posttoday

เบื้องหลังย้าย "บิ๊กแจ๊ด" มีวันนี้เพราะพี่(เลิก)ให้?

25 เมษายน 2557

ประหนึ่งฟ้าผ่ากลางกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

โดย...ทีมข่าวในประเทศ

ประหนึ่งฟ้าผ่ากลางกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เตรียมโยกสลับตำแหน่ง “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ต้องข้ามห้วยขึ้นภาคเหนือไปนั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สลับกับเจ้าของเก้าอี้คนเดิม คือ พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ที่ต้องมานั่งเก้าอี้สำคัญคุมตำรวจเมืองกรุงแทน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และคาดจะมีผลอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 30 เม.ย.นี้

เกิดคำถามว่า ทำไมถึงต้องย้าย “บิ๊กแจ๊ด” ทั้งที่เป็นนายตำรวจที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เลือกมาให้นั่งเก้าอี้ตัวนี้ ขนาดเจ้าตัวยังประกาศอย่างไม่อายว่า “มีวันนี้เพราะพี่ (ทักษิณ) ให้” จนเชื่อว่าตราบใดที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังมีอำนาจอยู่ “บิ๊กแจ๊ด” ไม่มีทางหลุดจากเก้าอี้ ผบช.น. แน่นอน

แล้ว พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา นายตำรวจผู้นี้เป็นใคร ถึงจะได้เข้ามาคุมเบอร์หนึ่งนครบาลที่เต็มไปด้วยอำนาจและผลประโยชน์

ว่ากันว่าก่อนหน้านี้ “บิ๊กแจ๊ด” กับ พล.ต.อ.อดุลย์ ขัด กันรุนแรงหลายครั้ง โดยเฉพาะนโยบายจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส. “บิ๊กแจ๊ด” ต้องการดำเนินมาตรการเฉียบขาด ทั้งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดอาวุธป้องกันตัว และเสนอออกหมายจับกุมแกนนำในช่วงแรกๆ แต่ พล.ต.อ.อดุลย์ ไม่เห็นด้วย อยากให้เป็นไปอย่างละมุนละม่อม

นอกจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ซึ่งแกนนำ กปปส. ให้ความเคารพ ผบ.ตร.ผู้นี้เป็นอย่างมาก มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ถึงขั้นเคยต่อสายคุยกันช่วงสมรภูมิผ่านฟ้าที่ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ซึ่งมีบิ๊กแจ๊ดเป็นแม่ทัพได้สั่งตำรวจลุยม็อบจนเกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ข้องใจผ่าน ผบ.ตร.ว่า ทำไมตำรวจถึงติดอาวุธมาด้วย

อีกสายมองว่า เหตุผลของการโยกย้ายมาจากคำสั่งทางดูไบที่ต้องการสลับตำแหน่งกัน เพราะ พล.ต.ท.สุเทพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฝ่ายเพื่อไทย มีแรงหนุนชั้นดีจาก เยาวภา สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งคุมพื้นที่ภาคเหนือของพรรค เพื่อไทย จึงผลักดันให้นั่งในตำแหน่ง ผบช.น.

ด้วยบทบาทที่ไม่แข็งกร้าวเหมือน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ การโยกสลับก็เพื่อลดแรงกดดันทางการเมืองในช่วงใกล้เกิดสุญญากาศ ด้วยสไตล์การทำงานของ พล.ต.ท.สุเทพ ไม่ดุดัน เมื่อเทียบกับตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 หรือภาค 7 ที่จัดการ กับม็อบ กปปส. เข้มข้น ขณะที่ภาค 5 ของ พล.ต.ท. มีแต่เพียงส่งกำลังมาดูแลเท่านั้น

แหล่งข่าวจากในวงการตำรวจ เปิดเผยว่า ที่ต้องเร่งโยกย้ายในดีลนอกฤดูกาลครั้งนี้ เพื่อเป็นการล็อกเก้าอี้ ผบช.น. ให้อยู่ในขั้วของพรรคเพื่อไทยต่อไป เพราะในอนาคตอันใกล้ อาจมีการเปลี่ยนรัฐบาลไปอยู่อีกขั้วอำนาจตรงข้าม จากคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะชี้มูลสถานะนายกรัฐมนตรี โดยหาก พล.ต.ท.สุเทพ เข้ามารับตำแหน่ง ผบช.น. ก็มีสิทธิจัดโผนายพลตำรวจนครบาลในอีก 2 เดือนข้างหน้า ดังนั้น ตำรวจในคาถาของพรรคเพื่อไทยก็เตรียมผงาดขึ้นมาได้อีก เป็นการปูฐานอำนาจสีกากีในช่วงรอยต่ออำนาจ

“เขาต้องการลดแรงกดดันทางการเมือง เลยให้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ออกจากพื้นที่นครบาล และให้เกษียณตัวเองอย่างเงียบๆ ในเดือน ต.ค.นี้ เพราะจะครบอายุราชการแล้ว ดูแล้ว พล.ต.ท.คำรณวิทย์คงยังไม่มีบารมีถึงขนาดลงเล่นการเมืองแน่นอน เพียงแต่ ผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยคงเห็นว่าควรจะเอา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ไปเก็บไว้หน่อย ให้กระแสมันลดลง และยังได้คนที่วางใจได้อย่าง พล.ต.ท.สุเทพ มาทำงานให้โดยคุมนครบาล เขาก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะ พล.ต.ท.สุเทพ ก็คุมม็อบได้ ยาเสพติดก็เด่น” แหล่งข่าวเปิดเผย

กระนั้น การโยกย้ายครั้งนี้มีการต่อรองกันมาก่อน กล่าวคือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พูดคุยกับผู้ใหญ่ว่าหากจะให้ย้ายออก ก็ขอไปนั่งที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ปริมณฑลและภาคกลาง) แทน เพราะเป็นถิ่นเก่าที่คุ้นเคย แต่ทางผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะ พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 สนิทสนมกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดีลนี้จึงไม่ลงตัว

อย่างไรก็ตาม ลึกๆ แม้ว่าบิ๊กแจ๊ดจะพ้นจาก ผบช.น. แต่ พล.ต.ท.สุเทพ ก็คือตำรวจในเครือข่ายคนทางไกลไม่ต่างจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์

สำหรับ พล.ต.ท.สุเทพ เป็นคนใต้ที่เติบโตใน เส้นทางตำรวจพื้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก และเป็นนายตำรวจที่ใกล้ชิด ทั้งเยาวภา คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง โดยได้แรงหนุนจาก พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรอง ผบ.ตร. ที่แนบแน่นกับพรรคเพื่อไทย

ด้านพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การ โยกย้ายของตำรวจเป็นเรื่องธรรมดาและต้องขอ ขอบคุณผู้บังคับบัญชาด้วยซ้ำ ที่ให้ไปพักผ่อน

“สำหรับผมอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่างผมเหลืออายุราชการเพียง 160 วันเท่านั้น ที่ผ่านมาก็ทำงานเต็มที่ ยอมรับว่ามาอยู่นครบาล 2 ปีเต็ม ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะ เหตุการณ์ต่างๆ เข้ามามาก ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้บังคับบัญชา นี่พูดด้วยความจริงใจ ไม่มีปัญหา ไม่ได้หนักใจ” ผบช.น. กล่าว

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท