รับจ้างทำการบ้านเฟื่อง"เด็กรักสบาย-ครูสั่งงานมากเกิน?"
เด็กบางคนก็ทำไหว บางส่วนไม่อยากทำ ต้องมองกลับไปว่าครูสอนเข้าใจหรือไม่ ปัญหาในแต่ละโรงเรียนเกิดจากอะไร
โดย...นรินทร์ ใจหวัง
"รับจ้างทำการบ้าน" กลายเป็นหนึ่งในประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่งคึกคักในช่วงนี้ หลังจากที่ "จักรกฤต โยมพยอม" หรือ "ครูทอม" ติวเตอร์ภาษาไทยชื่อดังได้นำภาพโฆษณาของผู้ประกาศรับจ้างทำการบ้านรายหนึ่งที่อาศัยช่องทางทั้ง อินสตาแกรม และ ไลน์ ในการหาลูกค้า มาเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวพร้อมแสดงความเป็นห่วงถึงผลกระทบที่จะเกิดจากขึ้นจากธุรกิจต่อตัวนักเรียน และ การศึกษาของไทย
ข้อมูลของครูทอมถูกสมาชิกเครือข่ายสังคมออนไลน์ส่งต่ออย่างกว้างขวาง กระทั่งล่าสุดกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดตามข้อกฎหมายหรือไม่
“มีรีวิวจากลูกค้าว่างานดีอย่างโน่นอย่างนี้ เหมือนกับขายเครื่องสำอางล่ะครับ”จักรกฤตกล่าวถึงธุรกิจรับทำการบ้านที่ได้พบในอินสตาแกรม
เขาระบุว่า หลังจากพบว่ามีผู้ประกาศรับจ้างทำการบ้านผ่าน อินสตาแกรม ก็ได้เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของอินสตาแกรมนั้น เพราะมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการทำร้ายนักเรียน แต่ก็ไม่ได้รับการสนใจจากเจ้าของอินสตาแกรม แถมยังเปลี่ยนชื่อ และลบภาพบางส่วนออกไปแล้ว แต่ก็ยังประกาศรับจ้างทำการบ้านอยู่ รวมทั้งเป็นที่น่าตกใจว่า ยอดติดตามอินสตาแกรมนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในทางกลับกัน เขาตั้งคำถามดังๆว่า สิ่งเหล่านี้สามารถสะท้อนได้หรือไม่ว่า นักเรียนไทยในปัจจุบันมีการบ้านมากเกินไป จนนักเรียนทำไม่ไหวจนต้องเลือกทางออกผิดๆ โดยการจ้างทำการบ้าน
“ต้องยอมรับว่ามีครูบางท่าน บางโรงเรียนให้การบ้านเยอะเกินความจำเป็น เด็กหลายคนไม่อยากทำ หรืออาจคิดว่าตัวไม่เก่งแล้วไปจ้างคนอื่นทำ เลยยิ่งไม่พัฒนาตัวเองเข้าไปอีก”
แม้การรับจ้างทำการบ้านเรื่องที่ถูกตำหนิจากสังคม แต่คุณครูหนุ่มมองว่ายังมีประเด็นอื่นมากกว่านั้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่สังคมต้องนำมาคิดต่อ เช่นเรื่องการให้การบ้านที่มากเกินไป
“เด็กบางคนก็ทำไหว บางส่วนไม่อยากทำ เราต้องมองกลับไปว่าครูสอนเข้าใจหรือไม่ ครูดุไปหรือไม่ ปัญหาในแต่ละโรงเรียนเกิดจากอะไร เด็กบางคนต้องทำงานช่วยบ้านไม่มีเวลาจนต้องจ้างทำการบ้าน หรือเด็กบางคนได้ค่าขนมมากหน่อยก็เอาไปจ้างเขาทำการบ้าน หรือกรณีที่เลวร้ายมากคือ ถ้าพ่อแม่รู้ สนับสนุนให้เด็กทำล่ะ อาจเป็นเพราะผู้ปกครองไม่มีเวลาช่วยติว แนะแนวทางลูก บางครอบครัวที่ไม่มีตรงนี้ก็อาจจะเอาเงินให้ลูก ไปจ้างคนอื่นทำ หรืออีกอย่างคือพ่อแม่พยายามช่วยแล้วก็ช่วยไม่ได้ เพราะเนื้อหาปัจจุบันยากเกินกว่าพ่อแม่จะช่วยเหลือลูกตัวเองได้”
ครูทอม ยอมรับว่า ถึงแม้จะไม่ได้เป็นครูในระบบ แต่ก็เชื่อว่าการบ้านเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการศึกษาของเด็ก รวมทั้งมองว่า นักเรียนควรฝึกฝนทำด้วยตัวเอง แต่ครูจำเป็นต้องทำให้เด็กเห็นประโยชน์ของการบ้านนั้นๆ ด้วย
“อย่างวิชาภาษาไทย เด็กหลายคนเขามองไม่เห็นประโยชน์ที่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่ครูแต่สั่งๆ อย่างเดียว ยกตัวอย่างการบ้านช่วงปิดเทอม ครูสั่งให้ไปลอกหนังสือทั้งเล่มใส่สมุด ทำเพื่ออะไรเด็กก็ต้องสงสัยใช่มั้ยครับ จริงๆถ้าตรงไหนไม่เข้าใจก็ให้ครูอธิบาย ถ้าไม่กล้าถามครูถามเพื่อนก็ได้ ถ้าครูไม่ตอบ เป็นปัญหาจากครู ผู้ปกครองก็ต้องสอดส่องดูแล ว่าลูกทำการบ้านจริงรึไม่ อย่างกรณีนี้มีการส่งงานที่จ้างมาที่บ้าน พ่อแม่ ต้องดูว่ามีจดหมาย พัสดุแปลกๆ มาไหม
"กรณีที่รู้ว่าลูกจ้างทำการบ้านแล้วเอาเงินให้ลูกเอง หยุดเถอะครับ ลองมองหาวิธี อย่างอย่างอื่น เช่นแนะนำให้ลูกถามครู ผู้ปกครองบอกมาทางคุณครูเองก็ได้ ถ้าครูมีจิตวิญาณของความเป็นครูจริงๆ ก็ต้องพยายามอธิบาย"
ครูทอมยังสะท้อนปัญหาถึงผู้ใหญ่ในวงการศึกษาว่า ครูบางคนไม่ได้เต็มที่ในการสอน เพราะต้องรับผิดชอบงานโรงเรียนอื่นๆ ด้วย เช่นการเงิน ธุรการ แทนที่จะเอาเวลาตรงนี้มาเตรียมการสอนให้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งควรได้รับการแก้ไขเพื่อให้ครูมีเวลาให้นักเรียนอย่างเต็มที่
เยาวดี เจ้าของร้านถ่ายเอกสารและจำหน่ายศึกษาภัณฑ์เจ้าใหญ่ในจังหวัดอุบลราชธานี ที่เล่าให้ฟังว่ามีผู้ปกครองจำนวนมากมักมาใช้บริการร้านถ่ายเอกสารที่มักจะมีคอมพิวเตอร์ค้นหางานได้ โดยผู้ปกครองเป็นผู้พาลูกหลานมาใช้บริการเอง เนื่องจากบางคนไม่มีความรู้มากพอที่จะสอนการบ้านลูก กับอีกหลายๆ คนให้เหตุผลว่าไม่มีเวลา
“ส่วนใหญ่เป็นผู้ปกครองพามาเอง แล้วให้เด็กอธิบายว่าการบ้านต้องทำอย่างไร เด็กบางคนยังค้นข้อมูลไม่เป็น แม่บางคนไม่รู้จักเล่นอินเทอร์เน็ต แต่ครูดันสั่งรายงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ ต้องจัดหน้า ต้องมีสารบัญ เด็กป.1 ป.2 เขายังทำไม่เป็นก็มี พ่อแม่ก็ต้องจ้างทำ ใครจะยอมให้ลูกตัวเองไม่มีคะแนนใช่มั้ย สมัยนี้เด็กป.1 ต้องทำรายงานจากคอมพิวเตอร์แล้ว เขาจะทำอย่างไร ครูเองนั่นเหละที่สั่งการบ้านยากเกินไป จนเขาต้องมาจ้าง จะให้เขาวิ่งไปซื้อคอมพิวเตอร์ทันที เขาก็ทำไม่ได้กันทุกคน
บางทีพ่อแม่มาเคาะประตูเรียกตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด เด็กก็ร้องไห้ว่าไม่มีการบ้านส่ง มาให้เราช่วยทำการบ้าน เพื่อขอให้ลูกมีงานส่งก่อนลูกเข้าโรงเรียน ก็เข้าใจพ่อแม่บางคน ถ้ามีเงินก็จะให้ลูกเรียนพิเศษ แต่คนที่ไม่มีเงินส่งลูกเรียนพิเศษจะทำไง ก็ต้องขวนขวายให้ลูกมีการบ้านส่ง จะปล่อยให้ลูกตกหรอ คงไม่มีใครยอม”เยาวดีสะท้อน
เช่นเดียวกับ รัตนพรรณ จันทร์ไผ่ ครูประจำชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 โรงเรียนวัดนายโรง ย่านปิ่นเกล้า กล่าวว่าเหตุผลที่แท้จริงที่ครูต้องการให้นักเรียนทำการบ้านก็เพื่อ อยากให้กลับไปทบทวน ฝึกฝนการทำงานให้มากๆ เพราะเมื่อโตขึ้นต้องเจออะไรอีกมากมาย และที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยเจอนักเรียนที่จ้างคนทำการบ้านมาส่ง ก็เพราะพยายามให้การบ้านนักเรียนน้อยอยู่แล้ว และให้นักเรียนทำงานให้เสร็จตั้งแต่อยู่ในคาบนั้น ซึ่งถ้าไม่เสร็จจริงๆ ถึงจะให้กลับเอาไปทำที่บ้าน ซึ่งตนเข้าใจดีว่าวิชาหลักๆ อย่าง คณิต ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ ต้องมีการบ้านมากอยู่แล้ว
“ยังไม่พบเด็กที่จ้างทำการบ้านมาส่ง แต่ลอกกันมีให้เห็นเป็นปกติอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะเราไม่ได้สั่งงานที่ยากเกินไป ถ้านักเรียนไม่ขี้เกียจเกินไป อุปกรณ์ที่โรงเรียนก็มีให้พร้อมทุกอย่างไม่น่ายากมากเกิน ในมุมของครูคิดว่าการให้การบ้านนักเรียนนั้นเหมาะสมดีแล้ว แต่ถ้าถามนักเรียนยังไงก็ต้องบอกว่ามากอยู่ ดี แต่ถ้าจัดสรรเวลาให้ถูกต้อง เชื่อว่าไม่ยากจนเกินไป เด็กสมัยนี่เอาความสบายมาก ครูสั่งงานแล้ว รู้ว่ามีคนรับจ้างรองรับก็ยิ่งขี้เกียจเข้าไปใหญ่ ถ้าวันหนึ่งจับได้ว่าเด็กเอางานจ้างมาส่ง เราต้องถามเหตุผลเด็กก่อนว่าจ้างใครมา จ้างเพื่ออะไร ถ้าเขายอมรับเราก็ต้องให้โอกาสเขาทำมาใหม่ แต่ถ้าไม่ยอมรับก็ไม่ให้คะแนนงานอันเลย"
"งานที่ครูให้คือการทบทวน สิ่งที่อาจสอนไม่ทัน ก็ให้นักเรียนไปเองสืบค้นจากที่อื่นบ้าง หลายครั้งก็เคยมองเหมือนกันว่าถ้าเฉลี่ยกับวิชาอื่นแล้วการบ้านน่าจะมาก เราก็พยายามจะไม่สั่งเด็กเพิ่ม”ครูสาวกล่าวเสริม


