posttoday

พระพรหมสุธี (เจ้าคุณเสนาะ) พระเถระอนาคตไกล

09 กุมภาพันธ์ 2557

พระพรหมสุธี (เสนาะ วชิรปญฺโญ) ที่มหาเถรสมาคม (มส.) แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศรูปใหม่ และรับพระบัญชาไปเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ให้สัมภาษณ์ ธงธรรม นิตยสารสำหรับพระสงฆ์ โดยตอบคำถามที่คณะสงฆ์อยากรู้ ประชาชนต้องการทราบหลายข้อ โพสต์ทูเดย์ เห็นว่าน่าสนใจ จึงขอนำมาถ่ายทอดต่อ

พระพรหมสุธี (เสนาะ วชิรปญฺโญ) ที่มหาเถรสมาคม (มส.) แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศรูปใหม่ และรับพระบัญชาไปเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ให้สัมภาษณ์ ธงธรรม นิตยสารสำหรับพระสงฆ์ โดยตอบคำถามที่คณะสงฆ์อยากรู้ ประชาชนต้องการทราบหลายข้อ โพสต์ทูเดย์ เห็นว่าน่าสนใจ จึงขอนำมาถ่ายทอดต่อ

รองสมเด็จอายุน้อย

พระพรหมสุธี หรือที่วงการเรียกว่า เจ้าคุณเสนาะ มีเกียรติประวัติที่สังคมสงฆ์กล่าวถึง เช่น ได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าคณะรอง ชั้นหิรัญบัฏ ในขณะที่มีอายุเพียง 48 ปี ดำรงฐานะผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงเท่านั้น ส่วนตำแหน่งบริหารเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 12 แต่โลว์โปรไฟล์ ทั้งๆ ที่เป็นเลขานุการในการพิจารณาสมณศักดิ์พระสังฆาธิการของมหานิกายทั่วประเทศ อีกทั้งเคยรักษาการเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามถึง 5 ปี

การได้รับความไว้วางใจจากมหาเถรสมาคมให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ แทนสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว อุปเสณเถระ) ในโกศ จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย

นิตยสารธงธรรม กล่าวถึงเจ้าคุณเสนาะว่า มีเส้นทางเติบโตทางสมณศักดิ์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าคณะรอง ยังเป็นพระเถระที่อายุยังน้อย เข้าทำเนียบพระเถระดาวรุ่งในอดีต ที่เป็นรองสมเด็จเมื่ออายุไม่ถึง 50 ปี 3 รูป ได้แก่ อดีตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กทม. อดีตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร กทม. อดีตสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) วัดสระเกศ เจ้าคุณเสนาะอยู่ในลำดับที่ 4 และที่พิเศษกว่ารูปอื่น คือเป็นเพียงรูปเดียวที่ได้รับการสถาปนาเป็นรองสมเด็จในขณะที่เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสเท่านั้น

กว่าจะมีวันนี้

อัตโนประวัติ พระพรหมสุธี หรือเจ้าคุณเสนาะ นามเดิม เสนาะ นามสกุล ฝังมุข เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2500 ที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จบ ป.4 จากโรงเรียนวัดสามเรือน โยมพ่อนำไปฝากพระอาจารย์ชุบ เจ้าอาวาสวัดสามเรือน เพื่อจะได้บวชเรียน และได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านสร้าง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2512 สอบนักธรรมชั้นตรีได้พร้อมพระนวกะรูปอื่นๆ ในปีนั้น แต่พระนวกะรุ่นนั้นสึกหมด เหลือเพียงสามเณรเสนาะรูปเดียว เจ้าอาวาสก็มีภูมิธรรมแค่นักธรรมชั้นตรี จึงพามาฝากกับพระธรรมเจดีย์ (เจ้าอาวาสวัดสระเกศ) อดีตเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช (ญาโณทยมหาเถระ อยู่) ปี 2513 และได้พำนักอยู่คณะ 5 ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) เป็นเจ้าคณะ

วันที่ 29 เม.ย. 2521 อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดสระเกศ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระพรหมคุณาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “ปญฺญาวชิโร” มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาอันเฉียบแหลม

ส่วนการศึกษา ทางธรรมจบ ป.ธ. 6 จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) จบปริญญาโทด้านสังคมวิทยาอินเดีย ที่มหาวิทยาลัยปูเน่ (University of Pune) ปี 2529 รุ่งขึ้น 2530 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระปัญญาวิชิราภรณ์ (อายุ 30 ปี)

คิดจะสึกถึง 3 ครั้ง

ธงธรรม ว่ามีหลายเรื่องของเจ้าคุณเสนาะที่ทั้งพระและฆราวาสไม่รู้ คือ ความคิดที่จะสึกถึง 3 ครั้ง โดยท่านเปิดใจเล่าว่า

ครั้งแรก ปี 2519 ช่วงเป็นสามเณรอยู่วัดสระเกศแล้ว อยากเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตัดกางเกงไว้แล้วที่ร้านหน้าวัดสระเกศนี่เอง แต่คิดไปคิดมาสึกออกไปต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากมาย จึงเลิกล้มความคิด

ครั้งที่สอง หลังเรียนจบมหาจุฬาฯ อายุ 25 ปี กำลังหนุ่ม อยากติดยศร้อยตรี โดยจะสมัครเป็นอนุศาสนาจารย์ ติดยศแล้วจะไปอวดคนบ้านนอกที่พระนครศรีอยุธยา เพราะคิดว่าโก้ แต่คิดไปคิดมาว่าถ้าไปเป็นอนุศาสนาจารย์ ชีวิตคงหยุดแค่นายพันเอกพิเศษชราๆ จึงเลิกล้มความคิดไปในที่สุด

ครั้งที่สาม หลังเรียนจบปริญญาโทจากประเทศอินเดีย อยากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย จึงกลับมาตั้งใจทำงานถวายสมเด็จเกี่ยวฯ 1 ปี ในฐานะพระอุปัชฌาย์และถวายวัดอีก 1 ปี ค่อยสึกออกไป ปรากฏว่าสมเด็จฯ ให้เป็นเจ้าคุณปี 2530 ชื่อ “พระปัญญาวชิราภรณ์” หนุ่มที่สุด โนเนม คนไม่รู้จัก จากนั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยคิดสึกอีกเลย ตั้งใจจะทำงานรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต

เส้นทางสมณศักดิ์เจริญขึ้นมาตลอด จนถึงเป็นเจ้าคณะรองเมื่ออายุ 48 ปี

ปัญหาตัวบุคคล

ท่านพูดถึงความแตกต่างวัดในกรุงกับวัดในชนบทนั้นแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะความพร้อมที่ต่างกัน การจะให้วัดในชนบททำตามที่ต้องการนั้นยาก เพราะขาดความพร้อม ถึงกระนั้นท่านก็มีแนวทางบริหารและพัฒนาวัดว่าต้องประกอบด้วย 1.ผู้นำคือเจ้าอาวาส 2.ผู้ให้ความร่วมมือคือลูกวัด 3.ประชาชนในชุมชน 4.ปัจจัยที่นำมาบูรณะหรือสร้าง (เสนาสนะ)

ท่านตอบคำถามเรื่องปัญหาที่เกิดในพระพุทธศาสนาเนืองๆ ว่า คำสอนของพระพุทธศาสนาดีอยู่แล้ว ที่มีปัญหาอยู่ที่ตัวบุคคลที่เลื่อมใสไม่จริงจัง พร้อมกับบอกว่า เรื่องพระมีปัญหามาตั้งแต่โบราณ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องตัวบุคคลหรือส่วนตัว ตัวอย่างที่ยังอยู่ในความทรงจำ เช่น เรื่องท่านนิกร หรือท่านยันตระ ล้วนแต่เป็นเรื่องตัวบุคคลที่ไม่ได้กระทบกับคณะสงฆ์ บังเอิญท่านมีลูกศิษย์มากทำให้ดัง เมื่อผิดแล้วต้องแก้ไข ไม่ใช่เหมารวม

หรืออย่างวัดพระธรรมกาย ถือว่าทำดี ใช้เวลา 20 ปี สามารถบริหารจัดการวัด สามารถนำประชาชนเป็นหมื่นเป็นแสนเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรม มีวัดไหนทำได้ เราต้องเปิดใจให้กว้าง ต่อไปอีก 50100 ปี โดมที่วัดทำนั้นจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ ถามว่าใหญ่เกินไปไหม ก็ไม่ เมื่อเทียบกับคน 60 กว่าล้านคน ส่วนเรื่องผิดถูกเป็นเรื่องนิดเดียว ไม่ใช่เรื่องของวัด ต้องนำเรื่องจริงมาพูด

มีซื้อขายสมณศักดิ์?

เมื่อถามว่ามีการซื้อขายสมณศักดิ์หรือไม่

เจ้าคุณเสนาะ เล่าว่า มันเป็นขบวนการของมิจฉาชีพ และพระ (บางรูป) อยากได้เกินเหตุ เรื่องสมณศักดิ์ไม่มีใครสามารถที่จะเอาเงินมายัดได้เลย เพราะในเวลาที่ประชุม แต่ละองค์ (กรรมการที่พิจารณา) จะมีอิสระ แต่มีตีกินเฉยๆ เพราะรู้ว่าองค์นั้นท่านจะได้อยู่แล้ว มีการเก็งว่าองค์นี้จะได้ บังเอิญพระองค์นั้นได้พอดีแล้วก็ได้ ก็ถือว่าโชคดีไป

แต่จริงๆ ไม่มีใครสามารถวิ่งเต้นได้ ไม่มี

ส่วนการตั้งชื่อสมณศักดิ์ มีหลายคนสงสัยว่าแต่ละชื่อได้มาอย่างไรนั้น ท่านบอกว่าต้องนำองค์ประกอบหลายๆ อย่างมาประกอบกัน อย่างชื่อพระครูมีจำนวนมาก เราจะเข้าคอมพิวเตอร์ไว้ว่ามีกี่คู่ ตั้งด้วยเหตุผล คือ 1.ฉายา 2.ชื่อของพระ 3.วัด 4.ความสามารถของท่าน เช่น อาตมาเคยเป็นชั้นสามัญชื่อพระปัญญาวชิราภรณ์ เพราะอาตมาฉายา ปัญญาวชิโร คำว่าอาภรณ์ ก็เอาสร้อยของสมเด็จครั้งที่เป็นพระพรหมคุณาภรณ์มาต่อ ทำให้เป็นปัญญาวชิราภรณ์

หรือเมื่อครั้งเป็นชั้นธรรมที่พระธรรมสิทธิเวที เวที คือ รู้ ธรรม คือ ธรรมชาติ สิทธิ คือ สำเร็จ หมายความว่า พระธรรมที่สำเร็จรู้ธรรมโดยธรรมชาติ

บางองค์วัดนั้นมีการพัฒนาดี สวย ก็จะตั้งไปในทางพัฒนา เช่น พระครูสิทธิพัฒนาภรณ์ ให้รู้ว่ามีความหมายทางด้านการพัฒนา ด้านการศึกษาก็ปริยัติ นักเทศน์ก็ธรรมนิเทศ ธรรมนิสิต เจ้าคณะอำเภอก็จะเอาชื่ออำเภอนั้นๆ มาตั้ง ถ้าซ้ำก็เปลี่ยนใหม่ แต่ส่วนใหญ่ซ้ำเสียง แต่ไม่ซ้ำตัวอักษร แต่ชื่อเจ้าคุณนั้นส่วนใหญ่จะเอาชื่อเก่ามาตั้ง สืบทอดกันมาโบราณเราจะดูว่าเหมาะสมกับท่านไหม ให้ตรงกับบุคลิก ให้รู้เลยว่าที่ท่านได้มาเพราะมีความดีด้านไหน และต้องมีความหมาย

สมณศักดิ์โบราณนั้นมี 4 ตำแหน่ง คือ (สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ) สมเด็จพระวันรัต สมเด็จพระพุฒาจารย์ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ส่วนตำแหน่งอื่นที่ตกทอดกันมา เช่น พระธรรมโกศาจารย์ พระธรรมวโรดม พระธรรมราชานุวัตร พระธรรมธีรราชมหามุนี และพระธรรมเจดีย์ เป็นต้น ล้วนแต่เก่าแก่

ทรรศนะของ พระพรหมสุธี สังฆโสภณ ของคณะสงฆ์ไทย ที่มีอนาคตยาวไกล

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. 68