เจ้าของโรงงานหม้อต้มน้ำระเบิดพร้อมดูแลผู้บาดเจ็บ
ปลัดกระทรวงแรงงานเข้าตรวจโรงงานหม้อต้มน้ำระเบิด พบเหตุจากปั๊มน้ำชำรุด ขณะที่เจ้าของดรงงานพร้อมดูแลผู้บาดเจ็บ-สร้างที่พักอาศัยที่เสียหาย
ปลัดกระทรวงแรงงานเข้าตรวจโรงงานหม้อต้มน้ำระเบิด พบเหตุจากปั๊มน้ำชำรุด ขณะที่เจ้าของดรงงานพร้อมดูแลผู้บาดเจ็บ-สร้างที่พักอาศัยที่เสียหาย
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. จากกรณีเกิดเหตุ หม้อต้มน้ำแรงดันสูงหรือบอยเลอร์ ของบริษัท วงศ์พสิษฐ์ การพิมพ์ จำกัด โรงงานย้อมผ้า ย่านตำบลท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 17.00 น.นายจีระศักดิ์ สุคนธชาติ ปลัดกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นาย เตง นาย( THEIN NAING) เลขาธิการทูตด้านแรงงานพม่า ในฐานะตัวแทน สถานทูตพม่า ดร.อำมร เชาวลิต เลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแก่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวพม่า
นายจีระศักดิ์ กล่าวว่า จากรายงานเบื้องต้นทราบว่า ขณะนี้ผู้บาดเจ็บส่วนหนึ่งได้กลับบ้านแล้ว 7 ราย โดยอีก 14 รายยังรักษาตัวอยู่ที่ รพ.สมุทรปราการ ซึ่ง 1 ในนี้อาการสาหัส รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากไม้หล่นทับจนปอดฉีก 1 ราย คือนายนำโชค แก้วชาติ อายุ 19 ปี โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก1รายคือ นายแดง สัญชาติ พม่า ซึ่งมีแผลไหม้ตามร่างกาย 95% ได้นำส่งรักษาตัวที่ รพ.จุฬาฯ
ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทราบว่า ปั้มน้ำชำรุดและไฟดับ ทำให้น้ำไม่สามารถส่งเข้าไปเลี้ยงอุณภูมิในบอยเลอร์ได้ แต่เมื่อไฟฟ้ามา จึงผลักดันน้ำเข้าไปในบอยเลอร์ ทำให้เกิดการขยายตัวของไอน้ำ ทำให้เกิดความดันอย่างมหาศาล ทำให้หม้อน้ำไม่สามารถรับแรงดันได้ จึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้น
สำหรับการรักษาพยาบาลนั้นทางสำนักงานประกันสังคมได้ดูแลผู้บาดเจ็บตามสิทธิผู้ประกันตนอย่างเต็มที่ทั้งแรงงานชาวไทยและแรงงานต่างด้าวที่ถูกกฎหมาย โดยลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างทำงานจะได้ค่ารักษาพยาบาลจ่ายตามจริง อัตรา 45,000-300,000 บาท และได้ค่าชดเชยตามพ.ร.บ.กองทุนทดแทน อีกด้วย ส่วนลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บนอกเวลาทำงานก็จะได้รับสิทธิ์การรักษาพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ์ได้จนสิ้นสุดการรักษา หลังจากนั้นทางปลัดกระทรวงแรงงานได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ
ด้านนายปิยะเดช วงศ์อารีย์ อายุ 45 ปี เจ้าของโรงงาน กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดจากบอยเลอร์ระเบิดนั้นไม่ต่ำกว่า10ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นคงต้องรอผลจากตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าวตน ยินดีรับผิดค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่เกิดขึ้น ทั้งค่ารักษาพยาบาล การสร้างที่พักอาศัยให้ใหม่ โดยให้แรงงานที่ได้รับความเดือดร้อนได้เข้ามาพักอยู่ในที่ที่จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมกับมอบเงินเยียวยาเบื้องต้น โดยจะดูแลทั้งแรงงานชาวไทยและสัญชาติพม่าอย่างเต็มที่


