สิ้น ‘พระอริยและอริยสาวิกา’ หลวงปู่สาย เขมธมฺโม-แม่ชีเลี่ยน มาภา
หลังปีใหม่เพียง 2 สัปดาห์ มีพระภิกษุและแม่ชีที่ได้ชื่อว่า เป็นครูบาอาจารย์สำคัญในสายกรรมฐานได้ละสังขารติดๆ กันถึง 2 รูป
หลังปีใหม่เพียง 2 สัปดาห์ มีพระภิกษุและแม่ชีที่ได้ชื่อว่า เป็นครูบาอาจารย์สำคัญในสายกรรมฐานได้ละสังขารติดๆ กันถึง 2 รูป
ภิกษุรูปนั้นคือ หลวงปู่สาย เขมธมฺโม วัดป่าพรหมวิหาร จ.หนองบัวลำพู
ส่วนแม่ชีคือ ท่านแม่ชีเลี่ยน มาภา วัดป่าเมธาวิเวก จ.นครพนม
ครูบาอาจารย์ว่ากันว่า ทั้งสองท่านนี้ล้วนแต่เป็นพระอริยบุคคลร่วมสมัยด้วยกันทั้งคู่
ในขณะที่ พ.ศ.นี้ มีข่าวโด่งดังในสังคมเรื่องการบวชภิกษุณี แต่กลับไม่ใคร่มีคนรู้จัก คุณแม่ชีเลี่ยน มาภา
อริยสาวิกามากนัก
คุณแม่ชีเลี่ยนเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่กินรี จนฺทิโย ผู้เป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต และพระอาจารย์ทองรัตน์ กนฺตสีโล
ท่านบวชเป็นแม่ชีตั้งแต่อายุ 14 ปี เพื่อจะได้อุปัฏฐากคุณยายสุวันดี ซึ่งเป็นโยมมารดาของหลวงปู่กินรี ที่ได้บวชเป็นแม่ชีตามคำชักชวนของหลวงปู่กินรีผู้เป็นน้าชาย
ประวัติของคุณแม่ชีเลี่ยน ปรากฏอยู่ในบางช่วงบางตอนในประวัติของหลวงปู่กินรี หลวงปู่ชา สุภทฺโท แต่ไม่ได้มีการบันทึกไว้โดยละเอียด
คุณแม่ชีเลี่ยนละสังขารเมื่อเวลา 06.53 น. วันที่ 11 ม.ค. สิริอายุรวม 97 ปี 86 พรรษา
คุณแม่ชีเลี่ยนละสังขารได้เพียง 4 วัน เวลา 09.42 น. วันพฤหัสบดีที่ 15 ม.ค. 2558 หลวงปู่สาย เขมธมฺโม ก็ละสังขารที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น สิริอายุ 92 ปี 5 เดือน 3 วัน 37 พรรษา
หลวงปู่สายเป็นชายสามโบสถ์ ถึงจะบวช 3 ครั้ง แต่ท่านก็ไม่เคยสายสำหรับมรรคผลนิพพาน
หลวงปู่สายมีนามเดิมว่า สาย เกิดในสกุล แสงมฤค เกิดเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ณ บ้านดอนกลาง ต.กุดน้ำใส อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด บิดาชื่อ ทอก แสงมฤค มารดาชื่อ เคน แสงมฤค ท่านเป็นบุตรคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน
หลวงปู่สายเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แต่ในอายุราว 18 ปี ได้พบกับท่านพระอาจารย์มหานาม ที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จึงได้เรียนธรรมบาลีไวยากรณ์ เรียนปาฏิโมกข์ควบคู่ไปกับการเรียนหมอลำกลอน เลยสามารถท่องปาฏิโมกข์ได้จนจบทั้งๆ ที่เป็นฆราวาส
ครั้งเป็นหนุ่มสาย ท่านได้สมรสกับ ปาน ผายม มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ 1.มาย แสงมฤค และ 2.สมหมาย แสงมฤค ปัจจุบันบุตรคนโตได้บวชเป็นพระภิกษุแล้ว
หลวงปู่สายเป็นชายสามโบสถ์ เพราะหนแรกบวชตอนอายุ 10 ขวบ พัทธสีมาวัดบ้านนาชม เป็นการบวชตามประเพณีเพื่อทดแทนบุญคุณ บิดา มารดา เป็นการบวชในฝ่ายมหานิกาย แม้จะบวชเพียง 1 พรรษา แต่ท่านก็สามารถสอบนักธรรมชั้นตรีได้
หนที่ 2 หลวงปู่บวชแก้บน
หนนั้นท่านป่วยเป็นโรคปวดหัว พยายามรักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงบนว่า ถ้าหายป่วยแล้วจะบวชแก้บน ซึ่งน่าแปลกว่า จู่ๆ อาการเจ็บไข้ก็หายไป ท่านจึงบวชหนสอง หนนี้เป็นการบวชในฝ่ายธรรมยุต ณ พัทธสีมาวัดโยธานิมิต มีหลวงปู่อ่อนตาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ด้วงเป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลังบวชอยู่นานถึง 6 พรรษา จึงลาสิกขา แต่เมื่อออกมาหาอยู่หากินตามประสาโลกแล้วท่านก็รู้สึกสลดสังเวชจนครองเพศฆราวาสต่อไปไม่ไหว จึงขออนุญาตภรรยาและลูกๆ ออกบวชอีกครั้ง
ท่านบวชหนสุดท้ายในฝ่ายธรรมยุต เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2521 ขณะอายุ 56 ปี ณ วัดบุญญานุสรณ์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยมีพระครูประสิทธิ์คณานุการเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุวัณโณปมคุณ (หลวงปู่คำพอง ติสโส) เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระครูโสภณคณานุรักษ์ (หลวงปู่ทองใบ) เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ได้ฉายาว่า “เขมธมฺโม” แปลว่า ผู้มีธรรมอันเกษม
หลังบวชท่านได้ปฏิบัติอย่างเข้มแข็ง ตามปฏิปทาของพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น โดยได้รับการชี้แนะจากหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน แห่งวัดป่าบ้านตาด เป็นหลัก
ท่านจะบรรลุธรรมขั้นใด อย่างไร ไม่มีทราบ แต่ในหมู่ครูบาอาจารย์ยกย่องกันว่า ท่านเป็นผู้มีธรรมอันเกษมตามฉายาของท่านโดยแท้
ทางวัดป่าเมธาวิเวกจะเก็บศพคุณแม่ชีเลี่ยนไว้ 100 วัน ก่อนจะฌาปนกิจ สำหรับ สรีระสังขารหลวงปู่สายนั้น หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร กำหนดให้มีพิธีถวายเพลิงในวันเสาร์ที่ 24 ม.ค. 2558 ณ เมรุชั่วคราววัดป่าพรหมวิหาร ต.โนนเมือง อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู
จึงเรียนแจ้งข่าวมายังพุทธศาสนิกชนผู้มีศรัทธาทราบโดยทั่วกัน


