คณะสงฆ์ขออารักขาจากรัฐบาล
คณะสงฆ์ขออารักขาจากรัฐบาล ไม่ให้ออกวีซ่าให้กับคณะสงฆ์ต่างชาติที่เข้าไทย
คณะสงฆ์ขออารักขาจากรัฐบาล ไม่ให้ออกวีซ่าให้กับคณะสงฆ์ต่างชาติที่เข้าไทย เพื่อมาทำพิธีอุปสมบทภิกษุณีและสามเณรีในประเทศไทย เพราะคณะสงฆ์ไทยไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของภิกษุณีและสามเณรี เนื่องจากความเป็นภิกษุณีได้สูญไปนานนับพันปี แต่ปัจจุบันมีความพยายามจัดบวชภิกษุณีขึ้น ในประเทศ โดยมีพระสงฆ์จากต่างชาติมาทำพิธีอุปสมบทให้ ซึ่งขัดกับมติมหาเถรสมาคม 31/2545 ที่ให้ปฏิบัติตามประกาศ เรื่อง ห้ามพระเณรไม่ให้บวชหญิงเป็นบรรพชิต พ.ศ. 2471
พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคม บอกว่า มหาเถรสมาคมขอให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ขอความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออารักขาเป็นการด่วน เพราะยังมีความพยายามที่จะจัดอุปสมบทอีก แม้ว่าจะขัดกับมติ มส.ก็ตาม
การบวชภิกษุณีและสามเณรี ณ ทิพยสถานธรรมภิกษุณีอาราม ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ที่คณะสงฆ์ศรีลังกา มีพระมหินทวังสะ แห่งนิกายอมรปุระมา ทำพิธีให้เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2557 มีหญิงบวชเป็นภิกษุณี 8 คน เป็นสามเณรี 47 คน
ส่วนที่อ้างว่าที่ศรีลังกามีการฟื้นฟูภิกษุณีขึ้นมาแล้วก็จริง แต่ในปัจจุบันคณะสงฆ์และรัฐบาลศรีลังกาไม่ได้ให้การรับรองสถานภาพของภิกษุณีในศรีลังกา ด้วยเหตุผลที่ว่าภิกษุณีสงฆ์เถรวาทได้ขาดสูญไปนานแล้ว การนำภิกษุสงฆ์และภิกษุณีสงฆ์มหายานจากเกาหลีใต้และไต้หวันมาร่วมทำพิธีให้การอุปสมบทแก่ภิกษุณีเถรวาทที่ประเทศอินเดียย่อมทำให้สังฆกรรมในพิธีอุปสมบทนั้นบกพร่องด้วยปริสวิบัติและกรรมวาจาวิบัติ
ที่ว่าเป็นปริสวิบัติ เพราะคณะสงฆ์เถรวาทและมหายานเป็นนานาสังวาส คือ ต่างนิกายกันย่อมไม่สามารถร่วมกันทำสังฆกรรมในพิธีอุปสมบทภิกษุณี และที่ว่าเป็นกรรมวาจาวิบัติ เพราะการสวดกรรมวาจาในพิธีอุปสมบทภิกษุณีนั้น มีการใช้ภาษาอื่นนอกจากภาษาบาลี
คัมภีร์ปริวารแห่งพระวินัยปิฎกกำหนดไว้ว่า ถ้ามีวิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ในอุปสมบทกรรม การอุปสมบทนั้นย่อมกำเริบ คือใช้ไม่ได้
คณะสงฆ์และรัฐบาลศรีลังกาจึงไม่ให้การรับรองว่าภิกษุณีที่ได้รับการอุปสมบทด้วยวิธีการเช่นนั้นเป็นภิกษุณีเถรวาท ดังที่ ทิสนายาเก (Dissanayake) ปลัดกระทรวงพระพุทธศาสนาและการศาสนาแห่งศรีลังกา ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในหนังสือพิมพ์ซีลอนทูเดย์เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2557 ว่า
“พระมหานายกะของทั้งสี่นิกายในประเทศนี้ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ชัดเจนว่า ไม่มีภิกษุณีสงฆ์ในประเทศนี้ และเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นภิกษุณีเถรวาทขึ้นมา ปัจจุบันมีหลายคณะที่อ้างตัวว่าเป็นภิกษุณี กระทรวงนี้รับรองเฉพาะทศศีลมาตา คือ ผู้รักษาศีล 10 แต่ไม่รับรองภิกษุณี การรับรองภิกษุณีให้มีสถานภาพตามกฎหมายเป็นเรื่องที่เกินอำนาจการตัดสินใจของรัฐบาล ทั้งนี้เพราะอำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเป็นของมหานายกะแห่งรามัญนิกาย และมหานายกะแห่งอมรปุระนิกาย”
ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติดังนี้
1.ให้เจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกระดับกวดขันให้มีการถือปฏิบัติตามประกาศ ห้ามพระเณรไม่ให้บวชหญิงเป็นบรรพชิต พ.ศ. 2471 และมติมหาเถรสมาคม
2.ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจแก่สาธารณชน เรื่องสถานภาพของสามเณรีและภิกษุณีเถรวาทในปัจจุบัน
3.ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการงดออกวีซ่าให้แก่ภิกษุและภิกษุณีชาวต่างชาติที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบรรพชาสามเณรี บวชสิกขมานา และอุปสมบทภิกษุณีในประเทศไทย
ตั้งรองเจ้าคณะภาค
มหาเถรสมาคมมีมติเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2557 ตั้งรองเจ้าคณะภาค 4, 5, 6, 7 ที่จะครบวาระ 4 ปี วันที่ 23 ธ.ค. 2557 นี้ จึงเสนอขอแต่งตั้งรองเจ้าคณะภาค 4, 5, 6, 7 เพื่อสนองกิจการคณะสงฆ์ ดังนี้
1.พระราชสุตาภรณ์ (ประชัน ฐิตปญฺโญ) อายุ 61 พรรษา 40 วิทยฐานะ ป.ธ.5 น.ธ.เอก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 4 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 4
2.พระราชปัญญาเวที (ริด ริตเวที) อายุ 50 พรรษา 30 วิทยฐานะ ป.ธ.9 กศ.ม. เจ้าอาวาสวัดตากฟ้า ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 4 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 4
3.พระธรรมเสนานุวัตร (บำรุง ฐานุตฺตโร) อายุ 78 พรรษา 56 วิทยฐานะ ป.ธ.7 กศ.ม. เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 5 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 5
4.พระราชปัญญาภรณ์ (สิงห์คำ ชยวํโส) อายุ 54 พรรษา 33 วิทยฐานะ ป.ธ.9 ศษ.บ. Ph.D. เจ้าอาวาสวัดนางชี แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้ารองคณะภาค 6 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 6
5.พระราชวรมุนี (พล อาภากโร) อายุ 51 พรรษา 28 วิทยฐานะ ป.ธ.9 พธ.บ. M.A. Ph.D. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสังเวชวิศยาราม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 6 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 6
6.พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) อายุ 69 พรรษา 49 วิทยฐานะ ป.ธ.7 M.A. เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7
7.พระธรรมเสนาบดี (ธงชัย สุวณฺณสิริ) อายุ 65 พรรษา 45 วิทยฐานะ ป.ธ.7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7 ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 7
เลขที่ 1 พระราชสุตาภรณ์ ซึ่งขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 4 แต่ได้สนองงานคณะสงฆ์ ทำหน้าที่เลขานุการเจ้าคณะภาค/เจ้าคณะใหญ่ มาเป็นเวลา 27 ปี มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง และได้รับการผ่อนผันให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 4 มาแล้ว 2 สมัย จึงเสนอขอผ่อนผัน เฉพาะกรณี
การเสนอขอแต่งตั้งรองเจ้าคณะภาค 4, 5, 6, 7 ดังกล่าว ได้ปฏิบัติตามความในข้อ 6 ข้อ 10 (1) (4) (5) วรรค 2 และข้อ 12 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ. 2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 2557 เป็นต้นไป
รองเจ้าคณะภาคธรรมยุต
ขณะเดียวกัน คณะสงฆ์ธรรมยุตเสนอแต่งตั้งรองเจ้าคณะภาค ทั้ง 8 ภาค และมหาเถรสมาคมเห็นชอบแล้วคือ
พระธรรมไตรโลกาจารย์ วัดราชประดิษฐ์ เป็นรองเจ้าคณะภาค 1-2-3 และ 12-13 (ธ) พระราชวินัยโสภณ วัดล้านนาญาณสังวราราม เชียงใหม่ เป็นรองเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธ) พระเทพวรคุณ วัดบรมนิวาส เป็นรองเจ้าคณะภาค 8 (ธ) พระเทพวิมลญาณ วัดปทุมวนาราม เป็นรองเจ้าคณะภาค 9 (ธ) พระธรรมธัชมุนี วัดปทุมวนาราม เป็นรองเจ้าคณะภาค 10 (ธ) พระเทพวราลังการ วัดพระศรีมหาธาตุ เป็นรองเจ้าคณะภาค 11 (ธ) พระธรรมวราภรณ์ วัดสนามพราหมณ์ เป็นรองเจ้าคณะภาค 14-15 (ธ) พระเทพวิสุทธิกวี วัดราชาธิวาส เป็นรองเจ้าคณะภาค 16-17-18 (ธ) และพระเทพวินยาภรณ์ วัดมหาธาตุ เป็นรองเจ้าคณะภาค 16-17-18 (ธ)


