แฉนักเรียนเดินโพยยอมเสียตัวแลกเงินพนันบอล
นายอิสสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง
“ฟุตบอลโลก 2010 วิกฤตหรือโอกาสของเยาวชน” ตอนหนึ่งว่า ข้อมูลจากศูนย์การเฝ้าระวังและเตือนภัยทางสังคม พม. ซึ่งร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่สำรวจปรากฏการณ์ฟุตบอลโลกปี 2006 ในพื้นที่ 75 จังหวัด พบว่ามีถึง 74.89% สนใจและติดตามการแข่งขันฟุตบอลโลก และมีการเล่นพนันถึง 80.7% การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2010 จึงมีแนวโน้มเล่นพนันมากขึ้นเช่นกัน“
ที่ผ่านมาพบเด็กที่ไปก่ออาชญากรรมจี้ ปล้น ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเล่นพนัน หรือบางคนถึงขั้นใช้แฟนไปใช้หนี้แก้ขัด และยิ่งเวลานี้ไม่เฉพาะบอลโลก บอลลีกจากต่างประเทศ แต่บอลลีกไทยเริ่มมีคนสนใจมากขึ้น ซึ่งก็เชื่อมโยงให้เกิดการพนันมากขึ้น” นายอิสสระ กล่าวนายอิสสระ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมามีนักเรียนหญิง ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งเป็นอาสาสมัครศูนย์การเฝ้าระวังฯ เปิดเผยข้อมูลให้ทราบว่า ไม่เฉพาะนักเรียนชายที่เล่นพนันบอล แม้แต่นักเรียนหญิงก็เล่น และได้รับรู้เรื่องการพนันในหมู่นักเรียน ตั้งแต่สมัยอยู่มัธยมต้นก็มีการเล่นกันแล้ว แต่จะเห็นจำนวนมากในช่วงที่อยู่มัธยมปลาย ถึงขั้นมีนักเรียนเดินโพยพนันบอล รวมไปถึงโพยยาที่มีเด็กช่างกลมาส่งต่อให้กับเด็กในโรงเรียน
“
ที่น่าห่วงเวลานี้แม้แต่เพื่อนหญิงร่วมชั้นเดียวกันประมาณ 34 คน มีการพูดคุยกันถึงการยอมเสียตัวเพื่อแลกเงินมาเล่นพนันบอล ซื้อของฟุ่มเฟือย ทั้งที่เพื่อนกลุ่มนี้เป็นคนเรียนดี แต่ช่วงหลังๆ ผลการเรียนแย่ลง ขาดเรียนบ่อย ขณะที่นักเรียนชาย ม.6 จากโรงเรียนเดียวกันให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีเพื่อนชั้นเดียวกันเองเป็นเด็กเดินโพย และจะกระจายบอกต่อๆ กันชักชวนให้เพื่อนเข้ามาเล่นพนันบอลตามฤดูกาลต่างๆ เฉลี่ยห้องหนึ่งมี 45 คน มีนักเรียนที่เล่นพนันถึง 12 คนเท่าที่ทราบมีการแทงแต่ละแมตช์เป็นหลักพัน บางคนเล่นมากๆ เข้าก็ติดหนี้ไม่มีเงินจ่าย บางรายเป็นหนี้ 5,0006,000 บาท ถึงขั้นมีโต๊ะรับแทงพนันมาทวงหนี้ถึงโรงเรียน ซึ่งอาจารย์ก็รับรู้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
” นายอิสสระ กล่าวทั้งนี้ การที่เยาวชนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ส่วนหนึ่งเพราะอยากตามกระแส จึงจะรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเสนอผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขต่อไป
นอกจากนี้ ได้กำชับให้ศูนย์การเฝ้าระวังฯ พม. ในทุกจังหวัดกว่าพันคนคอยจับตาและแจ้งเบาะแสความไม่ชอบมาพากล และประสานการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครเฝ้าระวังที่เป็นเยาวชน รวมถึงสภาเด็กและเยาวชนร่วมในการเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเล่นพนัน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังขอเงินพ่อแม่ใช้
ด้านนางกีรติกา แพงลาด ผู้แทนศูนย์ประสานงานเครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา (ศปค.) กล่าวว่า จากการที่ ศปค.ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจ
“พฤติกรรมและทัศนคติต่อการเล่นพนันฟุตบอลโลกปี 2553” ประชาชนอายุ 1260 ปี เขตกรุงเทพฯ ชลบุรี นครราชสีมา เชียงใหม่ สงขลา จำนวน 2,541 ราย เมื่อวันที่ 414 พ.ค. 2553 สะท้อนว่า 87.9% เป็นห่วงเด็กเยาวชนที่เล่นพนันบอลนอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตั้งใจจะติดตามข่าวสารการแข่งขันฟุตบอลโลกผ่านทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และอินเทอร์เน็ต ทำให้การเล่นพนันบอลผ่านทางอินเทอร์เน็ตมีเพิ่มมากขึ้น
โดยเว็บไซต์ www.sbobetth.com นิยมเล่นมากถึง 91.7% สำหรับลักษณะการเผยแพร่ข่าวสารที่กระตุ้นให้อยากแทงบอล 61.7% เกิดจากอัตราการต่อรอง/แต้มต่อ 55.8% การวิเคราะห์เจาะลึก/ฟันธง และ 33.6% การชี้นำบอลเต็ง
“
ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่านอกจากจะเล่นไม่ได้เงินแล้วยังต้องเลี้ยงข้าว เลี้ยงเหล้า เบียร์ บุหรี่ และคาราโอเกะเพื่อน ปัญหาที่เกิดจากการแทงบอล 26.6% เกิดความเครียด เสียสุขภาพจิต ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย อีก 11.0% โดนโกง/จ่ายไม่ครบ/ไม่จ่ายเมื่อถามถึงพฤติกรรมการใช้เงิน พบว่า 5 อันดับแรก ตั้งใจจะยืมเงินเพื่อนหากไม่พอจ่ายในการแทงบอลมากถึง 43.1% รองลงมา แฟน/คนรัก 24.0% ยืมเงินผู้ปกครอง 20.2% นำทรัพย์สินไปขาย/จำนำ 9.7% และกู้เงินนอกระบบ 7.5% ที่น่าเป็นห่วงคือ 24.2% ไม่กังวลใจต่อการถูกจับดำเนินคดีจากการเล่นแทงบอล
” นางกีรติกา กล่าว

