เมืองใต้ดินในจินตนาการ
บนพื้นดินกลางมหานครอันกว้างใหญ่ ตรงจุดศูนย์กลางของเมือง ปรากฏกลุ่มคนเล็กๆ ที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ
บนพื้นดินกลางมหานครอันกว้างใหญ่ ตรงจุดศูนย์กลางของเมือง ปรากฏกลุ่มคนเล็กๆ ที่มารวมตัวกันเพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ให้กับเด็กๆ ในชุมชน โดยใช้ศิลปะแขนงต่างๆ เป็นสื่อกลางในการกระตุ้นความคิดเชิงสร้างสรรค์ นั่นคือ “กลุ่มดินน้ำมัน”
“กลุ่มดินน้ำมัน” เป็นกลุ่มคนที่ทำงานอิสระ ทำงานสร้างสรรค์กิจกรรมศิลปะหลากหลายรูปแบบกับเด็กและเยาวชนในชุมชน เสมือนเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ทั้งเรื่องศิลปะ จริยธรรม สังคมและวิชาการ ซึ่งเด็กสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับการเรียนและการเติบโต กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชุมชน
ภายใต้ความเชื่อที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ และเยาวชนคือกำลังสำคัญของชาติ” จึงได้เกิดเป็นความร่วมมือกันทำงานกับชุมชนป้อมมหากาฬ ชุมชนบ้านบาตร ชุมชนวัดสระเกศ-ตรอกเซี่ยงไฮ้ และชุมชนสิตาราม เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมเปิดพื้นที่ให้เด็กใช้จินตนาการขึ้นใน “โครงการสร้างหนังสือสื่อกลางเพื่อพัฒนาศักยภาพทางความคิดและความคิดริเริ่ม-เล่าเรื่องเมืองในดิน” ภายใต้การสนับสนุนจากแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ ขึ้น
ฆนรส เติมศักดิ์เจริญ ตัวแทนจากกลุ่มดินน้ำมัน เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยถามเด็กในชุมชนว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” คำตอบที่ได้คือ “อยากเป็นคนขับรถส่งอะไหล่” ซึ่งเหตุที่เด็กคิดแบบนี้เพราะยึดสิ่งแวดล้อมมาเป็นคำตอบ เราจึงเกิดความคิดที่ว่า ถ้าเด็กๆ ได้เปิดโลกทัศน์ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ มีเวทีหรือที่ให้เด็กได้แสดงผลงาน ก็จะทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง และนำไปสู่ความภาคภูมิใจในเรื่องต่างๆ ต่อไป
“การเข้าร่วมกิจกรรมแรกๆ ยังคิดไม่ออกว่าอยากเห็นอะไร แต่เมื่อลองคิดและจินตนาการไปว่าอยากเห็นอะไร เลยออกแบบและวาดเมืองในดินออกมาแบบนี้ พอทำไปก็สนุกดี ถ้าเมืองในดินเกิดขึ้นมาได้จริงคงจะดี ทุกคนจะได้มีแต่ความสุข สนุกสนาน และไม่วุ่นวายอย่างสังคมเราทุกวันนี้” น้องบิ้ว-ด.ช.ธเนศ ลิ้มธรรมนาท เยาวชนจากชุมชนบ้านบาตร บอก
ส่วนน้องก้อง-ด.ช.ชยธร ท้วมอรุณ เยาวชนจากชุมชนบ้านบาตร เล่าว่า “บนดินไม่น่าอยู่เท่าใต้ดิน” ผ่านภาพวาดเรื่อง “หนอนผู้ไม่ชอบเสียงทะเลาะ” ด้วยท้องถนนที่เต็มไปด้วยควันพิษ มีผู้คนทะเลาะเบาะแว้ง พ่วงด้วยมีโจรชุกชุม จึงทำให้คนลงไปอยู่ใต้ดิน นี่คือเสียงสะท้อนจากเด็กชายตัวน้อยๆ ที่ทำให้เราได้เห็นสภาพสังคมปัจจุบันที่เด็กๆ กำลังเผชิญ ภาพวาดเหล่านี้เป็นกระจกเงามองเห็นสิ่งแวดล้อมในชุมชนได้เป็นอย่างดี และยังแฝงเรื่องราวน่ารักๆ ซึ่งอธิบายในโลกใต้ดินอันน่าอยู่นั่นเอง
ซึ่ง วณิชชา เอมะศิริ ทิ้งท้ายว่า การจะสร้างเมืองใหม่หรือสังคมใหม่นั้น จะต้องมีความสามัคคีของคนหมู่มากเกิดขึ้น จึงจะสร้างเมืองใหม่ได้สำเร็จ “เมืองในดิน” จึงจะเป็นเมืองที่มีความสุขเกิดขึ้นมากมาย เราอยากเปลี่ยนแปลงกระบวนการคิดที่ผิดๆ ของคนสมัยนี้ที่ว่า คนจะมีความสุข คือคนที่ต้องรวย ต้องทำงานเยอะๆ หรือคนที่จะสวยต้องผอม ต้องขาว ...อยากให้ทุกคนมองสิ่งรอบตัวมากขึ้น ใส่ใจคนรอบข้างมากขึ้น และถ้าเราคิดจะรักใครสักคนต้องไม่หวังผลตอบแทนใดๆ กลับมาเมืองในดินถึงจะมีความสุขที่สมบูรณ์แท้จริง


