posttoday

ครม.ทหารได้ไม่คุ้มเสีย

27 สิงหาคม 2557

สารพัดเสียงเริ่มออกมา “ดักคอ” ไม่อยากเห็น ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ เต็มไปด้วยตัวแทนจากกองทัพ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

สารพัดเสียงเริ่มออกมา “ดักคอ” ไม่อยากเห็น ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 เต็มไปด้วยตัวแทนจากกองทัพ เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์และประสิทธิภาพแล้ว อีกด้านหนึ่งยังจะเพิ่มแรงเสียดทานต่อการบริหารงาน เดินหน้าปฏิรูปประเทศนับจากนี้

ทว่า จากโผ ครม.ที่ปรากฏเวลานี้จะเห็นว่า “บิ๊กทหาร” โดยเฉพาะแกนนำจาก คสช.ถูกวางตัวมาคุมเก้าอี้กระทรวงสำคัญต่างๆ เพื่อสร้าง “เอกภาพ” และเป็นหลักประกันว่าทิศทางการบริหารงานรัฐบาล คสช.จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันไม่มีอุบัติเหตุให้ต้องสะดุดขาตัวเอง หรือเสียงแตกจนควบคุมแนวทางการทำงานไม่ไหว

ไล่มาตั้งแต่ ระดับรองหัวหน้า คสช. ทั้ง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.คมนาคม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองนายกฯ ควบ รมว.ต่างประเทศ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรองนายกฯ และ รมว.ศึกษาธิการ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรองนายกฯ และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ มาจนถึง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. เป็น รมว.พาณิชย์ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คสช. เป็น รมว.ยุติธรรม

รวมไปถึง พล.อ.วิลาศ อรุณศรี ที่ปรึกษา พล.อ.ฉัตรชัย หรือ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม มารับตำแหน่ง รมว.แรงงาน ตามมาด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. ที่มีกระแสข่าวว่าจะมานั่งเป็น รมว.มหาดไทย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง ผบ.ทบ. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.12 กับ พล.อ.ประยุทธ์ รั้ง รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จุดอ่อนที่อาจถูกโจมตีว่าเป็น “ครม.ทหาร” ทำให้ คสช.จำเป็นแก้ไขภาพลักษณ์ ดึงเอาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเสริมทัพ ทั้ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ที่อาจเข้ามาควบตำแหน่ง รมว.คลัง ซึ่งอยู่ระหว่างการทาบทาม ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และ สมหมาย ภาษี อดีต รมช.คลัง มารับตำแหน่งดังกล่าว

เช่นเดียวกับ อภิรดี ตันตราภรณ์ ที่ถูกทาบทามมาเป็น รมช.พาณิชย์ ณรงค์ชัย อัครเศรณี เป็น รมว.พลังงาน จักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ พรชัย รุจิประภา รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

ดอน ปรมัตถ์วินัย อดีตทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็น รมช.ต่างประเทศ กษมา วรวรรณ ณ อยุธยา รมช.ศึกษาธิการ สุธี มากบุญ อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็น รมช.มหาดไทย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็น รมว.สาธารณสุข

แต่สุดท้ายความพยายามย่อมไม่เป็นผล ตราบใดที่ยังมีบุคลากรจากกองทัพเข้ามานั่งคุมในตำแหน่งหลักควบคุมทิศทางการบริหาร ยากที่บุคลากรภายนอกที่ถูกดึงเข้ามาเสริมทีมจะได้ใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ ไม่ถูกครอบงำ และนั่นย่อมส่งผลโดยตรงต่อการบริหารงานของรัฐบาล

ส่วนข้ออ้างเรื่องความเป็นเอกภาพหรือความมั่นคง ที่ไม่ต้องการให้รัฐบาลต้องมาพะวงนั้น ดูจะไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะเอาเข้าจริงลำพังแค่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในตำแหน่งหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ย่อมเพียงพอจะควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกรอบที่ต้องการ

โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 44 ที่ให้หัวหน้า คสช. ระงับยับยั้ง หรือกระทำการใดๆ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด

หรือหากจะส่งตัวแทนกองทัพเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ก็ควรจะเป็นตำแหน่งที่เกี่ยวข้องเฉพาะกับงานด้านความมั่นคง เพื่อควบคุมดูแลความสงบในสังคม ส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานด้านเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ ควรเปิดกว้างให้มืออาชีพเข้ามาทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะทำให้การบริหารงานเกิดประสิทธิภาพมากกว่าให้ทหารเข้ามาเป็นผู้บริหาร

ที่สำคัญในส่วนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลไกการทำงานของ คสช. เวลานี้ชัดเจนว่ามีสัดส่วนตัวแทนของกองทัพเข้าไปนั่งเป็นสมาชิกมากกว่าสัดส่วนสาขาวิชาชีพอื่นๆ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์มาแล้วรอบหนึ่ง หาก ครม.ยังเต็มไปด้วยทหารเช่นเดิม ย่อมไม่เป็นผลดีในระยะยาว

ยิ่งเห็นบทบาทการทำงานของ สนช.สัปดาห์ที่ผ่านมาสะท้อนถึงความเป็นเอกภาพ พร้อมเพรียงไม่มีการแตกแถวแหกโผ ย่อมเป็นหลักประกันได้เป็นอย่างดีว่างานในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติ นับจากนี้คงเป็นไปอย่างราบรื่นเรียบร้อย และผ่อนคลายความวิตกของ คสช.ได้ระดับหนึ่ง

ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่ คสช.จะต้องส่งทหารมานั่งเป็นรัฐมนตรี เพื่อควบคุมการบริหารงานให้เป็นไปได้ดังใจทั้งหมด ตรงกันข้าม หาก ครม.ชุดนี้ยังมีทหารเข้ามาเป็นรัฐมนตรีส่วนใหญ่ ย่อมจะซ้ำเติมภาพลักษณ์การผูกขาดอำนาจ ไม่เปิดกว้างรับฟังความเห็นที่แตกต่าง ดังจะเห็นปัญหารายทางที่เกิดขึ้นเวลานี้

อีกด้านหนึ่ง ครม.ทหารย่อมต้องถูกโจมตีเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน กับการส่งคนของตัวเองเข้ามารับตำแหน่งที่จะเกี่ยวข้องกับการบริหารงานและงบประมาณต่อไป นั่นย่อมเป็นแรงบั่นทอนให้การบริหารงานมีปัญหาในอนาคต รวมถึงผลลัพธ์จากการบริหารไม่เป็นที่ยอมรับต่อไป

ยังไม่รวมถึงภาพลักษณ์ในสายตาต่างชาติที่ย่อมมองว่า ครม.ทหารเป็นตัวแทนที่สืบทอดอำนาจมาจากเผด็จการหลังรัฐประหาร ซึ่งนั่นจะส่งผลกระทบผลต่อไปถึงมิติการค้าขาย การลงทุน การท่องเที่ยว ฯลฯ และส่งผลย้อนกลับมายังการบริหารงานของรัฐบาล ฉุดให้ทุกอย่างอยู่ในสภาพย่ำแย่กว่าเดิม

ประเมินแล้วหากโฉมหน้า ครม.ที่จะออกมาในเดือน ก.ย.นี้ มีแต่ตัวแทนจากกองทัพเข้ามาเป็นแกนหลักนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญ ย่อมทำให้สิ่งที่คาดหวังว่าจะได้รับไม่คุ้มกับสิ่งที่จะเสียหาย

ข่าวล่าสุด

Gemini ใน Google สู่การแปล 20 ภาษาผ่านหูฟังแบบเรียลไทม์