พระไหว้โยมแม่ได้หรือ
ช่วงวันแม่ที่ผ่านมา ผมได้เห็นภาพถ่ายประมาณ 3-4 ภาพ ในเฟซบุ๊กของสมาชิกท่านหนึ่งที่มีคนส่งมาให้สมาชิกท่านนั้นดู ทำให้ผมต้องเบิกตา...ภาพแบบนี้ก็มีด้วยหรือ
ช่วงวันแม่ที่ผ่านมา ผมได้เห็นภาพถ่ายประมาณ 3-4 ภาพ ในเฟซบุ๊กของสมาชิกท่านหนึ่งที่มีคนส่งมาให้สมาชิกท่านนั้นดู ทำให้ผมต้องเบิกตา...ภาพแบบนี้ก็มีด้วยหรือ
ภาพหนึ่งเป็นภาพภิกษุหนุ่มนั่งแนบชิดแบบถูกเนื้อต้องตัวหญิงสูงวัยคนหนึ่ง (เข้าใจว่าเป็นโยมแม่ของพระ เพราะในมือของหญิงสูงวัยนั้นมีพวงมาลัยดอกไม้สวยงามอยู่ด้วย) และยังทำท่าหอมแก้มหญิงสูงวัยท่านนั้นอีก
นอกจากนี้ ยังมีภาพอื่นๆ ที่อารมณ์ประมาณนี้อีก 2-3 ภาพ แต่เป็นภาพของพระรูปอื่นในอิริยาบถนั่งประนมมือไหว้สตรีที่นั่งบนเก้าอี้เหมือนว่าขอขมาและขอพร ซึ่งผมเข้าใจว่าสตรีนั้นๆ คงเป็นโยมแม่ของพระของเณรนั้นๆ แน่ๆ
ถ้าท่านผู้อ่านเห็นภาพดังกล่าวนี้จะรู้สึกอย่างไรบ้างครับ (?) สำหรับผมขอบอกตามตรง ต้องขออนุญาตถอนหายใจดังๆ ครับ...เฮ่อ!
ใครที่ถ้าเห็นภาพเหล่านี้แล้วจะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น หรือเห็นว่าไม่เห็นเป็นอะไรหรือเป็นเรื่องธรรมดา หรือจะเห็นว่าก็เป็นสิ่งสมควรที่ลูกจะพึงกระทำต่อแม่ ก็สุดแต่ทัศนะของท่านๆ เถิด
สำหรับผมไม่เคยเห็นจริงๆ เพิ่งจะเห็นเนี่ยแหละ ผมเองเคยบวชมา แต่ตอนบวชก็ไม่เคยทำแบบนี้ (ประนมมือคุกเข่ายกมือไหว้กราบเท้า) กับคุณแม่ของผม และไม่เคยจับต้องกายท่าน จะมีก็แต่ซื้อของให้ท่านบ้าง ให้เงินบ้าง เวลาท่านป่วยก็พาไปหาหมอ เป็นต้น
การแสดงความรักความเคารพต่อพ่อแม่เป็นความเหมาะควรอย่างยิ่งที่ลูกพึงกระทำต่อท่านอย่างสม่ำเสมอ เช่น หอมแก้ม กราบเท้า ล้างเท้า ขัดเท้า บีบนวดเพื่อให้คลายปวด ยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งทำยิ่งได้บุญ ยิ่งทำยิ่งเป็นมงคลแก่คนที่ทำ
แต่ถ้าลูกเป็น “พระสงฆ์” นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ล่ะ จะปฏิบัติอย่างนี้กับโยมแม่ สัมผัสจับต้องกายท่านอย่างไม่เคอะเขิน มันแสดงให้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในตัวผู้ทำ เช่น ความไม่รู้ ความไม่ใฝ่รู้ และความรู้ผิด
รู้ไหม ถ้าพระทำอย่างนั้นกับโยมแม่ ดีไม่ดี โยมแม่อาจจะถูกมองได้ว่า ตัวเองเป็นฆราวาสแท้ๆ ทำไมปล่อยให้พระลูกชายทำเช่นนั้นกับตน ไม่รู้หรือว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะควร
แต่ถ้ามองในแง่ดี บางทีโยมแม่ก็อาจอยากจะบอกพระลูกชายนะว่า ท่านไม่ควรทำอย่างนี้ เพราะท่านเป็นพระ โยมแม่เป็นฆราวาส ท่านจะมาไหว้โยมได้ยังไง แต่ท่านก็คงพูดอะไรไม่ออก หรือไม่กล้าพูด กลัวว่าลูกจะเสียใจ เลยปล่อยเลยตามเลยก็เป็นได้
ที่ผมพูดมานี้อาจมีคนเห็นแย้งก็สุดแต่ครับ แต่ขอบอกตรงนี้ว่าเป็นพระอย่าทำตามใจอยากโดยไม่ดูวินัยของพระ ในเมื่อมีวินัยก็ให้เคารพวินัยบ้าง ถ้าเด็กเห็นก็คงจะสงสัย เออ...พระหอมแก้มแม่ พระกราบแม่ได้หรือ หนูงง ไม่เคยเห็น
ขอเถอะถ้าอยากจับเนื้อต้องตัว หอมแก้มโยมแม่ไว้ลาสิกขาเป็นฆราวาสก่อนเหอะ จะทำวันละหลายๆ ครั้งไม่มีใครว่า แต่อยู่ในผ้าเหลืองไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะเราเป็นพุทธเถรวาท ยึดมั่นในหลักพระวินัยต่างจากมหายานบางนิกายที่จับต้องกายหญิงได้
เขียนมาถึงตรงนี้ จะบอกว่าการปรนนิบัติพ่อแม่ไม่ว่าจะพระหรือฆราวาสสามารถทำได้ แต่มีวิธีทำ“ต่างกัน” ในคัมภีร์มังคลัตถทีปนีตอนว่าด้วยเรื่องการบำรุงพ่อแม่ว่าไว้ชัดเจนว่า
คฤหัสถ์ควรบำรุงด้วยการนอบน้อม คือทุกอย่างทำได้หมด รวมถึงการไหว้ การกราบ ส่วนบรรพชิตควรบำรุงด้วยสักการะ ซึ่งหมายถึงการให้สิ่งของ อาหาร เป็นต้น ไม่ใช่ด้วยการกราบไหว้
ทั้งนี้ ในเภสัชชกรณวัตถุในตติยปาราชิกว่าไว้ว่า ภิกษุนำมารดาไปสู่วัดแล้วปฏิบัติ ควรทำบริกรรมทั้งปวงแต่อย่าจับต้อง ควรให้ของควรเคี้ยว ของควรกินแก่มารดาด้วยมือตน บิดาภิกษุควรบำรุงด้วยกิจมีให้อาบน้ำและนวด เป็นต้น
ในกายสังสัคควรรณนาว่าด้วยการจับต้องกายว่าไว้ว่า ถ้าภิกษุเห็นมารดาถูกกระแสน้ำพัดไป ไม่ควรจับต้องด้วยมือ พึงนำเรือหรือแผ่นกระดาน ท่อนกล้วย ท่อนไม้ไว้ข้างหน้ามารดา
ถ้าเรือเป็นต้นไม่มี ก็พึงนำผ้ากาสาวะไว้ข้างหน้า แต่อย่าพูดว่าจงจับในเอกเทศนี้ ครั้นมารดาจับไว้แล้ว ควรฉุดมาด้วยทำในใจว่าเราฉุดบริขาร
ถ้ามารดากลัว ควรว่ายไปข้างหน้าปลอบให้อุ่นใจไว้ ถ้ามารดาถูกกระแสน้ำพัดไป ขึ้นเกาะคอภิกษุโดยเร็วหรือจับมือภิกษุไว้ ภิกษุก็อย่าขับไล่สลัดเสีย ควรนำไปให้ถึงบก
ถ้ามารดาติดอยู่ในตมหรือตกบ่อ ภิกษุพึงทิ้งเชือกหรือผ้าลงไป แล้วฉุดเชือกหรือผ้าที่มารดาจับไว้แล้วขึ้นมา ก็แต่ภิกษุอย่าจับต้องกายมารดาเลย
จะบอกว่า หากโยมแม่ท่านอยู่ดีๆ สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นอะไร ไม่เกิดเหตุร้ายอะไรกับท่าน หรือท่านช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็อย่าไปจับต้องกายท่านเลย คิดเองเถอะว่าควรทำอยู่หรือ
มีหลายอย่างที่พระปฏิบัติดีต่อแม่ได้มากกว่าการหอมแก้ม การไหว้ที่ซึ่งไม่ถูกต้องเหมาะสมกับสมณเพศเช่น การให้ของ ให้อาหาร ให้เสื้อผ้า หรือเทศน์สอนท่าน ทำไปสิ ไม่มีใครว่าในพระวินัยก็ไม่มีห้าม


