posttoday

ทางเดินสู่"สุญญากาศ"ทุกทางออกมีปัญหา

04 พฤษภาคม 2557

คดีนี้คาดกันว่าจะเป็นกุญแจสำคัญเปิดประตูสู่ภาวะ “สุญญากาศทางการเมือง”อันเป็นเงื่อนไขให้ใช้รธน.มาตรา 7

โดย...ทีมข่าวการเมือง

ตลอดเดือน พ.ค.นี้ จะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเมืองไทย เนื่องจากมีหลายปัจจัย|จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ไม่ว่าการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 10 พ.ค. และ กปปส. ในวันที่ 14 พ.ค. ขณะที่ระหว่างนี้ไม่ 8 ก็ 15 พ.ค. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็จะชี้มูลความผิด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คดีจำนำข้าว หาก ป.ป.ช.ชี้ว่าผิด ยิ่งลักษณ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติไม่ถอดถอน หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาแล้วแต่กรณี

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ร้อนที่จะเป็น “จุดเปลี่ยน” จริงๆ คือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคดีโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเก้าอี้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อปี 2554 โดยมิชอบ

คดีนี้คาดการณ์กันว่าจะเป็นกุญแจสำคัญเปิดประตูสู่ภาวะ “สุญญากาศทางการเมือง” อันเป็นเงื่อนไขเปิดทางการใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 เพื่อตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดปิดคดีในวันที่ 6 พ.ค.นี้ และคาดว่าศาลน่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันไต่สวนพยานดังกล่าว ซึ่งไม่ว่าศาลจะมีความเห็นอย่างไร ทุกทางก็ล้วนมีผลต่อการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้

แนวทางที่ 1 : ศาลยกฟ้อง

แนวทางนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องการมากที่สุด เพราะยิ่งลักษณ์และรัฐบาลชุดปัจจุบันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป และสามารถเดินหน้าจัดการเลือกตั้งได้ตามที่ได้เตรียมจะออกพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง แต่อาจยังต้องเหนื่อยหากกลุ่ม กปปส.ยังจะขัดขวางการเลือกตั้งอีกครั้ง

แนวทางที่ 2 : ยิ่งลักษณ์พ้นตำแหน่งคนเดียว

ในมุมของรัฐบาลมองว่ามีความเป็นไปได้มากที่สุดที่ศาลจะวินิจฉัยออกมาในแนวทางนี้ ด้วยเมื่อปี 2551 ศาลเคยวินิจฉัยให้ สมัคร สุนทรเวช พ้นจากตำแหน่งนายกฯ พร้อมกับให้ความเห็นว่าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เหลือต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่

หากคำวินิจฉัยเป็นไปตามนี้เท่ากับว่ารัฐบาลยังมีสภาพความเป็นรัฐบาลอยู่ต่อไป เพราะ ครม.ที่ยังอยู่ในตำแหน่งสามารถประชุมเพื่อแต่งตั้งรองนายกฯ ขึ้นมาทำหน้าที่แทนนายกฯ ได้ตาม พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 เช่นเดียวกับ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เคยทำหน้าที่แทน สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ต้องตกเก้าอี้จากคดียุบพรรคพลังประชาชน เมื่อปี 2551

จากคำวินิจฉัยแนวทางนี้ ทำให้ยังมีผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ที่ทำหน้าที่ผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งร่วมกับประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพียงแต่ไม่อาจคาดการณ์ได้แน่ชัดว่าการเลือกตั้งรอบใหม่จะสำเร็จหรือไม่

แนวทางที่ 3 : ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีบางรายพ้นจากตำแหน่ง

การจะมีคำวินิจฉัยออกมาในรูปนี้ได้ก็ต่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าแม้การโยกย้ายถวิลจะกระทำผ่านการมีมติ ครม. แต่มติ ครม.ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ดังนั้น บุคคลที่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ก็ควรจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำในอดีตเท่านั้น ไม่ใช่ ครม.ชุดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันทั้งหมด

รัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายที่อาจถูกให้ออกจากตำแหน่งพร้อมกับยิ่งลักษณ์ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีตั้งแต่ปี 2554 มีด้วยกัน 8 ราย ได้แก่ 1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เมื่อครั้งเป็นรองนายกฯ 2.กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ 3.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เมื่อครั้งเป็น รมว.ยุติธรรม 4.ปลอดประสพ สุรัสวดี เมื่อครั้งเป็น รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 5.สันติ พร้อมพัฒน์ เมื่อครั้งเป็น รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

6.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา เมื่อครั้งเป็น รมว.กลาโหม 7.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เมื่อครั้งเป็น รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 8.ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ เมื่อครั้งเป็น รมช.พาณิชย์ ดังนั้น รัฐมนตรีที่เหลืออีก 27 คน สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ โดยเฉพาะการจัดการเลือกตั้งและการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะรัฐบาลรักษาการ

แนวทางที่ 4 : ยิ่งลักษณ์และ ครม.ชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

ความเป็นไปได้ของคำวินิจฉัยนี้ขึ้นอยู่กับว่าศาลตีความรัฐธรรมนูญ มาตรา 171 ว่าด้วยหลักความรับผิดชอบร่วมกันของ ครม.อย่างไร ถ้าตีความเคร่งครัดย่อมเป็นไปได้ไม่น้อยที่ ครม.ทั้งคณะต้องอำลาตำแหน่งไปโดยคำวินิจฉัยของศาล พร้อมๆ กับการนำมาซึ่งสงครามการเมืองในบริบทใหม่ ดังนี้

4.1 เลือกตั้ง 20 ก.ค. สะดุด หากศาลวินิจฉัยให้นายกฯ และรัฐบาลสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งทั้งหมดก่อนที่พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งจะมีผลบังคับใช้จะสะเทือนถึงการเลือกตั้งในวันที่ 20 ก.ค.ทันที เนื่องจากจะมีปัญหาว่าใครจะเป็นผู้นำพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ และเป็นนายกฯ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ผู้รักษาตามพระราชกฤษฎีการ่วมกับประธาน กกต. เมื่อเป็นอย่างนี้การเลือกตั้งจะต้องถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด

4.2 กปปส.ประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เสมือนหนึ่งการทำรัฐประหารโดยกองทัพ แต่จะอาศัยมวลชนโดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ที่บัญญัติว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และจะใช้อำนาจนี้นำชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 โดยอาจกระทำผ่านการยื่นถวายฎีกาไปยังสำนักราชเลขาธิการ และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ สนธิ ลิ้มทองกุล เคยทำเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2549

4.3 พรรคเพื่อไทยชิงใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 7 แข่งกับ กปปส. แม้พรรคเพื่อไทยจะสงวนท่าทีต่อการใช้ช่องทางมาตรา 7 เพื่อตั้งนายกฯ เพราะเกรงจะสวนทางกับ นปช. แต่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้ประกาศจะทูลเกล้าฯ ขอพระบรมราชวินิจฉัยว่ารัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกินรัฐธรรมนูญหรือไม่

4.4 เปิดประชุมวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี ทฤษฎีนี้เริ่มพูดถึงกันมากภายใต้คำอธิบายว่าเมื่อ สส.และ สว.มีสถานะเป็นสมาชิกรัฐสภาเหมือนกันตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 ดังนั้น เมื่อปัจจุบันยังไม่มีสภาผู้แทนราษฎร สว.ย่อมทำหน้าที่แทน สส. เพื่อเลือกนายกฯ ได้ ประกอบกับอาศัยการตีความมาตรา 132 (2) ให้เกิดประโยชน์เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศเกิดสุญญากาศในลักษณะที่ไร้ผู้ทำหน้าที่รัฐบาลรักษาการนานจนเกินไป

กล่าวคือ มาตรา 132 (2) บัญญัติว่าในระหว่างที่ไม่มีสภา ทางวุฒิสภาสามารถทำหน้าที่แต่งตั้งบุคคลตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญได้ ซึ่งล่าสุด อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เสนอให้ใช้ช่องทางนี้ ขึ้นอยู่กับว่าทุกฝ่ายจะยอมรับหรือไม่

4.5 ทหารประกาศกฎอัยการศึก แม้กองทัพแทงกั๊กเรื่องการทำรัฐประหารมาต่อเนื่อง แต่ทหารมีอีกเครื่องมือทำรัฐประหารเงียบได้ นั่นคือ “ประกาศกฎอัยการศึก” ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 188 รองรับให้ผู้นำเหล่าทัพดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องผ่านรัฐบาล ซึ่งจะต่างจากการยึดอำนาจเช่นปี 2549

ทั้งนี้ จะเป็นการนำกำลังออกมาป้องกันไม่ให้มวลชนสองฝ่ายปะทะกัน หรือควบคุมไม่ให้มือที่สามสร้างสถานการณ์จนไม่อาจควบคุมได้ ขณะเดียวกันยังใช้โอกาสดึงคู่กรณีมาหาทางพูดคุยกันโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ

ถึงที่สุดทฤษฎีความเป็นไปได้ทั้งหมดนี้ยังอาจมีปัจจัยแทรกซ้อนอีกมาก โดยเฉพาะหากมีการใช้ความรุนแรงถึงขั้นมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากอาจเป็นตัวแปรให้กองทัพตัดสินใจก่อรัฐประหารในที่สุดก็ยังเป็นได้ ซึ่งเป็นหนทางที่ไม่พึงประสงค์ของทุกฝ่าย

ข่าวล่าสุด

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!