เปิดสายสัมพันธ์ ด.ต.คงเพชร-บิ๊กตำรวจทักษิณ

ทีมข่าวการเมือง

การปราศรัยของ สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. บนเวทีชุมนุมปทุมวัน เมื่อคืนวันที่ 29 ม.ค. ส่งผลสะเทือนต่อองค์กรตำรวจอีกคำรบ

ด้วยที่ว่า ด.ต.คงเพชร เพชรกันหา ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน กองกำกับการสืบสวนสอบสวน (กก.สส.) บก.น.2 ซึ่งมวลชนเข้าจับกุมและทำร้าย หลังใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ชุมนุมด้านหน้าสโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต รับงานจากผู้บังคับบัญชาให้มาทำร้ายมวลมหาประชาชน

“ตำรวจนายนี้รับงานเป็นการเฉพาะจาก พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้กำกับการ กก.สส.บก.น.2 ผู้บังคับบัญชาให้เข้ามาหาข่าว และถือเป็นตำรวจที่รับใช้กันเป็นอย่างดี อีกทั้ง ด.ต.คงเพชร ยังเคยถูกคดีฆ่าคนตาย แต่ก็มีการช่วยเหลือให้เข้ามารับราชการดังเดิม” เป็นคำปราศรัยของกำนันสุเทพ

ไม่ต่างจาก พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ที่ สุเทพ พูดถึงอีกว่า ชื่อเดิมคือ นพดล เกี่ยวพันเป็นผู้ต้องสงสัยคดีอุ้ม สมชาย นีละไพจิตร ทนายความมุสลิมคนดังที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ พ.ศ. 2547 ครั้งนั้น พ.ต.อ.จรูญเกียรติ หรือนพดล ยังดำรงตำแหน่งสารวัตรที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ก่อนที่จะเงียบหายไป กระทั่งศาลจะยกฟ้องและกลับมาผงาดในตำแหน่ง ผกก.กก.สส.บก.น.2 และยังถือเป็นคนสนิทของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากได้ดิบได้ดีเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ไล่เรียงย้อนหลังถึงประวัติ 2 นายตำรวจที่พัวพันกับการกระทบกระทั่งกัน ล่าสุดระหว่างตำรวจและมวลชน ด.ต.คงเพชร ในวัย 46 ปี มีชื่อเดิมว่า อภิชัย เพชรกังหา เข้ารับราชการตำรวจในหน้าที่สืบสวนสอบสวน วนเวียนอยู่ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เกือบทั้งชีวิตราชการ แต่ก่อนหน้านี้มีคดีพัวพันการฆ่าคนตายในท้องที่ย่านสุทธิสาร จากนั้นถูกสั่งให้ลงไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

“เขาเป็นคนเพี้ยนๆ หน่อยนะ ดูจากเหตุการณ์ที่หน้าสโมสรทหารบก สายสืบที่ไหนจะบ้าพกกุญแจมือไปด้วย ปืนก็ยังเหน็บเอว ใครเห็นก็รู้ว่าเป็นตำรวจ เหมือนมีเจตนาให้เห็นกันไปเลยว่า กูคือตำรวจนะ มันจะได้แตกฮือไงและก็มีเรื่องรุนแรง” ตำรวจนอกราชการ ซึ่งเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา ด.ต.คงเพชร เล่าให้ฟัง

เมื่อคดีพยายามฆ่าเงียบหายไป ด.ต.คงเพชร ก็กลับมาบรรจุอีกครั้งในตำแหน่งเดิม สังกัดเดิม คือ กก.สส.บก.น.2 ในยุคที่ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขย คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น ผบช.น. พร้อมด้วยดึงตำรวจมือดีจากภาคใต้ขึ้นมาทำงานในนครบาลอีกจำนวนมาก ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา เลขานุการ รมว.แรงงาน ซึ่งขณะนั้นเป็นรอง ผบ.ตร. รับผิดชอบสายงานปราบปรามอาชญากรรม

จึงไม่แปลกเมื่อมองในแง่ของความสัมพันธ์ เพราะขณะนี้ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. จะได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ให้มาดูแลงานด้านสืบสวนในห้วงของผู้ชุมนุม กปปส.

“เขาดึงตำรวจจากภาคใต้ขึ้นมา เพราะเป็นพรรคพวกที่ไว้ใจกันได้ งานพิเศษ งานเฉพาะ จะสั่งการคนพวกนี้ทำให้ทั้งนั้น” นายตำรวจคนเดิมย้ำ

ขณะที่ในส่วนของ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ที่ถูก สุเทพ พาดพิงถึงด้วยนั้น พบว่า เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 45 ก่อนจะผงาดเป็น ผกก.กก.สส.บก.น.2 เคยนั่งเป็นรองผู้กำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี บช.น. ก่อนจะติดโผครั้งล่าสุดขึ้นเป็น ผกก.กก.สส.บก.น.2

ความสัมพันธ์กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ สำหรับนายตำรวจผู้นี้ถือว่าแน่นปึ๊กและ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ยังเป็นคนที่พบเบาะแสเชื่อมโยงกระทั่งติดตามจับกุม “ไอ้บอล” หรือ สันติภาพ เพ็งด้วง ผู้ต้องหาฆ่า เอกยุทธ อัญชันบุตร พร้อมทีมผู้ต้องหาฆ่าเอกยุทธเป็นชุดแรกอีกด้วย

พ.ต.อ.จรูญเกียรติ มีความสนิทสนิมชิดเชื้อ และถือเป็นนายตำรวจในคาถาของ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรอง ผบ.ตร. คนสนิทของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการ ศรส.และ บิ๊กอ๊อด ยังถือได้ว่าสนิทกันดีกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อีกด้วย จึงไม่น่าจะแปลกที่ไลน์การไต่ขึ้นชั้นในตำแหน่งสำคัญๆ ของ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ จะมีผู้ใหญ่ให้การหนุนหลังอยู่ด้วย

ด้าน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า ได้สั่งการให้ ด.ต.คงเพชร แต่งกายนอกเครื่องแบบไปหาข่าวการชุมนุมที่หน้าสโมสรทหารบกจริง แต่สาเหตุที่พกอาวุธไปทั้งๆ ที่ไม่ได้สั่ง คงเป็นเพราะ ด.ต.คงเพชร ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง และเชื่อว่าลูกน้องไม่ได้มีเจตนาจะยิงเอาชีวิตของผู้ชุมนุมแน่นอน

“ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับ ด.ต.คงเพชร แต่รายงานพบว่าเหตุการณ์มันจวนตัวเขาเลยยิงออกไป น่าจะเป็นลักษณะขู่ให้หยุดมากกว่า เพราะหากจะยิงจริงๆ ผู้ชุมนุมคงตายไปแล้ว” พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ย้ำ

นายตำรวจผู้นี้ระบุถึงความสัมพันธ์ที่ สุเทพ พูดถึงด้วยว่า

“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะโยงเพื่อให้เห็นความขัดแย้งระหว่างกัน ด้วยคำพูดว่าผมสนิทกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็ต้องสนิทเพราะท่านเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ไม่มีการสั่งการให้ไปทำอะไรที่รุนแรงแน่นอน”