posttoday

ปีศาจอเมริกัน

11 ธันวาคม 2557

ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า ที่อเมริกาทำตัวเป็นแชมเปี้ยนต่อต้านและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอัลกออิดะห์ของโอซามา บิน ลาเดน หรือกลุ่มไอเอสนั้น เบื้องหลังนั้นอเมริกามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายพวกนี้มาก่อนทั้งสิ้น  

ไม่ค่อยมีใครรู้ว่า ที่อเมริกาทำตัวเป็นแชมเปี้ยนต่อต้านและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอัลกออิดะห์ของโอซามา บิน ลาเดน หรือกลุ่มไอเอสนั้น เบื้องหลังนั้นอเมริกามีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายพวกนี้มาก่อนทั้งสิ้น  

หลังเหตุการณ์ 11 ก.ย. 2544  อดีตประธานาธิบดีบุช (ผู้ลูก) ออกกฎหมายยึดทรัพย์ธุรกิจเอกชนที่ทำธุรกิจกับโอซามา บิน ลาเดน และขู่ว่า หากใครทำธุรกิจกับผู้ก่อการร้าย หรือสนับสนุนผู้ก่อการร้าย คนนั้นจะไม่มีสิทธิในการทำธุรกิจกับสหรัฐ แต่ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่า ในวันที่ 10 ก.ย. 2544 ก่อนสหรัฐถูกโจมตี 1 วัน ประธานาธิบดีบุช (ผู้พ่อ) เพิ่งพบกับชาฟิก บิน ลาเดน พี่ชายคนหนึ่งของโอซามา บิน ลาเดน ที่โรงแรมริทซ์ คาร์ลตัน โดยไม่มีใครรู้ว่าสองคนคุยกันเรื่องอะไร

ประธานาธิบดีบุชทั้งพ่อลูก ไม่เคยบอกคนอเมริกันและโลกเลยว่า ตระกูลบุชเคยทำธุรกิจกับตระกูลบิน ลาเดน มาก่อน และไม่เคยบอกว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เพรสคอตต์ บุช ปู่ของประธานา
ธิบดีบุช (ผู้ลูก) เคยทำธุรกิจกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ด้วย ความร่ำรวยของตระกูลบุชส่วนหนึ่งมาจากการค้าวัตถุดิบและการปล่อยเครดิตให้กับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เมื่ออเมริกาจะประกาศเข้าร่วมรบกับฝ่ายสัมพันธมิตร ประธานาธิบดีรูสเวลต์ได้ออกกฎหมายห้ามค้ากับศัตรูเมื่อเดือน ต.ค. 2485 และสั่งยึดทรัพย์ “ธนาคารยูเนียน แบงก์กิ้ง คอร์ปอเรชั่น” ในนิวยอร์ก ที่มี เพรสคอตต์ เป็นประธาน และเป็นองค์การบังหน้าให้กับฮิตเลอร์

ก่อนที่ประธานาธิบดีบุช (ผู้ลูก) ประกาศสงครามก่อการร้ายกับโอซามา บิน ลาเดน ตระกูลบุช ทั้งบุชผู้พ่อและบุชผู้ลูก ได้ทำธุรกิจน้ำมันกับซาเลม บิน ลาเดน พี่ชายอีกคนของโอซามา บิน ลาเดน ในเทกซัส ทีแรกบริษัทนี้ชื่อเป็นภาษาสเปนว่า “อาร์บุสโต” ซึ่งแปลว่า บุช ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “บุช เอ็กซ์พลอเรชั่น” หรือบริษัทสำรวจขุดเจาะน้ำมัน ต่อมาเปลี่ยนชื่ออีกเป็น “สเปกตรัม 7 เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น” และเข้าร่วมกับบรรษัท “ฮาร์เกน เอเนอร์ยี คอร์ป” ในที่สุด เมื่อสหภาพโซเวียตยึดครองอัฟกานิสถาน สหรัฐจึงสนับสนุนให้โอซามา บิน ลาเดน และกองกำลังเข้าไปในอัฟกานิสถานร่วมกับกลุ่มตาลีบันต่อสู้กับทหารโซเวียต จนโซเวียตต้องถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน แต่โอซามาไม่ยอมอยู่ภายใต้การบงการของอเมริกัน และแยกไปจัดตั้งองค์การอัลกออิดะห์ขึ้นมาสู้กับอเมริกัน

มีตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่ง คือ “บริษัท คาร์ไลล์ กรุ๊ป” เป็นบริษัทใหญ่ที่มีนักการเมืองอเมริกันหลายคน บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ น้ำมันและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ โดยมีบุชผู้พ่อเป็นที่ปรึกษาอาวุโส มีคนในตระกูลบิน ลาเดน เช่น ซาเลม บิน ลาเดน ร่วมลงทุนด้วย และมี ชี้ค คาลิด  ชาวซาอุดิอาระเบีย ประธานธนาคาร บี.บี.ซี.ไอ. ซึ่งมีข่าวว่าเป็นแหล่งฟอกเงินด้านยาเสพติดของขุนส่า และจัดส่งอาวุธให้กลุ่มก่อการร้ายอิสลาม ถือหุ้นในบริษัท คาร์ไลล์ กรุ๊ป เขาเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างตระกูลบุช กับ โอซามา บิน ลาเดน ข่าวกล่าวต่อไปว่า ชี้ค คาลิด ได้ส่งเจมส์ บาธ ผู้ดูแลผลประโยชน์ของชี๊ค คาลิด ในสหรัฐ มาช่วยงาน ซี.ไอ.เอ.ซึ่งเวลานั้น บุช (ผู้พ่อ) เป็นผู้อำนวยการ โดยทำหน้าที่ประสานงานระหว่างบุช ชี๊ค คาลิด ซึ่งติดต่อกับกลุ่มอัลกออิดะห์

ตระกูลบุชปกปิดคนอเมริกันมาโดยตลอด การส่งทหารบุกอิรักและอัฟกานิสถานนั้น บริษัทของตระกูลนอกจากได้ประโยชน์ด้านน้ำมันแล้ว ยังได้ประโยชน์จากการผลิต ขายอาวุธในการสู้รบกับศัตรูด้วย หลังสงครามอิรัก บริษัท คาร์ไลล์ กรุ๊ป รวมทั้งประธานาธิบดีบุช (ผู้ลูก) และเจมส์ เบเกอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้สัมปทานลงทุนในอิรัก เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งขึ้นและล่อง ประเทศพันธมิตรที่ส่งทหารไปสู้รบในอิรักและอัฟกานิสถาน ร่วมกับทหารอเมริกันจนบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย คงได้รู้กันเสียทีว่าคนที่ได้ประโยชน์ทางธุรกิจบนชีวิตของทหารคือใคร 

อดีตนักการเมืองทุนใหญ่คนหนึ่งของไทยก็เคยเป็นที่ปรึกษาของบริษัทนี้ และลาออกเมื่อปี 2546 เพื่อมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เจมส์ เบเกอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกันที่พอพ้นจากหน้าที่ก็มาตั้งสำนักงานล็อบบี้ยิสต์ และเคยเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนนี้ในการล็อบบี้ให้รัฐบาลและรัฐสภาอเมริกันต่อต้านการรัฐประหารในไทยปี 2549 ที่โค่นล้มนักการเมืองคนนี้ ดังนั้น จึงไม่ต้องประหลาดใจที่อเมริกันจะสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีในตระกูลนี้ตลอดมา ทั้งยามอยู่ในอำนาจและพ้นจากอำนาจ ทูตอเมริกันจึงต้องเพ่นพ่านวุ่นวายหาทางทำให้กลุ่มนี้กลับคืนสู่อำนาจอีก โดยไม่สนใจที่ถูกมองว่ากำลังแทรกแซงกิจการภายในของไทยหรือไม่อย่างไร

นี่คือกลุ่มทุนโลกาภิวัตน์กอบโกยผูกขาด หรือกลุ่มทุนสามานย์สากล ที่มีผลประโยชน์โยงใยถึงกันหมด สอดส่ายสายตาไปทั่วโลกเพื่อกอบโกยทรัพย์ของโลก อเมริกันมีทีมงานที่กำหนดยุทธศาสตร์ในการเข้ายึดครองทรัพยากรธรรมชาติทั่วทั้งโลก โดยส่ง “ฮิตแมน” ไปทำงานกับกลุ่มทุนสามานย์ท้องถิ่นในการเอาทรัพย์แผ่นดินของตนเองมาแบ่งกับกลุ่มทุนอเมริกัน ประธานาธิบดีอเมริกันร่วมมือกับกลุ่มทุนอเมริกันไปฉกฉวยไล่ล่าทรัพยากรจากประเทศต่างๆ มาเป็นของตน รายละเอียดได้เขียนไว้แล้วในบทความเรื่อง “หมาไนอเมริกัน” (12 มิ.ย. 2557)

หากทุนโลกาภิวัตน์ไทยขึ้นบริหารประเทศเอง พวกเขาก็จะบริหารประเทศโดยร่วมมือกับซีอีโอบริษัทใหญ่ ธนาคารใหญ่ๆ เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เช่นกัน

ข่าวล่าสุด

“พลเอกณัฐพล”วาง 5 เงื่อนไขถกGBCกัมพูชา ยันไทยป้องกันตัวเอง