การส่งผ่านนโยบายการเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ
มีผู้อ่านสอบถามมาว่า ข้อเขียนของผมที่นำเสนอเรื่องกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงินสู่ระบบเศรษฐกิจที่นำเสนอไปว่า มี 5 ช่องทางนั้น เป็นอย่างไร และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมานั้นจะสามารถส่งผ่านลงไปในระบบเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
มีผู้อ่านสอบถามมาว่า ข้อเขียนของผมที่นำเสนอเรื่องกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงินสู่ระบบเศรษฐกิจที่นำเสนอไปว่า มี 5 ช่องทางนั้น เป็นอย่างไร และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงมานั้นจะสามารถส่งผ่านลงไปในระบบเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน
ผมขออธิบายว่า การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อนั้นจะส่งผลกระทบผ่านระบบการเงินในช่องทางต่างๆ 5 ช่องทาง ได้แก่
(1) ช่องทางอัตราดอกเบี้ย (Interest rate channel)
(2) ช่องทางสินเชื่อ (Credit channel)
(3) ช่องทางราคาสินทรัพย์ (Asset price channel)
(4) ช่องทางอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange ratechannel)
(5) ช่องทางการคาดการณ์ (Expectations channel)
การส่งผ่านภายใต้ช่องทางเหล่านี้จะขยายวงกว้างไปสู่การเปลี่ยนแปลงของการใช้จ่ายและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ และจะส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิตและอัตราเงินเฟ้อในที่สุด
ช่องทางอัตราดอกเบี้ย ธนาคารกลางดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับตัวลดลงตาม เมื่อราคาสินค้าและบริการที่มีความหนืดก็จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงลดลงไปด้วย กล่าวคือ อัตราดอกเบี้ยในรูปตัวเงินหักด้วยผลของเงินเฟ้อ ปรับลดลงในระยะสั้นก่อนแล้วจึงจะส่งผลถึงอัตราดอกเบี้ยระยะยาว
นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งของการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยสามารถอธิบายได้จากการบริหารงานของสถาบันการเงิน กล่าวคือ เมื่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินลดลง สถาบันการเงินจะมีการปรับการบริหารสินทรัพย์ของตนเองใหม่ให้เกิดความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและการทำกำไร และส่งผลให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในที่สุด
เมื่อเป็นเช่นนี้ การปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะส่งผลให้ต้นทุนในการบริโภคและลงทุนต่ำลง และจะส่งผลให้การลงทุนและการอุปโภคบริโภคของภาคเอกชนเพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้ผลผลิตมวลรวมในประเทศสูงขึ้น
ผลจากช่องทางสินเชื่อ เมื่อธนาคารกลางดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในตลาดเงินปรับลดลง ภาระหนี้สินของภาคธุรกิจจะบรรเทาลงตามไปด้วย
ผลจากช่องทางมูลค่าสินทรัพย์ เมื่อธนาคารกลางดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายโดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินปรับลดลง ประชาชนจะหันไปออมเงินในรูปแบบอื่นแทนการออมในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยมากขึ้น อาทิ บ้านที่ดิน หุ้น
ความต้องการถือครองสินทรัพย์เหล่านี้ที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ราคาสูงขึ้นด้วย ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ามีความมั่งคั่งมากขึ้น และมีส่วนช่วยสนับสนุนการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคสินค้าและบริการต่างๆ
ผลช่องทางอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อธนาคารกลางดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินปรับลดลงผลตอบแทนของการลงทุนในประเทศที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศจะก่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายการลงทุนไปยังประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า การไหลออกของเงินทุนจะเป็นแรงกดดันต่ออัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลง ส่งผลให้การส่งออกเพิ่มขึ้นและเป็นการสร้างงานและรายได้
สุดท้ายคือ ผลจากช่องทางการคาดการณ์ การปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินจะส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประชาชน ประกอบด้วย ภาวะเงินเฟ้อ การจ้างงาน การขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ รายได้ในอนาคต และผลกำไร/ขาดทุน ซึ่งผลกระทบต่อการคาดการณ์นี้จะมีส่วนกำหนดการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของภาคเอกชน ทั้งนี้ ผลกระทบของนโยบายการเงินผ่านช่องทางนี้ มีความไม่แน่นอนสูงกว่าช่องทางอื่นๆ เนื่องจากขึ้นอยู่กับการตีความของภาคเอกชนเกี่ยวกับผลกระทบของการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน เช่น ตลาดอาจจะมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของทางการเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวสูงขึ้นในอนาคตจากผลของนโยบาย ทำให้ประชาชนมีความมั่นใจที่จะบริโภคและลงทุนมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ตลาดอาจมองว่าเศรษฐกิจจะอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและทำให้มีการชะลอการบริโภคและลงทุนในที่สุด
สำหรับการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ หรือ Inflation Forecast เป็นแนวทางในการสร้างอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดอัตราการเพิ่มของค่าแรงงานและอัตราเงินเฟ้อ (ที่เกิดขึ้นจริง) ในแต่ละปี และเป็นปัจจัยที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวของระบบอีกด้วย ดังนั้น ประเทศที่ใช้กรอบเงินเฟ้อเป็นกรอบในการดำเนินนโยบายการเงิน จึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการยึดเหนี่ยวอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของตลาดและภาคเอกชนไว้ ด้วยการประกาศเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ
เห็นมั้ยล่ะครับว่า นโยบายการเงินนั้นสามารถส่งผ่านผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจได้หลายช่องทางนะครับ ซึ่งในกรณีของประเทศไทย การดำเนินนโยบายการเงินก็เพื่อเป้าหมายให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 0.53% ครับ


