องครักษ์พิทักษ์โลก

ราวกับองครักษ์ที่ยอมพลีชีพ ดาวพฤหัสบดีรับ ลูกปืนแทนโลกแล้วมากกว่าหนึ่งลูก สนามความโน้มถ่วงอันกว้างใหญ่ไพศาลของดาวแก๊สยักษ์คอยขจัดเทห์ฟากฟ้าที่เป็นอันตราย และเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อพัฒนาการของชีวิต

ชิ้นส่วนดาวหางพุ่งสู่บรรยากาศดาวพฤหัสบดีด้วยความเร็ว 2.2 แสน กม./ชั่วโมง พลังงานที่เกิดจากการชนแต่ละครั้งนั้นรุนแรงกว่าอาวุธนิวเคลียร์ในโลกรวมกันหลายพันเท่า

ภาพการแตกสลายของดาวหางชูเมกเกอร์เลวี 9 ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1994 ตอกย้ำบทบาทของดาวพฤหัสบดีในฐานะองครักษ์ผู้ปกป้องโลกจากการถูกชนวินาศครั้งแล้วครั้งเล่า

-มวลมหึมาเป็นตัวดึงดูด

ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีมวลมากกว่ามวลรวมของดาวเคราะห์ดวงอื่น ดวงจันทร์บริวาร ดาวเคราะห์น้อย และดาวหางถึง 2.5 เท่า ความลับของดาวพฤหัสบดีที่สามารถดึงดูดและหักเหทางโคจรของดาวหางคือมวลของมันนี่เอง เพราะความโน้มถ่วงของดาวเคราะห์จะเพิ่มขึ้นตามมวลที่มากขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและมีข้อมูลเกี่ยวกับดาวพฤหัสบดีพอสมควรมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับโจวันนี โดเมนิโก กัสซีนี นักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีซึ่งได้ข้อมูลต่างๆ จากการสังเกตผ่านกล้องโทรทรรศน์บนโลกเท่านั้น เขาค้นพบว่าเมฆบริเวณขั้วดาวพฤหัสบดีเคลื่อนที่ช้ากว่าบริเวณเส้นศูนย์สูตรเมื่อปี 1690

-ชิ้นส่วนดาวหาง 23 ชิ้นพุ่งชน

เมื่อต้นปี 1993 นักดาราศาสตร์ 3 คน ได้แก่ ยูจีน และแคโรลิน ชูเมกเกอร์ กับเดวิด เลวี ค้นพบดาวหางขนาดเล็กกลุ่มหนึ่งที่เคลื่อนไปในอวกาศราวกับลูกปัดบนสายสร้อยเส้นเดียวกัน

เมื่อคำนวณเส้นทางการโคจรของดาวหางเหล่านั้นย้อนหลังกลับไป ก็พบว่าทั้งหมดมาจากดาวหาง ดวงหนึ่งที่เคยโคจรผ่านดาวพฤหัสบดีมาแล้วเมื่อปี 1992

-ยานสำรวจเข้าสู่บรรยากาศ

หนึ่งปีต่อมา ยานกาลิเลโอก็ส่งยานสำรวจขนาดเล็กลำหนึ่งเข้าสู่บรรยากาศหนา 5,000 กิโลเมตร ของดาวพฤหัสบดี ผลสำรวจพบว่า ดาวพฤหัสบดี มีธาตุหนัก เช่น คาร์บอน ไนโตรเจน และกำมะถัน มากกว่าดวงอาทิตย์ ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากตลอดอายุ 4,500 ล้านปีของมัน ดาวพฤหัสบดีดึงดูดดาวหาง และดาวเคราะห์น้อย ซึ่งมีธาตุหนักเข้ามานับไม่ถ้วน

ยานสำรวจจากยานกาลิเลโอล่วงเข้าไปในบรรยากาศดาวพฤหัสบดีได้เพียง 200 กิโลเมตร ซึ่ง ไม่ไกลเลยเมื่อเทียบกับระยะทาง 7.5 หมื่นกิโลเมตร สู่ศูนย์กลางดาวใจกลางดาวพฤหัสบดีคือปริศนาสำหรับนักวิทยาศาสตร์

-ดาวพฤหัสบดีตีสองหน้า

องครักษ์ที่หนักกว่าโลกถึง 300 เท่าน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเรา แต่นักวิทยาศาสตร์บางคนบอกว่า ดาวพฤหัสบดีนั้นตีสองหน้า มีนักวิจารณ์ที่ชี้ว่า ดาวหางและดาวเคราะห์น้อยซึ่งเข้ามาชนโลกอาจเข้ามาได้เพราะมีดาวพฤหัสบดีช่วย

ข้อสรุปเบื้องต้นของพวกเขาบอกว่า ถ้าดาวพฤหัสบดีมีขนาดครึ่งหนึ่งของที่เป็นอยู่โลกจะถูกชนมากกว่านี้

-ลดการป้องกันจึงเกิดชีวิต

ถึงข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เราก็น่าจะดีใจที่แนวป้องกันของดาวพฤหัสบดีมีช่องโหว่อยู่บ้าง ตามความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ น้ำในโลกทุกวันนี้ ซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกชีวิตด้วยเป็นสิ่งที่มากับดาวหาง

ในช่วงแรกของการก่อตัวระบบสุริยะ น้ำจะสะสมในเขตรอบนอกของระบบ เนื่องจากภายในระบบมีอุณหภูมิสูงมาก จนเมื่อโลกเย็นลงน้ำจึงเข้าสู่โลกได้