posttoday

อัศจรรย์ วัดสำเพ็ง (วัดปทุมคงคา)

21 กันยายน 2557

เมื่อเอ่ยนามวัดสำเพ็ง เชื่อว่าหลายท่านนึกไม่ออกว่าอยู่ที่ไหน แม้ว่าย่านสำเพ็งจะคุ้นหู

โดย...สมาน สุดโต

เมื่อเอ่ยนามวัดสำเพ็ง เชื่อว่าหลายท่านนึกไม่ออกว่าอยู่ที่ไหน แม้ว่าย่านสำเพ็งจะคุ้นหู และรู้ว่าเป็นย่านการค้าส่งของคนจีนก็ตาม

วัดสำเพ็งเป็นชื่อวัดโบราณที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันคือ วัดปทุมคงคา

หนังสือประวัติวัดปทุมคงคา ที่พิมพ์ในงานกฐินพระราชทาน เมื่อ พ.ศ. 2556 กล่าวถึงความเป็นมาของวัดว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก แรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงเห็นว่ากรุงธนบุรีที่อยู่ฝั่งตะวันตกคับแคบ มีทำเลที่ยากต่อการป้องกันศัตรู และยากที่จะขยายออก เพราะอยู่ติดกับวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) จึงทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งตรงข้าม หรือฝั่งตะวันออก คือที่ตั้งพระบรมมหาราชวังปัจจุบัน

ส่วนชุมชนที่อยู่เดิมซึ่งเป็นคนจีนให้ย้ายไปอยู่ที่สวนตั้งแต่คลองวัดสามปลื้ม (วัดจักรวรรดิ)ไปถึงคลองวัดสำเพ็ง (วัดปทุมคงคา)

 

อัศจรรย์ วัดสำเพ็ง (วัดปทุมคงคา)

 

คนจีนนำโดย พระยาราชาเศรษฐี ไปตั้งถิ่นฐานใหม่ แต่มีวัดโบราณสมัยอยุธยาตั้งอยู่ เรียกว่าวัดสำเพ็ง อยู่ในสภาพทรุดโทรม จึงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า กรมพระราชบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงซ่อมแซมขึ้นใหม่ และทรงพระราชทานชื่อใหม่ว่า วัดปทุมคงคา

ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร

วัดนี้มีถนนทรงวาดตัดผ่าน จึงเห็นวัดที่เป็นสังฆาวาสแบ่งเป็น 2 ส่วน แม้ว่าวัดจะแบ่งอาณาเขต เป็นเขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตจัดผลประโยชน์ก็ตาม

ในเขตพุทธาวาส เป็นที่ตั้งพระวิหาร วิหารคด และพระอุโบสถ

พระอุโบสถที่มีขนาดกว้าง 9 เมตร ยาว 22 เมตร เป็นรูปทรงโรง สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 1 หน้าบันเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ผนังด้านทิศตะวันออก เป็นภาพเขียนพระพุทธเจ้าปางผจญมารก่อนตรัสรู้ มีแม่ธรณีกำลังบิดมวยผมช่วยป้องกันมิให้พระยาวสวัตดีกับเสนามารเข้าผจญได้

ผนังด้านทิศตะวันตก เป็นภาพเขียนอากาศวิมาน มีพระอาทิตย์ พระจันทร์ชักราชรถ และพระที่นั่งเวชยันต์มหาปราสาทของท้าวสหัสนัยน์ มีรูปช้างเอราวัณ

ผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้ ด้านล่างเป็นภาพเขียนทศชาติ ด้านบนเป็นรูปเทพชุมนุม มี เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ครุฑ นาค คนธรรพ์ วิชาธร กำลังพนมมือและมีพัดวาลวีชนีประจำทุกรูป

ภาพเขียนฝาผนังสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือช่างชุดเดียวกันกับที่เขียนไว้ในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ

ภาพทั้งหมดเขียนซ่อมเมื่อ พ.ศ. 2505 โดย พระเทพปริยัติ (ดำ อาภารํสี) เจ้าอาวาสในสมัยนั้น ให้ช่างกรมศิลปากรดำเนินการ

และได้ทำการบูรณะใหม่อีกครั้งในปี พ.ศ. 2539 ในสมัยพระธรรมคุณาภรณ์เป็นเจ้าอาวาสสิ้นงบประมาณในการบูรณะจำนวน 809,000 บาท (แปดแสนเก้าพันบาทถ้วน)

พระทรงเครื่อง

พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง งดงามเท่าเทียมกันในบรรดาพระพุทธรูปทรงเครื่อง 3 องค์ ที่มีในประเทศไทย คือ วัดนางนอง เขตจอมทอง และวัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา

พระทรงเครื่องวัดปทุมคงคา มีนามพระราชทานว่า พระมหาชนก หน้าตักกว้าง 2.2 เมตร ส่วนสูงถึงยอดพระเกตุมาลา 3 เมตร ปางมารวิชัย

ในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้กรมขุนราชสีหวิกรมให้ช่างยกให้สูงขึ้นแล้วทำเป็นพระทรงเครื่องต้นอย่างกษัตริย์ ที่พระนลาฏฝังเพชรแล้วต่อชุกชีออกมา ทำเป็นรูปเทวดาถือพุ่งฉัตรดอกไม้เงิน 2 องค์

ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 พระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ได้ดำเนินการให้บูรณะใหม่ทั้งองค์ เนื่องจากเครื่องทรงต่างๆ เศร้าหมองและชำรุดไปตามกาลเวลา สิ้นค่าบูรณะเป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท (สองล้านบาทถ้วน)

พระปรางค์

พระปรางค์มีทั้งหมด 8 องค์ ตั้งอยู่รอบพระอุโบสถ 8 ทิศ มิใช่พระปรางค์ทั่วไป แต่เป็นที่ประดิษฐานใบเสมาและลูกนิมิต

นอกจากนี้ ยังพระเจดีย์โบราณ 7 องค์ อยู่หลังพระวิหารคด น่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับวัด

ของพระราชทาน

นอกจากนั้น มีของหลวงที่พระราชทานไว้ประจำพระอุโบสถ ดังนี้

1.ธรรมาสน์ชั้นเอก ในคราวถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2453

2.พระบรมรูปหล่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องยศจอมพลทหารบก สูง 48 เซนติเมตร

3.ตู้สลัก ลายปิดทองล่องชาด สำหรับตั้งเทียนพรรษา ในคราวงานถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา

4.ธรรมาสน์ปาฏิโมกข์ ในคราวงานถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร พ.ศ. 2466

5.ตู้ปาฏิโมกข์ เป็นสังเค็ด ในคราวงานถวายพระเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร พ.ศ. 2466

โพธิ์ลังกา

วัดปทุมคงคามีต้นโพธิ์ใหญ่ 2 ต้น ต้นที่หนึ่งอยู่ติดคลองถมด้านทิศตะวันตก อีกต้นหนึ่งอยู่ติดกำแพงทางด้านทิศตะวันออก เป็นโพธิ์ตรัสรู้ เป็นโพธิ์พันธุ์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ศรี อโนมสิริ) นำมาจากลังกาทวีปมาปลูกไว้ ครั้งเป็นสมณทูต เมื่อ พ.ศ. 2395 นับอายุได้ 162 ปี (23952557)

แท่นหินประหาร

คอลัมน์สยามอัศจรรย์ แห่งโพสต์ทูเดย์ เคยรายงานเรื่องแท่นหินนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว ส่วนหนังสือประวัติวัดที่พิมพ์ในงานกฐินพระราชทาน 2556 ท่านเรียกว่าแท่นหินประหารกบฏ

แท่นหินนี้ กว้าง 48 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว เป็นแท่นหินประวัติศาสตร์ ที่ใช้รองรับร่างกรมหลวงรักษ์รณเรศ ที่ถูกสำเร็จโทษ (ทุบ) ด้วยท่อนไม้จันทน์บนแท่นหินนี้

มีเรื่องราวอยู่ในพงศาวดาร ตอนกล่าวหากรมหลวงรักษ์รณเรศเป็นกบฏว่า “มักใหญ่ใฝ่สูงจะเป็นวังหน้าบ้าง เป็นเจ้าแผ่นดินบ้าง อย่าว่าแต่มนุษย์เราจะยอมให้เป็นเลย แม้แต่สัตว์เดียรัจฉานมันก็ไม่ยอมให้ตัวเป็นเจ้าแผ่นดิน จึงโปรดให้ถอดเสียจากกรมหลวง ให้เรียกว่า หม่อมไกรสร ลงพระราชอาญาแล้วให้ไปสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ที่วัดปทุมคงคา เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2391 ตรงกับวันพุธ เดือนอ้าย แรม 3 ค่ำ”

กรมหลวงรักษ์รณเรศ เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 33 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต้นราชสกุล “พึ่งบุญ” พระนามเดิมคือ พระองค์เจ้าไกรสร ประสูติเมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ ตรงกับวันที่ 26 ธ.ค. ปีกุน พ.ศ. 2334

ในสมัยรัชกาลที่ 2 ทรงสถาปนาเป็นกรมหมื่นรักษ์รณเรศและโปรดให้ทรงกำกับกรมสังฆการีครั้งรัชกาลที่ 3 ได้ทรงกำกับกรมวังและเลื่อนเป็นกรมหลวงรักษ์รณเรศเมื่อปีมะโรง พ.ศ. 2375

สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อวันพุธ เดือนอ้าย แรม 3 ค่ำ ปีวอก พ.ศ. 2391 พระชันษา 58 ปี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวว่า จะเป็นเหตุไรหาปรากฏไม่ ที่วัดปทุมคงคานี้ จึงเป็นที่สำคัญสำหรับประหารชีวิตเจ้านาย เพราะแต่ก่อนงานพระบรมศพพระอัฐิเก็บแล้ว ก่อนที่จะใช้พระอังคารฝังกันนั้น ก็เชิญลงเรือบุษบกเรือศรีมีแห่กลองชนะเต็มที่ไปถึงวัดปทุมคงคาแล้วก็เอาพระอังคารลงลอยที่นั่น

ถ้าช้างเผือกล้มลง ก็เช่นเดียวกัน เขาเอาผ้าขาวห่อช้างที่ล้ม มีเรือดั้ง เรือกัน แห่ลากเอาไปถ่วงที่วัดปทุมคงคาเหมือนกัน จึงกล่าวได้ว่า วัดปทุมคงคาเป็นสถานที่ประหารชีวิตแห่งแรกในพระนคร

ในสมัยรัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2363 โรคอหิวาต์ระบาด ประชาชนตายเป็นจำนวนมาก ศพก่ายกันเหมือนกองฟืน ในปีนั้นคนตายประมาณ 30,000 กว่าคนก็ได้ใช้วัดปทุมคงคาเป็นที่เก็บศพอีกเหมือนกัน

เขตสังฆาวาส

ตามที่กล่าวแล้ว วัดนี้ถูกถนนทรงวาดตัดผ่าน เขตสังฆาวาสจึงมี 2 คณะ คือ คณะใน อยู่ในด้านติดถนน มีโรงเรียนวัดปทุมคงคาอยู่ด้านหน้า มีกุฏิโบราณ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งอยู่หลายหลัง มีหอระฆังตั้งที่คณะ 2 มีเจ้าหน้าที่ประจำเพื่อที่ตีบอกสัญญาณ ทำวัตรสวดมนต์ วันสำคัญหรือนักขัตฤกษ์ ตามเวลาที่กำหนด หากตีนอกเวลาดังกล่าว แสดงว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นที่วัด

คณะนอก อยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา กุฏิเจ้าอาวาสอยู่ที่คณะนี้ มีหอระฆังอีก 1 หอ แต่ไม่มีกติกาพิเศษ เหมือนหอระฆังคณะใน

ท่านผู้อ่านยังหาความรู้ในวัดนี้ได้อีกมาก เช่น หอธรรมพุทธทาส และป๋วยเสวนาคาร ที่อยู่ที่คณะในอีกด้วย ทั้งนี้เพราะคนดังของโลก 2 ท่านมีประวัติเกี่ยวข้องกับวัดและโรงเรียนวัดปทุมคงคาในช่วงต้นๆ ของชีวิต

นี่แหละที่ผมว่าอัศจรรย์ที่วัดสำเพ็ง (วัดปทุมคงคา)

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"