posttoday

ไวท์ลายจ่ายเงินข้าวซื้อเวลาสยบม็อบชาวนา

13 กุมภาพันธ์ 2557

ถึงวันนี้การหาเงิน 1.3 แสนล้านบาท เพื่อจ่ายหนี้ชาวนาของรัฐบาล ยังอลเวงจับต้นชนปลายไม่ถูก

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

ถึงวันนี้การหาเงิน 1.3 แสนล้านบาท เพื่อจ่ายหนี้ชาวนาของรัฐบาล ยังอลเวงจับต้นชนปลายไม่ถูก หลังจากล้มเหลวในการกู้เงินจากสถาบันการเงินจนตั้งไข่ไม่ได้ เพราะสถาบันการเงินกลัวว่าการกู้เงินของรัฐบาลรักษาการจะผิดกฎหมาย ทำให้ไม่ได้เงินกู้คืน

แม้ว่า กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง จะระบุว่ามีหลายสถาบันการเงินพร้อมปล่อยกู้แล้ว แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่กระทรวงการคลังยังไม่มีแผนที่จะกู้รอบใหม่ ทั้งที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องหาเงินมาจ่ายชาวนา

นอกจากนี้ กรรมการธนาคารทั้งกรุงไทยและธนาคารออมสิน ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลที่จะล้วงเงินมาจ่ายชาวนาก็ออกมาปฏิเสธ ยังไม่มีการพิจารณาปล่อยกู้ให้ชาวนา ทั้งๆ ที่สองธนาคารมีการประชุมคณะกรรมการธนาคารในสัปดาห์นี้ แต่ไม่มีวาระเรื่องปล่อยเงินกู้ให้ชาวนาแต่อย่างไร

ขณะที่ประเด็นที่ว่ามีสถาบันการเงินพร้อมปล่อยกู้จำนำใบประทวนจากชาวนา ยิ่งเป็นเรื่องเลื่อนลอย เพราะขนาดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังส่ายหน้าหนีไม่ยอมรับจำนำใบประทวนจากชาวนา เนื่องจากกลัวใบประทวนปลอม การรับจำนำใบประทวนตามราคารับจำนำข้าว ซึ่งสูงกว่าราคาข้าวที่แท้จริงเป็นเท่าตัว มีแต่เข้าเนื้อเสียหายอย่างเดียว

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชาวนาที่ไม่สนใจนำใบประทวนมาจำนำ เพราะชาวนาเวลานี้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้รัฐบาล ต้องได้เงินจากรัฐบาล ไม่ใช่ต้องการสลับร่างไปเป็นลูกหนี้รัฐบาล แถมได้เงินไม่เต็มก้อนและต้องเสียดอกเบี้ยเงินกู้อีกต่างหาก แม้ว่ารัฐบาลบอกว่าจะตั้งงบกลางมาชดเชย ก็ยังไม่ชัดว่าจะทำได้หรือไม่

ด้านมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อนุมัติงบกลาง 712 ล้านบาท ก็แค่แก้หน้ารัฐบาลที่กู้เงินมาจ่ายชาวนาไม่ได้ เพราะเงิน 712 ล้านบาทนั้น จ่ายชาวนาได้แค่ 2,000 ราย จากที่รัฐบาลเป็นหนี้ชาวนากว่า 1 ล้านราย เป็นเงินรวมถึง 1.3 แสนล้านบาท ที่สำคัญยังจ่ายเงินก้อนนี้ไม่ได้ทันที ต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาว่าทำได้หรือไม่ หากตกหล่มจ่ายไม่ได้ ก็จะกระทบให้การใช้งบกลางชดเชยดอกเบี้ยการจำนำใบประทวนทำไม่ได้ไปด้วย

ด้าน ทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ในฐานะประธาน ธ.ก.ส. ก็กดดันให้ธนาคารออกมาตรการช่วยเหลือชาวนาแบบสุดซอย ทั้งการพักหนี้ชาวนาที่ยังไม่ได้เงินจำนำข้าวโดยไม่เสียค่าปรับ แต่ไม่มีรายละเอียดว่าภาระดอกเบี้ยที่ ธ.ก.ส.ต้องแบกรับนั้น รัฐบาลจะชดเชยให้หรือไม่ โครงการนี้เลยลุ่มๆ ดอนๆ ธ.ก.ส.ไม่กล้าลุยเต็มตัว เพราะยิ่งทำมากก็ยิ่งเข้าเนื้อมาก และอาจจะโดนเช็กบิลทำให้ ธ.ก.ส.เสียหายภายหลัง

เช่นเดียวกับมาตรการให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้เพิ่มได้เต็มหลักประกัน ก็มีจุดอ่อนไม่ต่างกับการจำนำใบประทวน คือ ชาวนาต้องการเงินจำนำข้าวที่รัฐบาลค้างจ่ายอยู่ ไม่ได้ต้องการกู้เงินจาก ธ.ก.ส. หรือจากรัฐบาล ทำให้เงินจำนำข้าววนอยู่ในอ่างตลอดสองเดือนที่รัฐบาลยุบสภามา

มาตรการไอเดียเทียมต่างๆ ที่รัฐบาลออกมา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาชาวนา เพราะเป็นแค่การไวท์ลายชาวนา เพื่อซื้อเวลาไม่ให้ชาวนาระดมพลใหญ่มาขับไล่รัฐบาลเท่านั้น เหมือนในอดีตที่รัฐบาลไวท์ลายตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายตัว ทั้งตัวเลขการส่งออก อัตราเงินเฟ้อ เพื่อสร้างความมั่นใจเทียมๆ ให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งที่รู้ว่าเป็นตัวเลขปลอมและไม่สามารถทำได้จริงตามที่ตั้งเป้าไว้

ที่เป็นเช่นนั้น เพราะการหาเงิน 1.3 แสนล้านบาท ไม่จำเป็นต้องกู้เงินอย่างเดียว แต่สามารถระบายข้าวนำเงินมาจ่ายชาวนา แต่สองเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลกลับเตะถ่วงการระบายข้าว พุ่งเป้าแต่จะกู้เงินทั้งๆ ที่รู้ว่าทำไม่ได้

การที่รัฐบาลดื้อตาใสไม่ยอมระบายข้าวเอาเงินมาจ่ายชาวนา เพราะต้องการกลบการทุจริตในโครงการของนักการเมืองและนายทุนที่ใกล้ชิดรัฐบาล ที่ผ่านมารัฐบาลถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งข้อหาการขายแบบจีทูจีปลอม และยังตั้งอนุกรรมการสอบ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ฐานรับรู้การทุจริตมาโดยตลอด แต่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่หยุดยั้งการทุจริตที่เกิดขึ้น

รวมทั้งต้องการกลบผลขาดทุน และข้าวในสต๊อกที่อยู่ไม่ครบ ซึ่งเป็นจุดตายของรัฐบาลชุดนี้ จนไม่ยอมระบายข้าวนำเงินมาจ่ายหนี้ชาวนา

จากตัวเลขการรับจำนำข้าว 2 ปีแรก จำนวน 4 ฤดูกาลผลิต รัฐบาลจำนำข้าวเปลือกที่สีเป็นข้าวสารได้ทั้งหมด 28 ล้านตัน ใช้เงินไป 6.8 แสนล้านบาท ขายข้าวได้ 13 ล้านตัน ในราคาตันละ 1.1 หมื่นบาท ได้เงินมา 1.41.5 แสนล้านบาท เพื่อเป็นเงินสำรองจ่ายของ ธ.ก.ส.ที่จ่ายเกินกรอบวงเงิน 5 แสนล้านบาท

ที่น่าสนใจคือ ราคาข้าวสารที่ขายตันละ 1.1 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับต้นทุนข้าวเปลือกที่รัฐบาลรับจำนำตันละ 1.5 หมื่นบาท เมื่อรวมค่าบริหารจัดการ ค่าดอกเบี้ยเงินกู้ ต้นทุนจะสูงถึงตันละ 2.9 หมื่นบาท นั่นหมายความว่าข้าวที่ขายออกไปรัฐบาลจะขาดทุนตันละ 1.8 หมื่นบาท ที่ผ่านมาขายขาดทุนไปแล้ว 2.3 แสนล้านบาท หากระบายทั้งหมดคาดว่าตัวเลขขาดทุนจะสูงถึง 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่รัฐบาลไม่ต้องการให้ถูกเปิดเผย และเป็นที่มาที่รัฐบาลไม่สนใจที่จะปิดบัญชีโครงการจำนำข้าวเพื่อสะท้อนฐานะที่แท้จริงของโครงการ

ที่รัฐบาลกลัวมากกว่านั้น คือ ข้าวที่เหลืออยู่ประมาณ 15 ล้านตัน จะถูกเปิดโปงว่าเป็นสต๊อกเทียม สต๊อกลม มีข้าวไม่ครบ เพราะสมัยที่ สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง นั่งเป็นประธานปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ณ 31 ธ.ค. 2555 พบว่ามีข้าวหายไปกว่า 1 ล้านตัน ซึ่งทุกวันนี้รัฐบาลยังชี้แจงไม่ได้ว่าข้าวจำนวนนั้นหายไปไหน

ดังนั้น สต๊อกข้าวที่มีไม่ครบจึงกำลังเป็นเงาร้ายหลอนรัฐบาลอย่างหนัก เพราะหากคิดราคาขายข้าวตันละ 1.1 หมื่นบาท รัฐบาลต้องขายล้างสต๊อกทั้งหมดจึงจะได้เงินมาจ่ายชาวนาได้ครบ

ขณะที่วงในค้าข้าวประเมินว่า ตอนนี้อาจจะเหลือข้าวไม่ถึงครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่รัฐบาลบอก ต่อให้ขายให้หมดก็ได้เงินไม่พอจ่ายชาวนา รัฐบาลจึงพยายามเบี่ยงประเด็นไปเป็นการกู้เงินมาจ่ายชาวนา รวมถึงการออกมาตรการยิบๆ ย่อยๆ มาบรรเทาความเดือดร้อน

ส่วนการระบายข้าวก็ทำแต่ล็อตเล็ก ครั้งละไม่กี่แสนตัน เพื่อไม่ให้น้ำลดตอโผล่ ช่วยซื้อเวลากลบการทุจริตโกงข้าวที่เป็นภัยร้ายรัฐบาลจนเอาตัวไม่รอด

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี