posttoday

เรื่องของเงินและทอง

05 ตุลาคม 2557

พรรษากาลก็ผ่านไปรวดเร็ว ฤดูทอดกฐินก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หลายคนก็คิดถึงเรื่องของการทำบุญต่างๆ

พรรษากาลก็ผ่านไปรวดเร็ว ฤดูทอดกฐินก็กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หลายคนก็คิดถึงเรื่องของการทำบุญต่างๆ สำหรับสมัยนี้ บางคนก็เอาความสบายโดยการถวายเป็นปัจจัย ความจริงแล้วปัจจัยหรือเงินทองนั้นไม่ใช่ของควรแก่พระโดยตรง เพียงแต่การที่เราถวายปัจจัยไว้ ก็เพราะไม่สามารถทำบุญถวายของบางอย่างได้ในเวลานั้น เช่น คนต้องการถวายผ้าจีวรแต่ผ้าจีวรของท่านยังไม่เก่า แล้วเขาก็จะต้องเดินทางไปที่อื่นเป็นเวลานาน ทำให้ไม่สามารถจะอยู่ถวายในอนาคตได้ ก็เลยถวายปัจจัยไว้แม้พระท่านจะปฏิเสธ ดังนี้เป็นต้น เมื่อพระท่านไม่ยินดีในปัจจัย แต่ยินดีในจีวรซึ่งเป็นของควรแก่ภิกษุ ก็ได้ให้อุบาสกผู้อุปัฏฐากเป็นต้น ไปแลกเปลี่ยนปัจจัยเป็นจีวรมาเมื่อคราวที่ถึงกาลสมควร อย่างนี้ก็เป็นวิธีการถวายทาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับจิตอันบริสุทธิ์ของทั้งผู้ให้และผู้รับด้วย หากไม่พิจารณาด้วยดีการรับทองและเงินอาจทำให้พระท่านผิดศีลจนต้องสละเสีย จึงจะพ้นได้

ในพระสูตรชื่อ มณิจูฬกสูตร เป็นเรื่อง “ว่าด้วยทองและเงิน ไม่สมควรแก่สมณศากยบุตร” มีความโดยย่อที่เกี่ยวกับเรื่องเงินทอง ว่าโดยสรุปอย่างนี้

ในสมัยนั้นพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ในพระวิหารใกล้กรุงราชคฤห์ ในเวลานั้น คนในราชสำนักนั่งพูดคุยกันอยู่ในพระราชวังว่า “ทองและเงินย่อมควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมยินดีทองและเงิน ย่อมรับทองและเงิน”

ในที่นั้นนายบ้านชื่อมณิจูฬกะ ซึ่งนั่งอยู่ด้วย ได้กล่าวว่า “ท่านผู้เจริญอย่าได้กล่าวอย่างนี้ ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน ย่อมไม่รับทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน”

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นายบ้านก็ไม่อาจทำให้คนเหล่านั้นเห็นตามได้ เขาจึงได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถามคำถามว่า

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อราชบริษัทนั่งประชุมกันในพระราชวังสนทนากันว่า ทองและเงินย่อมควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมยินดีทองและเงิน เมื่อราชบริษัทกล่าวอย่างนี้ ข้าพระองค์ได้กล่าวกะบริษัทนั้นว่า ท่านผู้เจริญอย่าได้กล่าวอย่างนี้ ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน ย่อมไม่รับทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่อาจทำให้บริษัทนั้นยินยอมได้ เมื่อข้าพระองค์พยากรณ์อย่างนี้ เป็นอันกล่าวตามคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว จะไม่กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำไม่จริง และพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกไรๆ คล้อยตามวาทะ จะไม่ถึงฐานะอันวิญญูชนพึงติเตียนได้แลหรือ พระเจ้าข้า”

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสตอบนายบ้านว่า

“ดีล่ะ นายคามณี เมื่อท่านพยากรณ์อย่างนี้ เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง และพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกไรๆ คล้อยตามวาทะ จะไม่ถึงฐานะอันวิญญูชนพึงติเตียนได้”

“เพราะว่าทองและเงิน ไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน”

“ดูก่อนนายคามณี ทองและเงินควรแก่ผู้ใด เบญจกามคุณก็ควรแก่ผู้นั้น เบญจกามคุณควรแก่ผู้ใด ทองและเงินก็ควรแก่ผู้นั้น”

“ดูก่อนนายคามณี ท่านพึงทรงจำความที่ควรแก่เบญจกามคุณนั้นโดยส่วนเดียวว่า ไม่ใช่ธรรมของสมณะ ไม่ใช่ธรรมของศากยบุตร”

“อนึ่ง เล่า เรากล่าวอย่างนี้ว่า ผู้ต้องการหญ้าพึงแสวงหาหญ้า ผู้ต้องการไม้พึงแสวงหาไม้ ผู้ต้องการเกวียนพึงแสวงหาเกวียน ผู้ต้องการบุรุษพึงแสวงหาบุรุษ เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย”

ดังนั้น การที่เราจะถวายปัจจัยแก่พระภิกษุสามเณร ผู้ที่จะถวายควรคิดพิจารณาด้วยสติปัญญา และด้วยวิธีการที่แยบคายให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย แม้ภิกษุสามเณร หากจะรับ ก็ต้องคิดพิจารณาด้วยสติปัญญาเช่นกัน เพื่อกระทำให้ถูกต้องตามธรรมวินัย และจิตใจไม่เกิดกิเลสเนื่องด้วยทองและเงินอันเป็นสิ่งไม่ควรแก่สมณศากยบุตร...

ข่าวล่าสุด

ผู้ว่า ธปท. ห่วงบาทแข็งเร็ว สั่งตรวจเข้มทำธุรกรรมซื้อขายดอลลาร์