพูดหวานๆให้กับผู้สื่อข่าวเสมอ
โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์
สำนวนไทย “ลิ้นกับฟัน” น่าจะเป็นอะไรที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับ ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากระยะหลังๆมานี้นายกฯมักจะออกอาการ “ฉุน” และ “หงุดหงิด” บ่อยครั้งเมื่อต้องเจอกับคำถามของผู้สื่อข่าว ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและการเมือง
จนกระทั่งล่าสุดมีผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนของ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในหัวข้อ “นายกฯ กับสื่อมวลชน” ออกมา โดยระบุว่า “การปะทะคารมระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับผู้สื่อข่าว ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 39.68% ระบุว่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมาเกินไปทำให้เกิดวลีหรือสำนวนที่ไม่รื่นหู รองลงมา 29.28% ระบุว่า นักข่าวชอบมีคำถามชวนโมโห”
หากจะบอกว่าครั้งไหนที่การสัมภาษณ์นายกฯของผู้สื่อข่าว ทำให้ผู้นำประเทศออกอาการมากที่สุด น่าจะมีอยู่อย่างน้อย 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1 วันที่ 29 ม.ค. ขณะนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกบุคคลที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองมาทำความเข้าใจ โดยเฉพาะกรณีการควบคุมตัวนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามนายกฯหลายประเด็น
ผู้สื่อข่าว: ไม่มีการออกหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อให้มารายงานตัวหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ : ไม่ต้อง ให้คสช.เขาติดต่อแล้วเชิญมาเองคือไม่อยากทำให้เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวใหญ่โต เวลาจะเชิญมาก็ใช้การโทรศัพท์หากันเรียกมาพบมาพูดคุยมันจะเป็นอะไรถึงเวลาก็ปล่อย
ผู้สื่อข่าว: แต่การไปรับตัวถึงบ้านหรือร้านอาหารดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ : แล้วทำไมล่ะ แล้วจะให้ไปเชิญที่ไหน เชิญที่ร้านค้าหรืออย่างไร หรือไม่เชิญตามส้วมตามห้องน้ำหรืออย่างไร ก็ต้องไปเชิญที่บ้านสิ หรือไปเชิญที่ร้านค้าเจอตรงไหนก็เชิญตรงนั้น"
ผู้สื่อข่าว: แสดงว่าต่อไปนี้ใครที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองก็จะถูกเชิญมาปรับทัศนคติและทำความเข้าใจใช่หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ : แล้วถูกหรือไม่ล่ะที่ออกมาพูดกันอย่างนี้มันสมควรที่จะพูดตอนนี้หรือก็เท่านั้นแหละจะมาถามให้เป็นเรื่องการอยู่ได้
ผู้สื่อข่าว : แต่หลายฝ่ายมองว่าบรรยากาศเหมือนทหารกำลังเป็นฝ่ายกดดัน
พล.อ.ประยุทธ์ : ใครล่ะใครมองมีคนตรงไหนมองเช่นนั้นใครอึดอัดบ้างพลเรือนที่ไหนอึดอัดไปถามคนจนดูบ้างดูอย่างวันนี้ถามสิว่าพวกเราประชุมอะไรกันเป็นเรื่องคนจนเรื่องของคนทั้งประเทศทั้งนั้น ไม่ได้พูดถึงเรื่องอำนาจผม ผมไม่ได้เป็นพวกบ้าอำนาจ ไม่เข้าใจกันสักที หาเรื่องกันอยู่นั่น เมื่อวาน (28 ม.ค.) ก็ครั้งหนึ่งแล้วถ่ายรูปได้อย่างไรผมก็ชี้นิ้วของผมไปเรื่อย ไอ้ห่า ถ่ายออกมาดีๆ ดันไปถ่ายผมชี้นิ้วอย่างนั้นอย่างนี้นี่แหละที่เขาบอกว่าจิตใจมันต่ำ ด่าที ไม่กลัวหรอกจะด่าแบบนี้จะทำไม
ครั้งที่ 2 วันที่ 6 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ไปกล่าวระหว่างเปิดงานสัมมนาโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐตอนหนึ่งว่า "วันก่อนเจอนักข่าวถามว่า รัฐบาลมีผลงานอะไร ผมแทบจะชกหน้าคนถาม ทำมาตั้งเยอะแยะไม่เห็นหรืออย่างไร วันนี้จะพูดไปเรื่อยๆ ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บคอ ต่อไปนี้ทุกคืนวันศุกร์ ข้าราชการทุกกระทรวงต้องจดบันทึกให้รัฐมนตรีให้ทราบว่าผมพูดอะไรไปบ้าง นักข่าวเองก็ต้องฟังเหมือนกัน เวลามาถามจะได้รู้เรื่อง และมีแนวคิดจะเปิดเวทีละถามนักข่าวบ้าง เหมือนการสอบ แล้วส่งให้บรรณาธิการดีไหม วันนี้ผมคิดเยอะอยู่ในหัว รับข้อมูลมาทุกเรื่อง"
ครั้งที่ 3 วันที่ 9 มี.ค. เวลานั้นมีข่าวรัฐบาลอาจเตรียมเก็บภาษีบ้านและที่ดิน ซึ่งสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับนายกฯถึงความชัดเจนด้วยคำถามว่า “มาตรการดังกล่าวเป็นเพราะรัฐบาลเก็บภาษีไม่เข้าเป้าใช่หรือไม่” พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ไม่เข้าเป้าเพราะอะไร เพราะที่ผ่านมามันโกงภาษีและหลบเลี่ยงภาษีกันเรื่องแบบนี้ก็ต้องไปบอกคนที่ทำอย่ามาตั้งคำถามที่ตนไม่สามารถไปจับใครได้เพราะตนไม่ได้เป็นคนเก็บภาษีก็ขอให้เขาเสียภาษีให้ถูกต้อง”
ครั้งที่ 4 วันที่ 25 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ก่อนเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ประเทศบรูไน โดยเนื้อของคำถามและคำตอบจะเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ พูดเริ่มต้นว่า การพิจารณาคดีทางการเมืองอย่าไปสนใจ ให้เขาเดินหน้าไปตามกระบวนยุติธรรม อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันนัก เพราะเขาทำงานไม่ง่าย ถ้าเรามัวแต่คล้อยตามไปมาแบบนี้ ศาลก็ลำบาก
ผู้สื่อข่าว : คดีที่พูดถึงหมายถึงคดีอะไร และเกี่ยวข้องกับใคร
พล.อ.ประยุทธ์: สื่อก็รู้อยู่จะมาถามอีกทำไม มันก็คือคดีการเมือง ก็รู้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าว: การเลื่อนการแถลงผลงานรอบ 6 เดือน จากวันที่ 10 เม.ย.เป็นวันที่ 17 เม.ย.
พล.อ.ประยุทธ์ : แล้วจะทำไม ขนาดพูดธรรมดายังไม่ฟังกันเลย ก็ต้องหาเวลาที่ทุกคนฟัง โดยเฉพาะสื่อ เพราะที่พูดทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครฟัง ถ้าไปพูดวันหยุดแล้วใครจะฟัง และก็ได้สั่งการให้ทุกกระทรวงมีการชี้แจงผลงานมาตั้งนานแล้ว และแต่ละกระทรวงก็มีการดำเนินการมาเพียงแต่สื่อไม่ไปสนใจ
ผู้สื่อข่าว : มีการไปพูดโยงถึงเรื่องการทำงานและการปรับ ครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ
พล.อ.ประยุทธ์: “มีแต่พวกคุณพูดกันทั้งนั้นว่าจะมีการปรับ ครม. ถ้าปรับแล้วมันดีขึ้น เออ มันก็ใช่ แต่ถามว่าสถานการณ์ขณะนี้การปรับคนจะทำให้แก้ปัญหาได้หรือไม่ อยากให้ตอบ สมมติว่าหนังสือพิมพ์ของพวกคุณ ถ้าจะให้ขายดีต้องให้ไอ้นักข่าวคนนี้ออกไป บรรณาธิการคนนี้ก็ต้องออก แล้วมันจะดีขึ้นไหม มันไม่ได้แก้ปัญหาง่ายขนาดนั้น เดี๋ยวผมจะดูอีกระยะหนึ่งนะสำหรับการทำงานของสื่อ ที่ผมและรัฐบาลทำมาทั้งหมดก็เพื่อคนไทยทุกคน แต่พอจะมีกลไกอะไรต่างๆ ออกมาก็ไม่ยอมกันจะกลับไปยืนที่เก่า สื่อก็คล้อยตามกันไปเรื่อย ยิ่งทำให้สังคมแตกแยก แล้วผมจะได้อะไรขึ้นมากับสิ่งที่ผมทำ
ผู้สื่อข่าว : ถ้าสื่อเสนอข่าวลักษณะที่ทำให้แตกแยกจะพิจารณาใช่หรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ : “สื่อใดที่เสนอข่าวสร้างความแตกแยกก็จะให้ทางสมาคมฯ ดำเนินการสอบมา แล้วถ้าสมาคมไม่ได้เรื่อง ผมก็จะให้คณะข้างบนเขาสอบต่อ เอามาตีดูสิว่าไอ้นี่มันสร้างความแตกแยกหรือไม่ ถ้าวิจารณ์ทั่วๆ ไป ผมไม่ว่า ติติงนิดหน่อยผมก็รับได้นะ แต่ถ้าพูดทุกวันว่าล้มเหลว มันจะล้มเหลวได้อย่างไรวะ ก็ของเก่ามันยิ่งกว่าล้มเหลวอีก เมื่อเราเข้ามาแก้จากความล้มเหลวเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น คิดแบบนี้กันบ้างสิ”
ผู้สื่อข่าว: จะถึงขั้นปิดสื่อเลยหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์: กล่าวว่า อย่ามาหาเรื่องให้ตนต้องไปรบกับสื่อเลย
ผู้สื่อข่าว : บทลงโทษคืออะไร
พล.อ.ประยุทธ์: “ประหารชีวิตมั้ง ถามส่งเดชไปได้ ก็อย่าทำกันสิ ระมัดระวังกันหน่อย สื่อต้องมีวิจารณญาณ มีจรรยาบรรณกันหน่อย เห็นเรียกร้องอยากได้จรรยาบรรณกันนักหนา ให้ไปแล้วก็ใช้ไม่เป็น ไม่รู้จักใช้ อะไรที่เป็นความร่วมมือเพื่อทำให้ประชาชนก็ต่องมาร่วมมือกัน อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็ต้องพอๆ เพราะเห็นว่ารัฐบาลเขากำลังทำงานอยู่ แต่ทุกวันนี้ไม่เคยเห็นสักฉบับไม่มีเลย มีน้อยมากหรือมีแค่บางคนเท่านั้น ผมไม่ได้ขอให้เชียร์”
อย่างไรก็ตาม แม้นายกฯจะออกอาการอารมณ์ไม่ดีใส่ผู้สื่อข่าวขนาดไหน แต่ทุกครั้งก็มักมีคำพูดหวานๆให้กับผู้สื่อข่าวเสมอ เช่น วันที่ 5 มี.ค. ซึ่งเป็นวันนักข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ก็กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ขอให้มีความสุขเป็นนักข่าวที่ดีและมีคุณภาพเป็นนักข่าวที่น่ารัก สื่อน่ารัก ต้องรัก ร.เรือ ลัก ล.ลิง ไม่เอา” หรืออีกครั้งเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ภายหลังมีความเคลื่อนไหวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะพูดกับนักกข่าวน้อยลง โดยได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “เก็บความรักไว้ในหัวใจ จะได้เข้าใจกัน”


