ไก่เมาเบียร์! เยอรมัน เฉือน ฝรั่งเศส หวุดหวิด 1-0 ลิ่วรอบรองฯ ทีมแรก
มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ กลายเป็นฮีโร่ของทีม "อินทรีเหล็ก" หลังโขกพังประตูตั้งแต่ช่วงต้นเกมให้ เยอรมัน เฉือนเอาชนะ ฝรั่งเศส ไป 1-0
ฝรั่งเศส vs เยอรมัน
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันที่: 4 ก.ค.57 เวลา 23.00 น.
สนาม: มาราคาน่า สเตเดี้ยม, ริโอ เดอ จาไนโร
เกมคลาสสิคของรอบนี้เมื่อสองอดีตแชมป์โลกต้องโคจรมาปะทะกันเอง ฝรั่งเศส เล่นทัวร์นาเมนต์นี้แบบปราศจากความกดดันทำให้พวกเขาทำผลงานได้ออกมาดี แนวรุกของฝรั่งเศสที่มีดาวเตะอย่าง คาริม เบนเซม่า รวมถึง มาติเยอ วัลบูเอน่า เล่นได้อย่างโดดเด่น
เกมนี้ ดิดิเย่ร์ เดสช็องส์ กุนซือหนุ่มของฝรั่งเศส มีการปรับทัพในแดนหน้าเล็กน้อยด้วยการส่ง อองตวน กรีซมันน์ ลงมาเล่นแทน โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โดยวาง คาริม เบนเซม่า เป็นกองหน้าตัวเป้าเพียงคนเดียว
ด้าน มามาดู ซาห์โก้ ปราการหลังตัวหลักของทีมฟิตพร้อมลงเล่นในเกมสุดสำคัญนี้ได้
ด้าน เยอรมัน ของ โยอัคคิม เลิฟ มีปัญหาให้ต้องขบคิดเช่นกันเมื่อมีการเผยว่ามีอาการไข้ระบาดในกลุ่มนักเตะของเยอรมัน และมีผู้เล่นถึง 7 คนที่ป่วย ในรายของ สโครดาน มุสตาฟี่ กองหลังของทีมนั้นกลายเป็นนักเตะคนล่าสุดที่ต้องหมดสิทธิ์ลงเล่นเพราะอาการบาดเจ็บไปตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแน่นอนแล้ว
สองชาตินี้เคยเจอกันมาแล้วถึง 25 ครั้ง และเป็น ฝรั่งเศส ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ถึง 11 ครั้ง เยอรมันชนะ 8 ครั้งและอีก 6 ครั้งเสมอกันไป แต่หากคืนนี้ เยอรมัน ผ่านด่าน ฝรั่งเศส ได้สำเร็จ พวกเขาจะกลายเป็นชาติแรกที่สามารถทะลุเข้าไปถึงรอบตัดเชือกในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 4 สมัยติดต่อกัน
เริ่มเกมมานาทีที่ 7 เป็นทัพ "ตราไก่" ที่ได้ลุ้นประตูก่อน จากจังหวะที่ มาติเนอ วัลบูเอน่า ได้บอลก่อนจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา ก่อนตบเข้ากลางมาให้ คาริม เบนเซม่า ได้หวดด้วยซ้าย แต่โชคร้ายที่บอลหลุดกรอบออกหลังไป
แต่หลังจากนั้นอีกเพียงแค่ 5 นาที กลับกลางเป็น "อินทรีเหล็ก" ที่มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากลูกเปิดฟรีคิกของ โทนี่ โครส วางลึกมาในพื้นที่อันตราย และจังหวะสุดท้ายเป็น มัตส์ ฮุมเมิลส์ ขึ้นเทคตัวเบียน
ราฟาแอล วาราน ก่อนโขกบอลตุงตาข่าย เยอรมัน ขึ้นนำ ฝรั่งเศส 1-0
เกมผ่านมาครึ่งทางในครึ่งแรก โธมัส มุลเลอร์ รับบอลจาก ซามี่ เคดิร่า หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ อูโก้ โยริส นายทวารของทีม "ตราไก่" ยังอ่านเกมได้ดี ออกมาล้มตัวกวาดบอลไปได้อยู่
นาทีที่ 33 แข้ง "ตราไก่" สวนขึ้นมา และเกือบได้ลูกตีเสมอ หลัง อองตวน กรีซมันน์ หลุดเช็คล้ำหน้า ก่อนเปิดไปให้ วัลบูเอน่า สับไกด้วยซ้ายไปติดเซฟ นอยเออร์ บอลนั้นปลิ้นมาเข้าทาง เบนเซม่า แต่ทว่าเจ้าตัวซ้ำไปติด ฮุมเมิ่ลส์
ช่วงท้ายครึ่งแรก เบนเซม่า เจ้าเก่า มีโอกาสยิงอีกครั้ง แต่ นอยเออร์ ยังคงไม่พลาด ก่อนจบครึ่งแรก เยอรมัน ยังนำ ฝรั่งเศสอยู่ 1-0
เริ่มครึ่งหลัง เป็น ฝรั้งเศส ที่เปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างหนัก จนมาถึงนาทีที่ 59 เดอบูชี่ ครอสบอลไปให้ ราฟาแอล วาราน ขึ้นโหม่งหน้าประตู แต่ยังไม่ผ่านมือ นอยเออร์ อยู่ดี
นาทีที่ 69 เลิฟ ตัดสินใจส่ง อันเดร เชือร์เล่ ลงมาเล่นแทน มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่เล่นไม่ออกในเกมนี้
แม้จะเป็นฝ่ายทำเกมบุกอย่างหนัก แต่ ฝรั่งเศส ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของ เบอรมัน ได้ โดยเฉพาะ มานูเอล นอยเออร์
นาทีที่ 80 บาสเตียน ขไวน์สไตเกอร์ มารับใบเหลืองจากจังหวะที่ไปรวบ กรีซมันน์ อย่างน่าเกลียด
นาทีที่ 82 เยอรมัน โต้กลับขึ้นมา และน่าจะได้ประตูที่สองแบบสุดๆ จากจังหวะที่ โอซิล หักเข้ามาให้ โธมัส มุลเลอร์ ยิงพลาด แต่บอลนั้นไหลไปถึง อันเดร เชือร์เล่ โชคร้ายที่เจ้าตัวกดเต็มข้อไปติดขาของ โยริส อย่างน่าเสียดาย
สองนาทีต่อมา เยอรมัน ส่ง มาริโอ เกิทเซ่ ลงมาแทน เมซุต โอซิล ที่ดูเหมือนจะหมดแรงไป
นาทีที่ 85 ฝรั่งเศส ส่งไพ่ใบสุดท้ายอย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงมาเล่นแทน มาติเยอ วัลบูเอน่า
ในช่วงเวลาที่เหลือ แม้ ฝรั่งเศส จะบุกกดดันอย่างหนัก แต่จนแล้วจนรอดพวกเขาก็ยังต้านทานเอาไว้ได้ จบเกม "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน เฉือนเอาชนะ "ตราไก่" ฝรั่งเศส ไปอย่างหวุดหวิด 1-0 ผ่านเข้าไปเล่นในรอบรองชนะเลิศเป็นทีมแรกได้สำเร็จ โดยจะรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง บราซิล-โคลอมเบีย ที่จะลงเตะในเวลา 03.00 น.
ฝรั่งเศส
อูโก้ โยริส, มาติเยอ เดอบูชี่, ราฟาแอล วาราน, มามาดู ซาโก้, ปาทริซ เอวร่า, ปอล ป็อกบา, โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้, มาติเยอ วัลบูเอน่า, อองตวน กรีซมันน์, คาริม เบนเซม่า
เทรนเนอร์ : ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์
เยอรมัน
มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เยโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิลส์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า, โทนี่ โครส, เมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่
เทรนเนอร์ : โยอัคคิม เลิฟ
ผู้ตัดสิน : เนสตอร์ ปิตาน่า (อาร์เจนติน่า)


