โรงเรียนประจำถิ่น
วันนี้ผมขอเขียนบทความฉบับนี้จากความรู้สึกของตนเองที่ได้เพียรพยายามเล็กๆ ของประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง
โดย...นพพล ชูกลิ่น
วันนี้ผมขอเขียนบทความฉบับนี้จากความรู้สึกของตนเองที่ได้เพียรพยายามเล็กๆ ของประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ฝันเห็นอยากให้ระบบการศึกษาอันเป็นแก่นแท้ที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ มีการพัฒนาอย่างมั่นคงและมีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตวัฒนธรรมการดำรงอยู่ตามวิถีของความเป็นไทย จุดเริ่มต้นของสังคมแรกของความเป็นมนุษย์คือสังคมครอบครัว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสิ่งแรกและเป็นพื้นฐานแห่งการดำรงชีวิต จุดเริ่มต้นที่สำคัญเป็นอันดับที่สองคือโรงเรียน สังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งถือเป็นรากฐานของการดำเนินชีวิต เพราะเป็นสถานที่แรกของการเริ่มต้นที่จะเรียนรู้ชีวิตที่ต้องดำเนินไปในอนาคต
ดังนั้น โรงเรียนแห่งแรกจึงควรเป็นโรงเรียนที่อยู่ในชุมชนเพื่อก่อให้เกิดสังคมประจำถิ่น ผมจึงเรียกโรงเรียนแบบนี้ว่าโรงเรียนประจำถิ่น ผมเรียกเองนะครับ ผมเองให้การสนับสนุนอาหารกลางวันแบบเลี้ยงอาหารทุกวันในหลายโรงเรียนมาเป็นเวลาหลายปี ยังไม่นับรวมการเปิดห้องสมุดไปตามโรงเรียนหรือชุมชนต่างๆ อีกหลายที่ต่อปี
แต่สิ่งที่ผมสังเกตเห็น คือ โรงเรียนประจำถิ่นเหล่านี้เริ่มทยอยปิดตัวลง ผมพยายามสอบถามถึงสาเหตุของการปิดตัวลง คำตอบคือไม่มีนักเรียนมาเรียนเพราะความเจริญของถนนเข้ามาไม่ถึง วิถีการใช้ชีวิตของผู้คนเริ่มเปลี่ยนไป พ่อแม่ออกจากบ้านไปทำงานในเมือง ลูกหลานรอรถตู้หรือรถโรงเรียนมารับเพื่อเข้าไปเรียนในเมืองตามค่านิยมที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย ที่วัดระดับคุณภาพของโรงเรียนจากจำนวนการสอบเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยดังๆ ได้ ดังนั้นภาพของเยาวชนไทยที่เดินจูงมือกันหลายๆ คน ขี่จักรยานแข่งกันไปโรงเรียนก็หายไปจากสังคมไทย เรามักจะเรียกร้องกันถึงความสามัคคีกลมเกลียวกันในประเทศ แต่สิ่งที่เกิดในวันนี้ ค่านิยมของมาตรฐานการศึกษาทำลายรากฐานนี้ไปโดยไม่ตั้งใจ โรงเรียนประจำถิ่นจึงควรเป็นสถานที่ที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากภาครัฐ ทั้งจากส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ช่วยกันรักษาโรงเรียนประจำถิ่นนี้ไว้ ถ้าเรายังต้องการให้เกิดความสามัคคีและรู้คุณค่าของถิ่นเกิด อันนำมาซึ่งรากฐานที่สำคัญของประเทศ
สำหรับผมมาตรฐานหรือคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนเหล่านี้ไม่ได้ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างที่หลายคนเข้าใจ ถ้าหากท่านเปิดใจว่าการศึกษาไม่ได้วัดจากผลการสอบที่แข่งขันกันอย่างเดียว แต่หากวัดจากหลักจริยธรรมคุณธรรมที่เยาวชนเราจะได้รับไปจากห้องเรียน ซึ่งโรงเรียนประจำถิ่นเหล่านี้ให้ได้ครับ ผมเชื่อมั่นมากๆ เพราะทุกครั้งที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมโรงเรียนเหล่านี้ ผมจะเห็นการเรียนการสอนแบบใกล้ชิดกันแบบหนึ่งห้องเรียนมีนักเรียน 5 คน ถึงไม่เกิน 10 คน การเรียนการสอนใช้แบบโต๊ะกลม นักเรียนนั่งล้อมกันอ่านหนังสือคัดลายมือ ฟังครูสอนพร้อมกันแบบใกล้ชิดกัน ช่วยเหลือกันและกัน ผมเห็นถึงความผูกพันของทั้งครูและนักเรียนมีให้กันอย่างงดงาม ถ้าเป็นโรงเรียนดังๆ จำนวนนักเรียนคงไม่ได้แบบนี้
ผมไม่ได้หมายถึงคุณภาพการศึกษานะครับ แต่หมายถึงความผูกพันระหว่างครูกับนักเรียน และนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน โรงเรียนประจำถิ่นเหล่านี้กำลังจะหายไปจากประเทศไทย ความงดงามและคุณค่าของถิ่นอาศัยกำลังจะหมดไป เยาวชนถูกปลูกฝังค่านิยมไปตามกระแสและค่านิยมของสังคมอันเกิดจากผู้ใหญ่ที่กำหนดคุณค่าการยอมรับในสังคม ในอนาคตสังคมชนบทจะเป็นสังคมที่อ่อนแอ ผันแปรได้ง่าย เพราะเมื่อเยาวชนที่อยู่ในชนบทจะเฝ้ารอวันที่เขาเติบใหญ่แล้วมุ่งเข้าสู่เมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะสังคมแรกของเยาวชนไทยไม่ได้อยู่ที่หน้าบ้านเขาแล้ว แต่มันอยู่ในเมืองใหญ่ตามที่ถูกปลูกฝังมาแต่เยาว์วัย แล้วสังคมไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร?


