ร้านค้าย่อยวอนช่วยด่วน! สยาม-เซ็นเตอร์วัน หมดตัว
การสำรวจพื้นที่ความเสียหายเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังเหตุจลาจลบุกปล้นและวางเพลิงร้านค้า ห้าง ธนาคาร ในส่วนของย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากปากคำของพนักงานดับเพลิงที่ผลัดเปลี่ยนสลับเวรมาระงับเหตุเพลิงไหม้ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน ช็อปปิ้ง พลาซ่า ซึ่งเกิดเพลิงไหม้มาตั้งแต่ช่วงค่ำเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 19 พ.ค. ล่าสุดยังคงต้องฉีดน้ำสกัดเพลิงทั้ง 4 ด้าน เพราะมีกลุ่มควันสีดำขึ้นมาเป็นระยะ แต่ไม่สามารถเข้าไปดับไฟด้านในได้แม้มีนักผจญเพลิง เนื่องจากอาคารโดนเผามาหลายชั่วโมง
เจ๊ต๋อยภัทรภร หาญสูงเนิน เจ้าของร้านกระดุมทอง ผู้จำหน่ายชุดนิสิตนักศึกษา รายใหญ่มาตลอด 4 ปี ที่ย่านอนุสาวรีย์ฯ
“สามีเจ๊มาเฝ้าดูเหตุการณ์ตั้งแต่เย็นวานจนใกล้เวลาเคอร์ฟิว เขาก็เห็นกลุ่มคนมาบุกขโมยของที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น แล้วก็มีบางคนถือขวดน้ำมันจุดไฟโยนเผาร้านแถวนั้น รวมถึงร้านกระดุมทองของเจ๊ด้วย แล้วไฟก็ลุกลามไหม้ชั้นล่างทั้งวัตสัน เซเว่นฯ ร้านดอกหญ้าชั้นบน”ร้านกระดุมทองของภัทรภรเป็นร้านคูหาใหญ่และลึกยาว ข้างในเป็นสต๊อกของล็อตใหม่ที่เตรียมจำหน่ายในช่วงเปิดเทอม
“เสียหายหมดค่ะ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าชุดนิสิตนักศึกษา และมีแอร์ตัวใหญ่เกือบแสนบาท เจ๊แวะมาดูตอนเช้าวันที่ 20 พ.ค. ตอนนี้ก็นั่งเซ็ง เราไม่เคยคิดโกรธแค้น ต่อว่า หรือทำความเดือดร้อนให้พวกเขาเลย แต่ตอนนี้คงให้อภัยไม่ได้แล้วละ ลูกน้องพาร์ตไทม์เป็นสิบคน ประจำอีก 3 ก็ตกงาน เราช่วยนักเรียน นักศึกษา ให้มีงานทำ แต่เป็นแบบนี้แย่กันหมด และก็รู้สึกน้อยใจเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณนั้นที่ยืนประจำอยู่แล้วปล่อยให้เหตุเกิดขึ้น สามีเจ๊ต้องยืนดูไฟไหม้ร้านตัวเอง ทำอะไรไม่ได้” เจ๊ต๋อย กล่าวอย่างหมดอาลัยส่วนความเสียหายขณะนี้ เบื้องต้นประเมินไว้หลายล้านบาท ขณะนี้เจรจากับเจ้าของอาคารถึงความช่วยเหลือ
น.ส.สมถวิล วงศ์สวัสดิ์ ผู้พักอาศัยที่อพาร์ตเมนต์ อุทัยวรรณ เปิดเผยว่า
“ดิฉันกับแฟนและเพื่อนร่วมหอไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เนื่องจากควันไฟและไอร้อนจากเพลิงที่เผาไหม้ห้างเซ็นเตอร์วันตั้งแต่เมื่อคืน เราไม่สบายใจเลยที่ยังดับไฟไม่ได้จนป่านนี้ แถมยังมีเสียงปืนดังทั้งคืน มีการปล้นร้านเซเว่นฯ ร้านขายโทรศัพท์มือถือข้างห้าง ประชาชนกลัวกันมาก”สำหรับร้านค้าในศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วันกว่า 300 ห้อง ทางกลุ่มผู้บริหารศูนย์การค้าเช็นเตอร์วันได้ประกาศกับผู้ค้าว่า พื้นที่ของห้างถือเป็นเขตวินาศภัย ทางห้างจึงไม่อนุญาตให้บุคคลเข้าไปภายใน จะต้องรอให้มีการตรวจสอบก่อน ทั้งนี้กลุ่มผู้ค้าไม่ต้องกังวลเรื่องสัญญา เพราะทางห้างจะให้ความเป็นยุติธรรมกับทุกร้าน โดยทางห้างได้มีการตั้งโต๊ะให้ผู้ค้าได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อหามาตรการช่วยเหลือต่อไป
น.ส.ศิวพร อยู่ชูชัยมงคล เจ้าของร้านดอลลี่เบิร์ด ที่อยู่ภายในศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนไทยด้วยกันไม่น่าจะทำอย่างนี้ ต่อไปยังไม่รู้จะต้องทำอย่างไร
“ความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอาจทำให้คนรู้สึกเกียจชังกัน แต่อยากให้ทุกคนตั้งสติให้ได้” น.ส.ศิวพร กล่าวนางวรนุช ศุลีลาภรณ์ เจ้าของร้านลูกไม้ พลอยชมพูและเท็ม กล่าวว่า ร้านของตนได้รับความเสียหายทั้งหมด จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นเพียงแค่ร้านเดียวเสียหายประมาณ 2 ล้านบาท
“เราผูกพันกับที่นี่ ไม่ใช่แค่รู้สึกเสียดายทั้งชีวิตก็อยู่แต่ตรงนี้ อายุก็เยอะ ลูกก็ยังเรียนอยู่ ตอนนี้กำลังชั่งใจว่าจะอยู่เฉยๆ จนกว่าห้างเปิดใหม่ หรือว่าย้ายไปอยู่ที่อื่นดี” นางวรนุช กล่าวทั้งนี้ กลุ่มผู้ค้าทั้งหมดได้เดินทางไปพร้อมกับผู้บริหารห้างเซ็นเตอร์วัน เพื่อยื่นหลักฐานและข้อเรียกร้องให้รัฐยื่นมือเข้าช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่ ศอฉ.
นายรัชพล ไกรจิรโชติ กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน ช็อปปิ้ง พลาซ่า กล่าวว่า เนื่องจากอาคารเสียหายและถูกประกาศให้เป็นสถานที่ประสบวินาศภัย 2 วันมานี้ กลุ่มผู้บริหารและผู้เช่าร้านค้ายังไม่สามารถเข้าสู่ภายในตัวอาคารได้ เพลิงได้สงบลงแน่นอนแล้วในช่วงบ่ายวันที่ 21 พ.ค. ก่อนหน้านี้ได้รับรายงานจากพนักงานดับเพลิงถึง 3 ครั้งด้วยกันว่าดับแล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่สนิทดี เพราะภายในตัวอาคารร้อนจัดและมีเชื้อเพลิงที่พร้อมติดไฟ ทั้งเสื้อผ้าและฝ้าเพดาน จึงทำให้เกิดปะทุขึ้นมาใหม่ได้อีก
“
ในส่วนของการประกันวินาศภัย ผมยังรอตรวจสอบจากบริษัทประกัน และการเข้าประเมินความเสียหายจาก กทม. จึงจะสรุปได้ว่ากรมธรรม์ที่เราทำไว้จะคุ้มครองและได้รับค่าชดเชยกลับมามากน้อยเพียงใด สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ 1.ตรวจสอบความเสียหายในเบื้องต้นหลังเพลิงสงบ รวมถึงปกป้องทรัพย์สินในตัวตึกทั้งหมดไม่ให้ถูกโจรกรรม หรือเผาซ้ำสอง 2.บรรเทาความเสียหาย เดือดร้อนของผู้เช่าร้านค้า ผมเองไม่ได้มีชื่อเสียง หรือเกี่ยวข้องฝักใฝ่กับฝ่ายใดทางการเมืองเลย ก็ยังไม่วายเป็นเหยื่อครั้งนี้ และไม่โทษเจ้าหน้าที่ เพราะผู้ชุมนุมมีจำนวนมาก” นายรัชพล กล่าวส่วนความเสียหายบริเวณข้างเคียง อาทิ ร้านหนังสือดอกหญ้าชั้น 2 อาคารใกล้กับเซ็นเตอร์วัน ร้านวัตสัน ชั้น 1 และร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ที่ถูกปล้นไปก่อนจะเกิดเพลิงไหม้ จากคำยืนยันของผู้เห็นเหตุการณ์หลายท่าน
ด้านร้านค้าย่านสยามสแควร์ พนักงานร้านขายหนังสือบุ๊กกาซีน ร้านขายหนังสือนำเข้าจากต่างประเทศ ซอย 4 ข้างโรงภาพยนตร์สยาม เปิดเผยว่า ทางพนัก งานกำลังตรวจสอบดูว่ายังมีหนังสือในร้านเล่มใดบ้างที่ไม่ถูกไฟไหม้ เพราะแม้ไฟจะไม่ได้ไหม้หนังสือ แต่มีควันไฟมาเกาะตามหนังสือที่ใช้มือจับก็ยังล้างไม่ออก จึงต้องตีเป็นมูลค่าสูญไว้ก่อน หากเป็นสถานการณ์ปกติ ทางร้านมีรายได้ 89 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งพอเกิดม็อบลูกค้าต่างชาติก็หายไปทั้งหมด เหลือแต่ลูกค้าคนไทยเท่านั้น
นายปุ๊ เจ้าของร้านเสื้อผ้า เชอรี่ แบล็ก กล่าวว่า มีร้านอยู่ 2 ร้าน ใต้โรงหนังสยาม 1 แห่ง และในสยามสแควร์ซอย 4 อีก 1 แห่ง เสียหายทั้งหมด รวมมูลค่า 10 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ม็อบชุมนุมทางร้านยังเปิดขายปกติ แม้ว่าบางวันจะขายไม่ได้เลยก็ตาม หลังจากนี้ต้องหาพื้นที่อื่นเพื่อเริ่มต้นใหม่
น.ส.เพ็ชรศรี ฤทธิการันต์สิริภัสร์ อายุ 28 ปี เจ้าของร้านขายเสื้อผ้า แก๊ซโซลีน ซึ่งเปิดมาได้ 10 ปีแล้ว กล่าวว่า ร้านได้รับความเสียหายทั้งหมด เพราะไม่ได้ขนทรัพย์สินออกมาเลย ซึ่งทางร้านเก็บเสื้อผ้าไว้ 4,0005,000 ตัว คิดเป็นมูลค่า 45 ล้านบาท และยังมีร้านของครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้อีก 9 ร้าน


