หลวงปู่ขาว อนาลโย รศ.196
หลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นพระสุปฏิปันโน ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2431 มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2526
โดย...ภัทระ คำพิทักษ์
หลวงปู่ขาว อนาลโย เป็นพระสุปฏิปันโน ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2431 มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2526
พระมหาเถระผู้มีอายุยืนยาวถึง 94 ปี 64 พรรษา
ท่านเป็นที่เคารพของพุทธศาสนิกชนตลอดจนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ และเป็นที่ยอมรับกันว่า ท่านเป็นหนึ่งในพระอรหันต์ในยุคหลังพุทธกาล
หลวงปู่ขาวบวชเมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2462 หรือขณะอายุ 31 ปี
ถ้าพิจารณาจากข้อเขียนของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ก็พอจะอนุมานได้ว่า หลวงปู่ขาวบรรลุธรรมเมื่ออายุ 47-48 ปี
หลวงตามหาบัว ระบุไว้ในหนังสือ “ปฏิปทาของพระธุดงค์กรรมฐานสายพระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” ว่า ลูกศิษย์รูปหนึ่งของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซึ่งแม้หลวงตามิได้ออกนามโดยตรงแต่ก็เป็นที่ทราบกันว่า ท่านหมายถึงหลวงปู่ขาว ได้บรรลุธรรมชั้นสุดยอดในราวพรรษาที่ 16-17 ณ สถานที่ซึ่งเรียกว่า โหล่งขอด ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งหนึ่งใน อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
“เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จ ท่านออกจากที่พักไปสรงน้ำ ได้เห็นข้าวในไร่ชาวเขา กำลังสุกเหลืองอร่าม ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาในขณะนั้นว่า ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด ใจที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกันกับเมล็ดข้าว เชื้อนั้น ถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไป จะต้องพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด ก็แล้วอะไรเป็นเชื้อของใจเล่า ถ้าไม่ใช่กิเลสอวิชชา ตัณหาอุปาทาน ท่านคิดทบทวนไปมา โดยถืออวิชชาเป็นเป้าหมายแห่งการวิพากษ์วิจารณ์ พิจารณาย้อนหน้าถอยหลัง อนุโลมปฏิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา นับแต่หัวค่ำจนดึกไม่ลดละการพิจารณาระหว่างอวิชชา กับ ใจ จวนสว่างจึงตัดสินใจกันลงได้ด้วยปัญญา อวิชชาขาดกระเด็นออกจากใจไม่มีอะไรเหลือ การพิจารณาข้าว ก็มายุติกันที่ข้าวสุก หมดการงอกอีกต่อไป การพิจารณาจิต ก็มาหยุดกันที่อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุกขึ้นมา เช่นเดียวกับข้าวสุก จิตหมดการก่อกำเนิดเกิดในภพต่างๆ อย่างประจักษ์ใจ สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจ คือ ความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วนๆ ในกระท่อมกลางเขา มีชาวป่าเป็นอุปัฏฐากดูแล ขณะที่จิตผ่านดงหนาป่ากิเลสวัฏฏ์ไปได้ แล้วเกิดความอัศจรรย์อยู่คนเดียวตอนสว่าง พระอาทิตย์ก็เริ่มสว่างบนฟ้า ใจก็เริ่มสว่างจากอวิชชาขึ้นสู่ธรรมอัศจรรย์ถึงวิมุตติหลุดพ้นในเวลาเดียวกันกับพระอาทิตย์อุทัย ช่างเป็นฤกษ์งามยามวิเศษเสียจริง...”
ปี 2521 ซึ่งเป็นปีที่หลวงปู่ขาวอายุ 90 ปี สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดสร้างเหรียญรูปหลวงปู่ขาว อนาลโย รศ.196 ขึ้นเพื่อหารายได้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อสมทบทุนมูลนิธิสายใจไทย
ในเอกสารแผ่นพับที่จัดทำขึ้นในปีดังกล่าวได้ระบุ วัตถุประสงค์การสร้างวัตถุมงคลชุดนี้ว่า ก่อนหน้านั้นพนักงานสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และประชาชนผู้เช่าสำนักงาน รวมทั้งอีกหลายฝ่ายหลายท่านที่มีปณิธานแรงกล้า ที่จะร่วมกันจัดหาทุนทรัพย์ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อเสด็จพระราชกุศลสมทบมูลนิธิสายใจไทย จึงได้สร้างวัตถุมงคลหลวงปู่แหวน สุจิณโณ รุ่นทูลเกล้าฯ จศ.1338 ขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2519 เพื่อมอบให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมกับสำนักงานฯ เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบมูลนิธิสายใจไทย ปรากฏว่ามีพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธามาขอบูชาหมดไปในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเศษ
“ประชาชนจำนวนมากเรียกร้องขอให้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาสร้างวัตถุมงคลขึ้นอีก เพื่อสนองความศรัทธาของประชาชนและผู้แสวงหาวัตถุที่พร้อมด้วยพุทธคุณ คณะกรรมการฯ ได้ประชุมทบทวนและคัดเลือกปรมาจารย์ที่อาวุโสและมีพระพุทธคุณสูงประชาชนยอมรับแล้วในปัจจุบัน มีมติเห็นพ้องต้องกันว่า ในบรรดาพระสงฆ์สาวกผู้ดำเนินตามรอยพระยุคลบาทของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีความเพียรไม่ท้อถอย ดำรงอยู่ในทางสัมมาปฏิบัติ มีข้อกิจวัตรเคร่งครัด ไม่ย่อหย่อนผ่อนตามวัยของสังขาร ปฏิบัติธรรมอยู่เฉพาะในสถานที่เงียบสงบ ห่างไกลฝูงชน เพื่อมุ่งบำเพ็ญเพียรทางจิต ให้ได้รับความสงบสุขภายในยิ่งๆ ขึ้น พระอาจารย์กรรมฐานที่มีปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ที่สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต รูปหนึ่งซึ่งมีอายุมากถึง 92 ปี แต่ยังมีความเพียรปฏิบัติกรรมฐานอย่างเยี่ยมยอดในวงการพระกรรมฐานด้วยกัน ยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือนได้ในปัจจุบันนี้ ท่านรูปนั้นคือ หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หนองบัวลำภู จ.อุดรธานี หลวงปู่ขาว ท่านเป็นปรมาจารย์ ควรที่จะได้พระพุทธคุณขององค์ท่านมาไว้บูชาเป็นที่พึ่ง อันอาจจะนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จ...”
ในครั้งนั้น คณะผู้ดำเนินงานได้ขอให้เจ้าหน้าที่ สนง.ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะเจ้าหน้าที่ สนง.ศึกษาธิการจังหวัดอุดรธานี ซึ่งคงจะคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์อยู่ เป็นผู้พาไปกราบนมัสการต่อหลวงปู่ขาวและหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เพื่อนำเรียนรายละเอียดถึงวัตถุประสงค์ ขออนุญาตสร้าง ปรากฏว่าทั้งสองรูปมิเพียงอนุญาต ท่านยังได้ลงแผ่นจารพร้อมอธิษฐานให้เพื่อนำมาเป็นชนวนมวลสารเพื่อทำเหรียญด้วย
คณะผู้สร้างระบุว่า “ได้เดินทางไปกราบนมัสการพระคณาจารย์ที่มีพลังพุทธคุณสูงอีกหลายจังหวัด เพื่อขออาราธนาให้ลงอักขระเลขยันต์ และประจุพระพุทธคุณเพื่อได้นำมารวมกับนวโลหะชุดเดิม ซึ่งมีพลังอานุภาพพระพุทธคุณแรงกล้ายิ่งนัก รวมทั้งหมดเป็น 29 องค์ ซึ่งพระคณาจารย์แต่ละองค์เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่สาธุชน”
1.สมเด็จพระสังฆราชพระอริยวงศาคตญาณ วัดราชบพิธฯ 2.สมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศ 3.หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล 4.หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง 5.หลวงปู่เปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ สุพรรณบุรี 6.หลวงปู่อินทโชโตมหาเถร วัดยาง เพชรบุรี 7.หลวงปู่ธูป วัดสุนทรธรรมทาน 8.หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นครปฐม
9.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี 10.หลวงปู่ใหญ่ วัดสะแก 11.หลวงพ่อไพฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิต 12.หลวงพ่อเทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง 13.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ 14.หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง 15.หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม 16.หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร 17.หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โกร่งธนู 18.หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช 19.หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
20.หลวงพ่อสุด วัดกาหลง 21.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง 22.หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน 23.หลวงพ่อเชย วัดเกาะลอยเอกอุดมธาราราม 24.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม 25.หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม 26.หลวงพ่อบุญ วัดวังมะนาว 27.หลวงพ่อเชื้อ วัดใหญ่บำเพ็ญบุญ 28.หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม 29.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
เหรียญรุ่นนี้ด้านหน้าเป็นรูปครึ่งองค์ของหลวงปู่ขาว ด้านหลังเป็นลายเซ็นพระนามาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้ามหาจักรี สิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี
เหตุที่ออกแบบไว้เช่นนั้นเพราะ “ท่านประธานคณะกรรมการฯ ได้นำความกราบบังคมทูล ขอพระบรมราชานุญาตอัญเชิญลายเซ็นพระนามาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจ้าฟ้ามหาจักรี สิรินธรฯ สยามบรมราชกุมารี จารึกลงในเหรียญหลวงปู่ขาวอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้เกิดสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ผู้บูชา”
เหรียญรุ่นนี้สร้างขึ้นมาเพียง 2 เนื้อ คือ เนื้อทองคำและเนื้อนวโลหะ และสร้างขึ้น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก มีพิธีพุทธาภิเษกที่วัดบวรนิเวศ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ค. 2521
เหรียญทองคำรุ่นนี้หาดูได้ยาก ไม่ทราบจำนวนว่าสร้างขึ้นเท่าไหร่ ส่วนเหรียญเนื้อนวโลหะมีหมุนเวียนให้เห็นให้พอหากันได้อยู่ แต่ต่อไปก็น่าจะเป็นเหรียญหายากเพราะดีนอก คือ เนื้อแก่นวโลหะจริงๆ คือใส่ส่วนผสมซึ่งหนึ่งในนั้น คือ ทองคำลงไปถึงส่วน แม้เวลาจะผ่านไปร่วมจะ 40 ปีแล้วเนื้อหายังดูจัดจ้าน ส่วนดีในคือ ท่านเต็มใจให้สร้าง เจตนาผู้สร้างก็ดี ผู้สร้างก็ดี พิธีก็ดี
นี่คือ เหรียญหลวงปู่ขาว อนาลโย รศ.196


