จีนแนะไทยมุ่งพัฒนาปากท้องยกระดับรากหญ้า
“สมคิด” เผยจีนแนะหัวใจของความสำเร็จในการปฎิรูปประเทศเน้นพัฒนาปากท้องยกระดับคุณภาพชีวิตคนรากหญ้า
“สมคิด” เผยจีนแนะหัวใจของความสำเร็จในการปฎิรูปประเทศเน้นพัฒนาปากท้องยกระดับคุณภาพชีวิตคนรากหญ้า
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายในงานสัมมนาวิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ครั้งที่ 3 หัวข้อ “China-ASEAN Reletions ทิศทางความสัมพันธ์จีน-อาเซียนนัยต่อไทยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ได้เป็นตัวแทนคสช. ไปชี้แจงสถานการณ์และแนวทางการปฎิรูปประเทศของไทยว่ากำลังเดินหน้าไปทิศทางใดพร้อมกันนี้ยังได้ขอคำแนะนำในฐานะที่จีนมีประสบการณ์ว่าอะไรที่เป็นปัจจัยที่ทำให้จีนปฎิรูปประเทศสำเร็จ ซึ่งทางจีนแนะนำว่าหัวใจของการปฎิรูปประเทศคือ การมุ่งเน้นพัฒนาเพื่อปากท้องและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนชั้นรากหญ้า เพราะเมื่อไหร่ที่คุรภาพชีวิตดีขึ้น การปฎิรูปก็จะทำได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลจีนยังได้ยืนยันว่า จีนไม่เคยคิดที่จะเข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในประเทศไทย อะไรที่เป็นความต้องการของคนไทยทั้งประเทศ อะไรที่คิดว่าดีเป็นทางออกของประเทศ จีนในฐานะมิตรก็พร้อมที่จะสนับสนุน ซึ่งปัญหาของไทยในขณะนี้นี้มีลักษณะคล้ายกับจีนเมื่อหลาย 10 ปีก่อนที่ยังมีจุดอ่อนในเรื่องของความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันที่ต้องเร่งแก้
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นชอบร่วมกันว่า ทันทีที่มีรัฐบาลใหม่ จะมีการเสนอให้ฟื้นคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ให้กลับมามีบทบาทในการขับเคลื่อนมากขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เงียบหายไป ซึ่งจะช่วยทำให้กระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนในการร่วมมือด้านต่างๆ ให้ลงลึกมากขึ้น
สำหรับความท้าทายในการยกระดับความสัมพันธ์ไทย-จีนให้ลึกซึ้งมากขึ้นนั้น คือ จะทำอย่างไรให้ผลประโยชน์จากความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ไทยกับจีนเท่านั้น แต่จะต้องขยายไปในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (จีเอ็มเอส) ด้วย ซึ่งต่อไปอนุภูมิภาคจีเอ็มเอสกลายเป็นตัวนำในการผลักดันความเจริญให้ภูมิภาคนี้มั่นคงมากขึ้น
“ต้องยอมรับว่าเวลานี้ความเจริญขยายเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนมากที่สุด ขณะที่จีนเองก็มีอนุภูมิภาคหลายแห่งที่มีศักยภาพ ซึ่งหากสามารถเข้าไปจับคู่กันได้ในลักษณะคลัสเตอร์ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียน เพราะจะเกิดการเชื่อมโยงกันในภูมิภาคอาเซียนให้แข็งแกร่งขึ้น
ขณะที่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน กล่าวว่า จีนยังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากมีชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นโอกาสของตลาดในภูมิภาคอาเซียนด้วย เพราะปัจจุบันมีนักลงทุนจากจีนขยายเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น แต่สิ่งที่อาเซียนในยุคใหม่นี้จะต้องปรับตัวเพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือ จะต้องมีระบบสาธารณูปโภคที่ดี สามารถเชื่อมโยงกันได้หมด จะต้องมีความโปร่งใสในการบริหาร ปลอดการคอร์รัปชั่นและที่สำคัญจะต้องมีการพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพให้พร้อมรองรับการลงทุนจากทั่วโลกที่จะไหลเข้ามายังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น


