เสียงจากครอบครัวน้องการ์ตูน
ครอบครัวน้องการ์ตูนโพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก กรณีค่ารักษาพยาบาล และการชดใช้จากคู่กรณี
ครอบครัวน้องการ์ตูนโพสต์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก กรณีค่ารักษาพยาบาล และการชดใช้จากคู่กรณี
หลังตกเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง กรณีการรักษาพยาบาลของ "น้องการ์ตูน" วัย 5 ขวบ ซึ่งถูกรถกระบะชนเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 57 และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง 2 ล้านกว่าบาท โดยเฟซบุ๊กเพจ The Dark Knights ll และเพจ Drama-addict ได้ร่วมกันจัดแคมเปญกดแชร์กดไลค์ภาพน้องการ์ตูน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากจนสามารถมอบเงินบริจาคช่วยเหลือ ครอบครัวน้องการ์ตูนได้ 1 ล้านบาท
ต่อมา น.ส.น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชน โดยระบุว่า ยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายและไม่คิดจะปฏิเสธความรับผิดชอบ ทว่าข้อมูลที่ น.ส.น้ำผึ้ง ชี้แจงก็สวนทางกับข้อมูลที่ปรากฏเป็นข่าวตลอดช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากในการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยหลายครั้ง น.ส.น้ำผึ้งไม่ได้เดินทางมาเจรจาตามที่นัดหมาย
ล่าสุดมีคำชี้แจงจากครอบครัวของน้อง การ์ตูน ผ่าน เฟซบุ๊กร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ" โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ได้มีการเสนอข่าว และบทสัมภาษณ์ของทางโรงพยาบาล และของน้ำผึ้ง จนแตกประเด็นคำถามและเกิดการบิดเบือนจากความจริงไปไกล ดิฉันในฐานะญาติของคุณแม่น้องการ์ตูน ขอชี้แจงเรียงลำดับเหตุการณ์ ผ่านทางเพจร้านดังนี้ค่ะ
...ตอนเกิดเหตุกู้ภัยนำน้องส่งโรงพยาบาลบางประกอก 9 เองโดยที่คุณแม่ร้องขอให้ไปโรงพยาบาลอื่นที่ใกล้กว่าแต่กู้ภัยยืนยันพาไปบางประกอก9 และตอนอยู่ ICU ไม่สามารถเคลื่อนย้ายน้องไปไหนได้เพราะสภาพร่างกายไม่พร้อม ช่วงนั่นค่ารักษาพุ่งไปเกือบ 1.5 ล้านแล้วค่ะ...
1. คู่กรณีชดใช้ค่าเสียหายต่อ
- ร้านค้าของคุณแม่ ~ 40,000 บาท
- ต่อรถยนต์ของคุณแม่ ไม่มีการชดใช้ (ทางน้ำผึ้งยินดีซ่อมให้แต่ต้องเป็นอู่ของทางเขาเท่านั้น ทางเราไม่รับข้อเสนอนี้ค่ะ)
- เสนอชดใช้ค่าเสียหายต่อผู้เสียชีวิต คือคุณพ่อน้อง เป็นเงิน 3 แสนบาทแต่คุณปู่ปฏิเสธไม่รับเงินดังกล่าว
- จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้น้องการ์ตูนแบบหยอด ก้อนที่มีมูลค่ามากสุดคือ 100,000 บาท
- ต่อร้านค้าอื่นๆ ที่โดนเกี่ยวด้วย น้ำผึ้งชดใช้ให้พวกเขาหมดแล้ว
2. หลังเกิดเหตุ คุณแม่ไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นเวลารวม 2 เดือน เงินเก็บที่มีถูกนำมาใช้ในการเฝ้าไข้น้องที่ร.พ. + เดินเรื่องเกี่ยวกับคดีความ และขึ้นโรงพักเจรจากับคู่กรณี (หลายครั้ง) ซึ่งการเจรจาไม่ประสบผล ดังที่ทุกท่านทราบกัน
3. มีคนใกล้ตัวไปเซ้งคูหาที่ราษฎร์บูรณะ และชวนคุณแม่ให้มาเริ่มค้าขายใหม่ โดยเขาตกลงให้คุณแม่เช่าชั้น 1 ส่วนเขาอยู่ชั้น 2-3 และไม่เกี่ยวข้องกันในการทำธุรกิจภายในร้าน คุณแม่จึงนำเงินเก็บที่มีเหลืออยู่ตอนนั้นมาลงของ เปิดร้านเท่าที่พอจะลงได้ไปก่อน
4. เปิดร้านไม่นานก็มีผู้ใจดีท่านนึงโพสพันทิพย์แนะนำร้านให้ผู้คนได้ทราบกัน ประกอบกับมีนักข่าวช่อง 3 ติดต่อมาทำข่าว ร้านจึงยิ่งเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นไป
5. ร้านมีผู้คนมาอุดหนุนกันมากขึ้น คนใกล้ตัวที่เซ้งคูหาไว้ เริ่มเข้ามาจัดการเรื่องภายในร้าน และขอสิทธิ์เป็นเจ้าของร้าน ถ้าแม่ไม่ยอมเขาไม่ให้ทำร้านต่อ (ตอนนั้นแม่มีเงินเหลือไม่มากแล้ว จึงเริ่มตระเวนหาร้านอื่นที่ค่าเช่าถูก ไม่มีสัญญาเซ้ง)
6. ทางเพจ TDK ทราบถึงปัญหาจึงประกาศขอรับบริจาคเพื่อ
6.1 เป็นทุนทำร้านใหม่
6.2 เงินสำรองสำหรับดูแลน้องหลังออกจากร.พ.
7. เปิดร้านใหม่ (คูหาติดกับร้านที่มีปัญหา) เพราะการประชาสัมพันธ์ออกไปวงกว้างแล้วว่าอยู่ราษฎร์บูรณะและคูหาใหม่มีอุปกรณ์หลายอย่างให้พร้อมต่อการทำร้านอาหาร(ไม่ต้องซื้อเพิ่ม) มีที่พักชั้นบนสำหรับพนักงานร้าน
8. ค่ารักษาของโรงพยาบาล
8.1 เริ่มต้นแม่ของน้ำผึ้งเอาเงินมาจะให้คุณแม่ 100,000 แต่คุณแม่ไม่รับ บอกให้ทางน้ำผึ้งไปเซ็นเป็นเจ้าของไข้น้องแทนดีกว่า แม่ของน้ำผึ้งปฎิเสธ บอกว่าหากรับไป ไม่มีเงินจ่าย พวกเขาจะโดนโรงพยาบาลฟ้องร้อง สุดท้ายแม่น้ำผึ้งนำเงินก้อนนี้ไปจ่ายให้โรงพยาบาลแล้วกลับไป
8.2 คุณแม่ได้คุยกับโรงพยาบาล ได้เข้าใจกฏกติกาว่า ร.พ. มีเอกสาร 2 แบบคือ
- เอกสารร่วมรับชำระหนี้ = คนที่ลงนามจะร่วมชำระหนี้กับคุณแม่ โดยหนี้ทั้งหมดที่เหลือยังคงเป็นของคุณแม่(เพราะเป็นผู้ปกครองของคนไข้)
- เอกสารรับสภาพหนี้ = คนลงนามจะต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมด มีผลตามกฎหมาย ถ้าไม่มีคนเซ็นใบนี้ คุณแม่ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว แต่ใบนี้จะเซ็นได้ก็ต่อเมื่อคนไข้จะออกจากโรงพยาบาลและมีการชำระหนี้แล้ว 70% ของยอดหนี้ทั้งหมด
8.3 การจ่ายเงินของน้ำผึ้ง
- ก่อนเป็นข่าว น้ำผึ้งมาเซ็นใบร่วมรับชำระหนี้และทยอยจ่าย
- ช่วงเป็นข่าวเจรจาต่อหน้าสื่อ ตำรวจไกล่เกลี่ย ให้ร.พ. ออกเอกสารรับสภาพหนี้ให้น้ำผึ้งเซ็น ซึ่งตามจริงต้องรอคนไข้ออกจากร.พ.ก่อนถึงจะออกเอกสารนี้ได้ แต่ทาง ร.พ.ยอมผ่อนปรนให้ โดยมีเงื่อนไขคือให้นำเงินมาชำระ 1 ล้านบาทก่อนแล้วจะให้เซ็นใบรับสภาพหนี้ น้ำผึ้งขอเวลาหาเงิน 3-4 วัน พอวันนัด น้ำผึ้งเบี้ยวไม่มา อ้างว่าไม่อยากเจอนักข่าวแล้วก็หายไป แต่มาจ่ายหยอดค่ารักษาตามเดิม
9. ศาลนัดไกล่เกลี่ยรอบแรก สรุปว่า
9.1 ให้น้ำผึ้งไปเจรจากับร.พ.ขอเซ็นรับสภาพหนี้ พอถึงเวลานัดช่วงบ่ายน้ำผึ้งเบี้ยวไม่มา (แต่ช่วงเช้ามีทางน้ำผึ้งมาจ่ายเงินแบบหยอดตามเดิมแล้วกลับไป)
9.2 ศาลนัดเจอรอบ 2 เพื่อติดตามผลในวันที่ 12 ม.ค. 58
10. มี จนท. ฝ่ายประสานสิทธิ์ของร.พ. (ชื่อเล่นคุณ น.ว.) โทรมาวันที่ 30 ธันวาคม แจ้งให้ คุณแม่เอาเงินมาจ่ายก่อน 1 ล้านภายในวันที่ 31 ธันวาคม (ย้ำว่าธันวาคม 1 วันเท่านั้น) เพราะจะปิดงบประจำปี คุณแม่ขอให้ ร.พ.รอถึงวันที่ 12 ม.ค. 58 ว่าศาลจะให้น้ำผึ้งทำอย่างไร แล้วแม่จะมาแจ้งให้ทราบ เข้าใจว่า ร.พ. โอเค เพราะหลังจากนั้นยังไม่มีการโทรมาอีก
11. TDK และ Drama addict หาเงินมาได้ 1 ล้าน อยากบริจาคช่วยน้อง และตั้งแคมเปญกดไลค์ + แชร์ หวังให้เป็นข่าว เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ให้บุคคลทั่วไปร่วมบริจาคช่วยเหลือ ซึ่งคุณแม่ได้รับเงินจำนวน 1 ล้านบาทจาก 2 เพจแล้วจริงๆ และคิดไว้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ไม่มีเจตนาจะอมเงินใดๆ ทั้งสิ้น และมีการวางแผนเรื่องน้องในอนาคตอันใกล้นี้ไว้แล้ว
12. การเป็นข่าวอีกครั้งในช่วงปีใหม่ ส่งผลให้บุคคลทั่วไปทราบเรื่องและร่วมบริจาคช่วยเหลือน้อง อย่างที่ 2 เพจตั้งใจไว้ ซึ่งเงิน 10,000 บาทที่มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามมาบริจาค ทางคุณแม่เองยังไม่ทราบเรื่องเลย รู้จากในข่าวของ เดลินิวส์ ซึ่งโรงพยาบาลไม่ได้บอกคุณแม่เช่นกัน
ต้องเข้าใจก่อนว่าการออกข่าวไม่ได้มีความต่อเนื่อง และเหตุการณ์ก็ดำเนินไปตามเวลาที่เกิดขึ้น การสัมภาษณ์ต่างๆ จึงเป็นข้อมูลล่าสุดแค่เฉพาะช่วงที่มีการสัมภาษณ์เท่านั้น
ทางคุณแม่ไม่ได้บีบว่าจะต้องได้เงินจากน้ำผึ้ง 1ล้าน หรือ 20 ล้านในเวลานี้เดี๋ยวนี้ แต่สิ่งที่เราต้องการคือ เจตนาที่ดี และการกระทำที่ดีจากคู่กรณีที่แสดงให้เห็นว่าจะร่วมช่วยเหลือต่อผู้เสียหาย การที่น้ำผึ้ง+ครอบครัว+ทนาย พูดจาออกเงื่อนไขต่างๆ ในระหว่างการไกล่เกลี่ย การผิดนัดของน้ำผึ้งที่ทำให้คุณแม่ต้องเสียเวลามานั่งรอหลายครั้ง การให้คุณแม่ต้องคอยวิ่งหาเงินมาเยียวยาครอบครัวตัวเอง และการที่คุณแม่ต้องคอยผัดผ่อนหนี้กับทางโรงพยาบาล มันได้บ่งบอกให้เราทราบว่าสิ่งที่เราต้องการจากคู่กรณี มันมีอยู่น้อยนิด
ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้กำลังใจ เข้าใจ และร่วมช่วยเหลือคุณแม่และน้องการ์ตูนนะคะ ขออภัยที่ต้องทำให้ท่านทั้งหลายต้องลำบากไปกับคุณแม่และน้อง ทุกๆสิ่งที่ท่านได้ทำคุณแม่และญาติมองเห็นและสัมผัสได้ถึงความประสงค์ที่ดี และจิตใจที่มีเมตตาของพวกท่านที่ยื่นมาให้ สำหรับท่านใดที่สงสัย ดิฉันหวังว่า ข้อมูลที่ชี้แจงไว้น่าจะช่วยหาคำตอบให้ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ที่มา : https://www.facebook.com/steakhouseforcartoon/posts/1609717855916869?fref=nf


