สธ.เข้มคลินิกทำแท้งทั่วประเทศ
ปลัดสธ. เผย สั่งการทั่วประเทศ จับตาคลิติกทำแท้งเถื่อน หากพบให้ดำเนินตามกฎหมายเด็ดขาด
ปลัดสธ. เผย สั่งการทั่วประเทศ จับตาคลิติกทำแท้งเถื่อน หากพบให้ดำเนินตามกฎหมายเด็ดขาด
นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากกรณีการนำศพทารกมาดองขายซึ่งคาดว่าจะได้มาจากการทำแท้งเถื่อนที่จังหวัดอุบลราชธานี นั้นได้สั่งการให้สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทั่วประเทศ เข้มงวดตรวจสอบคลินิกที่อาจมีการลักลอบทำแท้ง และให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า การทำแท้งเกิดจาก 2 กรณี คือปัญหาสุขภาพของมารดา และการตั้งครรภ์ไม่พึงปรารถนา โดยกรณีแรกไม่น่าเป็นปัญหาเนื่องจากทำในสถานบริการสาธารณสุขที่ถูกต้อง แต่กรณีหลัง ซึ่งคาดว่าจะมีถึงปีละ 300,000 คน ส่วนใหญ่ทำด้วยวิธีการที่ไม่ปลอดภัย เสี่ยงต่อการติดเชื้อ มดลูกอักเสบ ตกเลือด มดลูกทะลุ อาจถูกตัดมดลูกทิ้ง หรือเสียชีวิตเพราะอักเสบรุนแรง ทั้งนี้พบได้ถึง 12%
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 ระบุว่า ผู้ที่ทำแท้งให้โดยหญิงยินยอมมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากหญิงที่ยินยอมให้ทำแท้งได้รับอันตรายสาหัส โทษจำคุกจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากถึงแก่ความตายจะต้องจำคุกตั้งแต่ 10 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ส่วนหญิงที่ยินยอมให้กระทำมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 301 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท ส่วนสถานพยาบาลเถื่อนหรือสถานพยาบาลที่ไม่ได้รับอนุญาต จะมีความผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ผู้ที่ทำการประกอบวิชาชีพ เวชกรรมโดยไม่ใช่แพทย์จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 โทษจำคุกไม่เกิน3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท


