posttoday

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ นักวิทยาศาสตร์ ผู้รู้ลึกในด้านสังคม-วัฒนธรรม

21 กันยายน 2557

เมื่อได้ยินชื่อ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและรักษาการ

เมื่อได้ยินชื่อ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีต รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและรักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2549-2551 และเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลรับผิดชอบด้านสังคมในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะนี้ มีคนจำนวนไม่น้อยแสดงความแปลกใจและประหลาดใจว่าเหตุไฉน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเลือกนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาทำงานรับผิดชอบทางด้านสังคม

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ นักวิทยาศาสตร์ ผู้รู้ลึกในด้านสังคม-วัฒนธรรม

 

เราจึงน่ามารู้จักกับตัวตนและความเป็นมาของ ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ กันดูบ้าง

ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดเมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2487 เป็นบุตรชายคนที่ 3 ของ พ.อ.สรรค์ และระเบียบ (อึ๊งภากรณ์) ยุทธวงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา คือ

1.พล.ร.ต.สุระ ยุทธวงศ์ (ถึงแก่กรรม)

2.พล.ร.อ.ณรงค์ ยุทธวงศ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด

3.พญ.กิตติมา ยุทธวงศ์ (น้องสาว)

จบการศึกษาชั้นต้นและมัธยมปลายจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล แต่เนื่องจาก พ.อ.สรรค์ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเป็นหลักของครอบครัวถึงแก่กรรมตั้งแต่บุตรธิดายังมีอายุน้อย และระเบียบผู้มารดาเป็นน้องสาวแท้ๆ ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ปูชนียบุคคลผู้หนึ่งของเมืองไทย ดร.ป๋วย ผู้เป็นลุงจึงให้การเอาใจใส่ช่วยเหลือดูแลครอบครัวของระเบียบผู้น้องสาวมาโดยตลอด

หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยมปลายแล้ว ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ก็เข้าศึกษาต่อจนจบเตรียมแพทยศาสตร์ (2 ปี) รุ่นแรกของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ซึ่งปัจจุบันคือคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) แล้วจึงสอบชิงทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อวิชาเคมีที่ประเทศอังกฤษ จบปริญญาตรีสาขาเคมี เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยลอนดอนในปี 2509 จบปริญญาเอกสาขาเคมีอินทรีย์ จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ในปี 2512 ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมสมาคมนักเรียนไทยในอังกฤษ จนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสภานายกของสามัคคีสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี 2510 ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ได้ชื่อว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้มีความรู้ทางด้านสังคม ดนตรี ศิลปวัฒนธรรม ภาษา และวรรณกรรมเป็นเยี่ยมผู้หนึ่ง นับเป็นปัญญาชนคนรุ่นใหม่ในยุคก่อน 14 ต.ค. 2516 ที่มีความห่วงใยในความเป็นไปของสังคมบ้านเมืองเป็นอย่างมาก จึงได้เขียนหนังสือแสดงความคิดเห็น ความห่วงใยในความเป็นไปของชาติบ้านเมืองมาลงตีพิมพ์ตามนิตยสารต่างๆ ตลอดจนหนังสือพิมพ์ประชาธิปไตย หนังสือพิมพ์รายวันการเมืองที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ซึ่งมี ณรงค์ เกตุทัต เป็นเจ้าของอยู่เนืองๆ จนในที่สุดก็ได้ร่วมมือกับปัญญาชนคนก้าวหน้า เช่น ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช โอฬาร ไชยประวัติ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ฯลฯ พิมพ์หนังสือชื่อคิดถึงเมืองไทย เป็นพ็อกเก็ตบุ๊กออกจำหน่าย เป็นที่สนใจของผู้คนในสังคมในขณะนั้นไม่น้อยเลย

หลังจากจบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากประเทศอังกฤษ และกลับเมืองไทยในปี 2512 ดร.ป๋วย ผู้เป็นลุง ยังดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้อาศัยอยู่ที่บ้านในซอยอารีย์ ถนนพหลโยธิน แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากภรรยาซึ่งเป็นชาวอังกฤษกลับไปเยี่ยมบ้านที่อังกฤษ ยงยุทธซึ่งได้เข้ารับราชการในภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ไปอยู่เป็นเพื่อนลุงป๋วยที่บ้านซอยอารีย์ระยะหนึ่ง ทำให้มีความใกล้ชิดสนิทสนม และมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และทัศนะต่างๆ ทางด้านสังคมการเมือง ศิลปวัฒนธรรม ภาษาวรรณกรรม และดนตรีกับลุงป๋วยอย่างสนิทสนมและเปิดใจซึ่งกันและกัน

เนื่องจากมีความสนใจและมีความรู้ทางภาษาหลายภาษา ยงยุทธจึงได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เฉพาะตัวเอาเวลาว่างไปรับจ้างอ่านข่าวภาคภาษาอังกฤษให้กับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ซึ่งผู้หญิงเก่ง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นผู้บริหารอยู่ และที่ช่อง 7 นี่เองที่ยงยุทธหนุ่มนักเรียนนอกเนื้อหอมเกิดไปติดตาต้องใจสาวสวยคนเก่งบัณฑิตอักษรศาสตร์มาดใหม่ด้านศิลปะการละคร ศิษย์เอกของอาจารย์สดใส พันธุมโกมล จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเพิ่งจะสอบชิงทุนอีสต์เวสต์เซ็นเตอร์ได้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาวาย สหรัฐอเมริกา ด้วยคะแนนสอบโทเฟลได้ที่หนึ่งของรุ่นชื่อ อรชุมา สูตะบุตร ซึ่งมารับจ้างทำงานพิเศษแปลข่าวภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาไทยที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เช่นกัน

เมื่อทั้งคู่แน่ใจว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันแน่นอนแล้วก็ตัดสินใจแต่งงานทันที จากนั้นฝ่ายหญิงก็ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ฝ่ายชายก็ได้รับทุนให้ไปทำงานวิจัยหลังปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา

เมื่อจบการศึกษาระดับปริญญาโททางด้านศิลปะการแสดงแล้ว อรชุมา ยุทธวงศ์ ก็เข้ารับราชการเป็นอาจารย์สอนศิลปะการละครที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนยงยุทธก็กลับมารับราชการที่คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเช่นกัน

อ่านต่อสัปดาห์หน้า

ข่าวล่าสุด

อาลัยวีรชน “เนิน 350” อนุทินลั่นไม่ทิ้งญาติ ย้ำรัฐเยียวยาเต็มที่