ตร.พบแรงงานต่างด้าวต้องสงสัยฆ่า2ฝรั่งเกาะเต่า

พล.ต.อ.สมยศเผยเจ้าหน้าที่พบผู้ต้องสงสัยฆ่า 2 นักท่องเที่ยวที่เกาะเต่า เป็นแรงงานต่างชาติคนคาดสาเหตุต้องการข่มขืน

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.เวลา 12.30นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีคนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า นายเดวิด วิลเลียม และ น.ส.ฮานนาห์ วิคตอเรีย นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คน บนเกาะเต่า อ.เกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์สั่งกำชับให้ตำรวจเร่งรัดติดตามจับกุม เนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ กระทบภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทย

ทั้งนี้ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค8 (ผบช.ภ.8) ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และกำชับไปยังตำรวจพื้นที่ให้เร่งดำเนินการแล้ว โดยเบื้องต้น จากการตรวจสอบภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และร่องรอยหลักฐานที่พบ คาดว่า ผู้ก่อเหตุเป็นแรงงานต่างชาติ ก่อเหตุ 1 คน และสาเหตุน่าจะลงมือเพื่อต้องการข่มขืนหนึ่งในผู้เสียหาย โดยไม่ประสงค์ต่อทรัพย์ เพราะอาศัยจังหวะและช่วงเวลาปลอดคน จากอาวุธที่ใช้ คือจอบมองว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนงานในพื้นที่ จึงทราบที่เก็บจอบ คนนอกไม่น่าทราบว่าจอบอยู่ตรงไหน

พื้นที่เกาะเต่ามีแรงงานต่างชาติ หรือต่างด้าวจำนวนมากทั้งแรงงานในที่พัก สถานบริการ และแรงงานประมง จากพฤติการณ์เชื่อว่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวไม่ใช่คนไทย ซึ่งขณะนี้ สั่งการกองพิสูจน์หลักฐานนำเอาคราบเลือดและจอบที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ไปเทียบเคียงกับดีเอ็นเอของผู้ก่อเหตุ เชื่อว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ในไม่ช้า

"ตำรวจได้ทุ่มเทความสามารถอย่างเต็มที่ หากพบความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป"พล.ต.อ.สมยศกล่าว

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ตำรวจยังไม่ได้รับการประสานจากสถานทูตอังกฤษ แต่ตำรวจ ยืนยัน จะดำเนินการจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้ง จัดระเบียบแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการก่อเหตุในลักษณะนี้อีก

ทั้งนี้ ยังไม่มีการจัดชุดกองปราบหรือชุดปฏิบัติการพิเศษลงไปในพื้นที่แต่อย่างใด เพราะเชื่อว่า ตำรวจพื้นที่จะสามารถดำเนินการจัดการได้ แต่ถ้ามีความจำเป็นก็รายงานเรื่องดังกล่าวถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชารแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) เพื่อจัดให้มีชุดปฏิบัติการที่มีความรู้ความสามารถและความชำนาญลงไปดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันนี้ ศพของนักท่องเที่ยวจะถูกส่งมาถึงที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์ชันสูตร ตรวจสอบหลักฐานและดีเอ็นเอของคนร้ายที่อาจจะติดอยู่กับศพ ทั้งนี้คาดว่าผลการชันสูตรจะออกพรุ่งนี้

วันเดียวกันเมื่อเวลา 04.00น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อม พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน นำตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 ประมาณ 30 นาย ออกเดินเท้าเพื่อจำลองเหตุการณ์การเดินทางของนายเดวิด วิลเลี่ยม มิลเลอร์ และน.ส.ฮานนาห์ วิคทอเรีย  วิเธอร์ไรดจ์ 2นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่ถูกคนร้ายฆ่าตาย ตั้งแต่จุดปากทางเข้าสถานบันเทิง เอ.ซี.บาร์ ไปตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังชายหาด จปร.หมู่ 2 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน สถานที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 15 ก.ย.เป็นระยะทางกว่า 200 เมตร และสอบถามข้อมูลจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวในบริเวณดังกล่าว จากการตรวจสอบพบระยะทางจากที่พักของผู้เสียชีวิตที่โอเชี่ยนวิว บังกะโลว์ กับที่เกิดเหตุอยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ทดสอบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือพบว่าไม่สามารถได้ยินเสียได้อย่างชัดเจนเพราะเป็นจุดอับ

นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบภาพโทรทัศน์วงจรปิดที่ติดอยู่ใกล้สถานบันเทิง เอซีบาร์ พบภาพชายต้องสงสัย 1 คน ลักษณะรูปพรรณชาวเอเชีย สูงประมาณ 160 -170 ซ.ม. ไม่ทราบผิวสีเนื่องจากเป็นภาพขาวดำ นุ่งกางเกงขาสั้นไม่สวมเสื้อเดินวนเวียนไปมาหลายรอบโดยจุดสังเกตุผิดปกติอยู่ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น.ที่ชายคนดังกล่าวเดินไปทางชายหาด จปร.ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับผู้เสียชีวิตถูกทำร้าย หลังเดินหายไปประมาณ 45-50 นาที มีภาพปรากฎอีกครั้งว่า ขากลับชายคนเดียวกันได้วิ่งกลับมาผิดปกติจึงได้เก็บภาพไว้เป็นหลักฐาน
 
ต่อมา พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ พร้อม พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ,พ.ต.อ.เชิดพงษ์  ชิวปรีชา ผกก.ส.3 บก.สส.ภาค 8 ได้นำกำลังกว่า 100 นายแบ่งออกเป็น 4 ชุดเข้าตรวจค้นที่ห้องพักคนงานชาวพม่าทั้งหมด 9 ห้องของรีสอร์ทชื่อ  อินทัต  ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร พบโทรศัพท์ไอโฟนจำนวน 4 เครื่องในจำนวนนี้ 2 เครื่องหน้าจอแตก และพบกางเกงยีนเปื้อนเลือด 1 ตัว จึงควบคุมตัวคนงานที่ต้องสงสัยจำนวน 6 คนไปสอบปากคำพร้อมให้เจ้าหน้าที่พิสูจณ์หลักฐาน 8 ตรวจสอบร่างกายเก็บดีเอ็นเอ และควบคุมตัวทั้งหมดไว้ก่อน
 
กลางดึกคืนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาเกาะเต่า ได้ลำเลียงศพนายมิลเลอร์ และ น.ส.วิเธอร์ไรดจ์  ใส่โลงจากวัดเกาะเต่าไปลงเรือข้ามฝั่งไปขึ้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี  เพื่อส่งไปชันสูตรกองพิสูจณ์หลักฐานกลาง สถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งคราบเลือดติดอยู่ที่หัวจอบที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธไปพิสูจน์ด้วย
 
พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ กล่าวว่า จากการจำลองเหตุการณ์และการตรวจชันสูตรศพเชื่อว่าก่อนถูกทำร้ายทั้งคู่อาจกำลังมีเพศสัมพันธ์กันอยู่บนลานหาดทรายเมื่อคนร้ายเข้ามาเห็นในลักษณะที่นายมิลเลอร์นอนคร่อมร่าง น.ส.วิเธอร์ไรดจ์อยู่จึงเข้าใช้จอบตีที่ท้ายทอยด้านหลังศีรษะนายมิลเลอร์ก่อนเป็นจุดแรกแต่ไม่เสียชีวิตทันทีจึงทุบตีซ้ำที่ศีรษะจนแน่นิ่ง

จากนั้นได้ลาก น.ส.วิเธอร์ไรดจ์ ไปบริเวณโขดหินห่างจากจุดแรกประมาณ 15 เมตรเพื่อทำการข่มขืนแต่เหยื่อขัดขืนจึงกระหน่ำทุบตีหลายครั้งจนใบหน้าเละซึ่งจะต้องรอผลชันสูตรว่า น.ส.วิเธอร์ไรดจ์ถูกทำร้ายเสียชีวิตก่อนหรือถูกข่มขืนก่อน หรือไม่ได้ถูกข่มขืน แต่อาจเกิดจากการร่วมเพศกับนายมิลเลอร์
 
พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภาค 8 กล่าวว่า  จากเดิมที่ได้ควบคุมตัวเพื่อนชายนายมิลเลอร์ไว้เพื่อสอบสวนเนื่องจากตรวจสอบเบื้องต้นพบบาดแผลตามร่างกายนั้น ล่าสุดจากการตรวจร่างกายของแพทย์พบว่าเป็นบาดแผลเก่าที่เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุจึงได้ตัดประเด็นนี้ไป ขณะนี้การติดตามคนร้ายมุ่งไปที่บุคคลในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวที่ทำงานบนเกาะเต่า โดยเฉพาะ 4 จุดเป้าหมายที่เข้าตรวจค้นสืบสวนพบว่า มีคนงานบังกะโลว์แห่งหนึ่งเคยมีประวัติชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวจึงสั่งควบคุมตัวไว้สอบสวนและเก็บดีเอ็นเอ.แล้ว
 
ล่าสุดได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรมัย ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นำกำลังชุดสืบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคดีนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่เกาะเต่า เพื่อร่วมกับชุดสืบสวน สส.ภาค 8 และสืบสวนภูธร จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมคลี่คลายคดีพร้อมทั้งมีคำสั่งให้หน่วยปฎิบัติการพิเศษ บก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นำกำลังเข้ารักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มความมั่นใจและร่วมคลี่คลายคดี
 
นางวรรณี  ไทยพานิชย์  นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะพะงัน  กล่าวว่า ผู้ประกอบการท่องเที่ยวบนเกาะพะงันและเกาะเต่า ได้ร่วมกันแต่งกายชุดดำเป็นเวลา 3 วันเพื่อแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นห่วงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ จะต้องเร่งกอบกู้สถานการณ์โดยเร็วที่สุด
 
นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี และเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะตามมาอีก ตลอดทั้งได้วางแผนเพื่อจะติดตั้งกล้อง ซีซีทีวี ในจุดที่ล่อแหลมและในจุดเปลี่ยว พร้อมเชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิจารณาหารือวางมาตรการในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป.

ตำรวจตรวจห้องพักแรงงานต่างชาติ