รู้จัก"เพลงปลุกใจ"บนหน้าจอหลังรัฐประหาร
ย้อนที่มาเพลงปลุกใจที่ถูกเปิดขึ้นบนจอโทรทัศน์ทุกช่องหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศยึดอำนาจ
โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์
หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศยึดอำนาจ บทเพลงปลุกใจให้รักชาติเพลงแล้วเพลงเล่าก็ถูกเปิดขึ้นบนจอโทรทัศน์ทุกช่องให้ประชาชนทั้งประเทศได้ฟังอย่างพร้อมเพรียง จะมีเพลงอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน
เพลงแรก "ความฝันอันสูงสุด" เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2514
ต้นตอของเพลงนี้มีที่มาจากพ.ศ. 2512 ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติ และประเทศชาติ ออกมาเป็นกลอน 5 บท
โดยถอดความมาจากเพลง The Impossible Dream ซึ่งเป็นเพลงละครบรอดเวย์เรื่อง Man of La Mancha แสดงระหว่างปี 2508-2514 บทละครเขียนโดย Dale Wasserman ทำนองเพลงโดย Mitch Leigh และคำร้องโดย Joe Darion
"ความบันดาลใจในเรื่องนี้มีที่มาจากการสังเกตของข้าพเจ้า ได้รู้เห็นพระราชอัธยาศัย พระราชจริยวัตร ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประพฤติปฏิบัติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันไม่เสื่อมคลาย ข้าพเจ้าค่อย ๆ คิดหาคำ กลั่นกรองให้ตรงกับความหมายเท่าที่จะสามารถ แล้วทูลเกล้าฯ ถวายทอดพระเนตร ทรงพระกรุณาติชม จนผลสุดท้ายออกมาเป็นกลอน 5 บท"ท่านผู้หญิงมณีรัตน์เล่าไว้ในหนังสือชื่อ"ภิรมย์รัตน์"
ต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่ทำนองเพลงในคำกลอน "ความฝันอันสูงสุด"ขับร้องครั้งแรกโดยท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค จนกลายเป็นเพลงพระราชนิพนธ์รู้จักกันแพร่หลายเฉกเช่นทุกวันนี้
เพลงที่สอง "เราสู้" เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 44 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ.2516 มีที่มาจากนายสมภพ จันทรประภา ได้ประพันธ์กลอนสุภาพ 4 บท จากพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่สมาชิกสภานิติบัญญัติที่เข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มาเขียนเป็นคำกลอนถวาย
จากนั้นเมื่อทรงเกิดแรงบันดาลพระราชหฤทัย ที่จะทรงพระราชนิพนธ์เพลงเราสู้พระราชทานให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ทหาร อาสาสมัครและตำรวจชายแดน ทรงหยิบซองจดหมายใกล้พระหัตถ์มาตีบรรทัด 5 เส้น เพื่อทรงพระราชนิพนธ์ทำนอง เสร็จแล้วพระราชทานให้ วง อ.ส. วันศุกร์ ซึ่งกำลังบรรเลงอยู่ในงานวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม พ.ศ. 2517 นำออกบรรเลง ณ พระราชวังบางปะอิน
"ไกลกังวล" เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 26 ทรงพระราชนิพนธ์ทำนองขณะประทับอยู่ที่วังไกลกังวล ในพ.ศ.2500 เพื่อพระราชทานให้เป็นเพลงประจำวงดนตรี ‘อ.ส.วันศุกร์’ ใช้บรรเลงเป็นเพลงสุดท้ายก่อนเลิกเล่นดนตรี
บรรเลงครั้งแรกในงานสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2500 ผู้ประพันธ์คำร้องภาษาไทยคือ นายวิชัย โกกิลกนิษฐ ต่อมาใน พ.ศ.2506 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นาย Rual Maglapus อดีตสมาชิกวุฒิสภาของประเทศฟิลิปปินส์ประพันธ์คำร้องภาษาอังกฤษ และในปี พ.ศ.2514 บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค แต่งคำร้องภาษาไทยเพื่อปลุกจิตสำนึกให้คนไทยรักและหวงแหนแผ่นดินไทย
"ดุจบิดามารดร" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประพันธ์ทำนองโดยท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ ขับร้องโดยสวลี ผกาพันธ์ และสันติ ลุนเผ่ บรรเลงโดยวงดุริยางค์ทหารเรือ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงอธิบายไว้ในคำนำของหนังสือชื่อ ‘กษัตริยานุสรณ์’ ดังนี้
"ขณะที่เริ่มเขียนเรื่อง "กษัตริยานุสรณ์" นี้ ข้าพเจ้ากำลังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนจิตรลดา ในวิชาการประพันธ์ อาจารย์สั่งให้แต่งโคลงส่งบ่อยๆ จึงมีความคิดอยากแต่งบทประพันธ์เป็นลิลิตหรือบทประพันธ์ คำโคลงสักเรื่องหนึ่งแต่ยังนึกเรื่องที่จะแต่งให้ถูกใจไม่ได้ พอดีเป็นเวลาที่ ข้าพเจ้าได้โดยเสด็จพระราชดำเนินในการแปรพระราชฐานไปจังหวัดเชียงใหม่ ในเครื่องบินท่านหญิงเป็น "เสมียน" เพราะตอนนั้น "น.ม.ส."(พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจำรัส หรือ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์) ทรงนิพนธ์เรื่อง "สามกรุง" ตอนนั้น "น.ม.ส." ประชวรจ้องมองอะไรไม่เห็น พอไปถึงเชียงใหม่ท่านหญิงประทาน "สามกรุง" ข้าพเจ้า 1 เล่ม"
"ข้าพเจ้าเริ่มอ่านสามกรุงไปเรื่อยๆ วันหนึ่งก็นึกออกว่าโคลงที่นึกอยากจะแต่งนั้นควรเป็นเรื่อง "อะแซหวุ่นกี้ขอดูตัวเจ้าพระยาจักรี" ซึ่งเป็นบทยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงวางโครงเรื่องลงในสมุดแล้วใช้เค้าโครงจากหนังสือ "ไทยรบพม่า"..."
"การแต่งไม่ได้แต่งรวดเดียวจบ แต่แต่งเรื่อยไปวันละบทสองบทตามแต่จะคิดโคลงออก ซึ่งมักเป็นเวลาแปลกๆ เช่น เวลานั่งรถบ้าง เวลาคุยกับใครๆ หรือเวลาเข้านอน ตอนแรกๆไปได้ช้าเพราะต้องเตรียมสอบ ม.ศ. 5 พอเสร็จแล้วแต่งตามสบาย โดยอ่าน "สามกรุง" ประกอบไปด้วย นับว่าเป็นหนังสือเล่มเดียวที่ใช้ประกอบการสอบเข้ามหาวิทยาลัย และโคลงที่ข้าพเจ้าแต่งก็บังเอิญเสร็จตอนมหาวิทยาลัยเปิดพอดี เมื่อจบแล้วได้ให้อาจารย์กำชัย ทองหล่อดู อาจารย์กรุณาตั้งชื่อให้ว่า "กษัตริยานุสรณ์"..."
"ข้าพเจ้านำขึ้นทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวันเฉลิมพระชนพรรษาแทนการถวายรูปเขียนของขวัญอย่างที่เคย ท่านโปรดโคลงบทที่ขึ้นต้นว่า "รักชาติ ยอมสละแม้ชีวี" มากที่สุด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ม.ล.พวงร้อย อภัยวงศ์ ประพันธ์ทำนองเพลงที่ชื่อว่า "ดุจบิดามารดร" ใช้ร้องมาจนทุกวันนี้…"
เพลง "หนักแผ่นดิน" ประพันธ์คำร้องโดย พ.อ.บุญส่ง หักฤทธิ์ศึก และขับร้องโดย ส.อ.อุบล คงสิน และศิริจันทร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นเพลงที่ใช้เปิดออกอากาศทางสถานีวิทยุ จ.ส. กรมการสื่อสารทหารบก กองทัพบก ในการต่อสู้ทางการเมืองกับขบวนการคอมมิวนิสต์ ในช่วง พ.ศ. 2518-2523 แต่ต่อมาใน พ.ศ. 2520 ชื่อเพลงนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อ "หนักแผ่นดิน" นำแสดงโดยสมบัติ เมทะนี และนัยนา ชีวานันท์
เพลง "ต้นตระกูลไทย" ประพันธ์คำร้องและทำนองโดยหลวงวิจิตรวาทการ เพื่อประกอบละคร "อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง" เมื่อปี พ.ศ. 2497 จุดเด่นของเพลงนี้คือรวบรวมบุคคลสำคัญที่มีความเก่งกล้าสามารถที่ยอมสละแม้ชีวิตของตนเองเพื่อคนไทยทั้งชาติถึง 21 ท่าน
ประกอบด้วย 1.ท่านพระยาราม 2.พระราชมนู 3.เจ้าพระยาโกษาเหล็ก 4.สมเด็จพระนารายณ์ 5.สีหราชเดโช 6.เจ้าคุณพิชัยดาบหัก 7.นายแท่น 8.นายดอก 9.นายอิน 10.นายเมือง 11.ขุนสรรค์ 12.พันเรือง 13.นายทองแสงใหญ่ 14.นายโชติ 15.นายทองเหม็น 16.นายจันหนวดเขี้ยว 17.นายทองแก้ว 18.องค์พระสุริโยทัย 19.ท้าวสุรนารี 20.ท้าวเทพสตรี และ 21.ท้าวศรีสุนทร
เพลง "สยามานุสสติ" เป็นคำโคลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2461 และได้พระราชทานแก่ทหารอาสาสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
ต่อมาได้มีการนำโคลงนี้มาแต่งเป็นเพลงปลุกใจ ซึ่งประพันธ์ทำนองโดยนารถ ถาวรบุตร เมื่อพ.ศ. 2482 เพื่อใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง "ค่ายบางระจัน" ของบริษัทศรีกรุงภาพยนตร์ ซึ่งส่วนของเนื้อร้องนั้น ได้ตัดเอาบทพระราชนิพนธ์สยามานุสสติบทที่ 3 และบทที่ 4 มาใช้ โดยสลับเอาบทที่ 4 มาร้องก่อนแล้วจึงค่อยร้องบทที่ 3 ในลำดับถัดไป
และ เพลง "ทหารพระนเรศวร" เป็นเพลงปลุกใจ ประพันธ์ทำนองโดย ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ ออกจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ.2515
ทั้งนี้ หลายต่อหลายเพลง โดยเฉพาะ "หนักแผ่นดิน" "ความฝันอันสูงสุด" "ทหารพระนเรศวร" "เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย" "แด่ทหารหาญในสมรภูมิ" และ "มาร์ชทหารไทย" ถูกนำมาขับร้องใหม่ในเวอร์ชันของ สันติ ลุนเผ่ นักร้องเพลงปลุกใจผู้มีชื่อเสียงในฐานะนักร้องที่มีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ห้าวหาญ ดุดัน ทรงพลัง จนประทับจับใจคนมาทุกยุคทุกสมัยจวบจนวันนี้
ลิงค์เพลง
ความฝันอันสูงสุด http://www.youtube.com/watch?v=m7bONrQS2xI
เราสู้ http://www.youtube.com/watch?v=_t73nMn3xb0
ไกลกังวล http://www.youtube.com/watch?v=Oa_hZsLVKuw
ดุจบิดามารดร http://www.youtube.com/watch?v=2510LzXt-V0
หนักแผ่นดิน http://www.youtube.com/watch?v=ItxSyvWz6bY
ต้นตระกูลไทย http://www.youtube.com/watch?v=Cmisq5uMIfY
สยามานุสสติ http://www.youtube.com/watch?v=4hxPZTHUxmk
ทหารพระนเรศวร http://www.youtube.com/watch?v=KkSP65T5gvI


