หอการค้าตรังฟันธงราคายางไม่สดใสแล้ว
ตรัง-หอการค้าตรังแนะชาวใต้ปลูกพืชชนิดอื่นเสริม รับราคายางไม่สดใสแล้วคาดไม่เกิน80บาท/กก.
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า แม้ทิศทางเศรษฐกิจของภาคใต้ในปี 2558 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ประชาชนก็ควรประหยัด และหารายได้เสริม รวมทั้งปรับเปลี่ยนอาชีพใหม่เพราะต้องยอมรับว่า พืชเศรษฐกิจหลักอย่างยางพารา ซึ่งเคยเป็นที่พึ่งพาหรือเลี้ยงปากเลี้ยงท้องชาวใต้มายาวนานกว่า 100 ปีแล้วอนาคตอาจจะไม่ได้สดใสอย่างเมื่อครั้งในอดีต ที่เคยพุ่งขึ้นไปถึงกิโลกรัมละกว่า 100 บาท เนื่องจากมีหลายๆ ปัจจัยที่จะทำให้ผลผลิต และความต้องการ ไม่สมดุลกันอันจะส่งผลให้ราคายางพารายังคงอยู่ในระดับที่ไม่สูงนัก หรือไม่น่าจะเกินไปกว่ากิโลกรัมละ 80 บาท อย่างที่เกษตรกรต้องการ
ดังนั้น ชาวใต้จึงควรหันไปปลูกพืชชนิดอื่นเสริม และทำการเกษตรแบบผสมสผาน หรือเลี้ยงสัตว์ เพราะมีรายได้ที่ดีกว่า ซึ่งยางพารา 1 ไร่ จะให้ผลผลิตปีละ 300 กิโลกรัม หรือสร้างรายได้ให้ปีละ 3 หมื่นบาท ถ้าหากมีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท แต่หากนำที่ดิน 1 ไร่ ไปทำการเกษตรแบบผสมสผาน จะสร้างรายได้ถึงปีละ 2 แสนบาท แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งปรับวิถีชีวิตที่เคยทำสวนยางพารากันทั้งครอบครัว ไปสู่ภาคการผลิตตามโรงงานต่างๆ ซึ่งยังคงมีความต้องการแรงงานคนไทยอีกเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ชาวใต้ยุคใหม่ไม่ค่อยให้ความสนใจในอาชีพนี้ ทั้งที่มีรายได้ที่แน่นอนและดีกว่าการทำสวนยางพารา.


