posttoday

โรงไฟฟ้าชุมชน

19 มกราคม 2557

ปัจจุบันปริมาณความต้องการไฟฟ้าของประเทศมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบันปริมาณความต้องการไฟฟ้าของประเทศมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องตามการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่แผนการจัดหาไฟฟ้าของประเทศยังมีข้อจำกัดในการเลือกเชื้อเพลิง เนื่องจากเป็นห่วงกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงมีแนวคิดที่จะสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนในท้องถิ่น เพื่อเป็นทางเลือกให้มีโรงไฟฟ้ากระจายในทุกพื้นที่

โรงไฟฟ้าชุมชน ถือเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีศักยภาพในท้องถิ่น เช่น พลังงานลม น้ำ แสงอาทิตย์ หรือชีวมวล เป็นแหล่งพลังงานโดยมีชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการโรงไฟฟ้า ซึ่งควรจะอยู่ในรูปแบบสหกรณ์หรือวิสาหกิจชุมชน แยกออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ 1.โรงไฟฟ้าชุมชนที่ตั้งขึ้นเพื่อผลิตไฟฟ้าให้แก่ประชาชนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ มักมีทำเลที่ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ระบบสายส่งเข้าไปไม่ถึงและไม่คุ้มค่ากับการติดตั้งระบบสายส่งเข้าสู่พื้นที่ การผลิตไฟฟ้าของชุมชนจะเป็นแบบไม่เชื่อมต่อเข้ากับระบบสายส่ง ที่เรียกว่า Stand Alone เพื่อผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการใช้ภายในชุมชนเท่านั้น ขนาดของโรงไฟฟ้าจะพิจารณาจากจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าภายในชุมชน

2.โรงไฟฟ้าชุมชนที่ตั้งขึ้นในพื้นที่ที่มีไฟฟ้าใช้อยู่แล้ว แต่ยังมีทรัพยากรที่มีศักยภาพที่สามารถจะผลิตไฟฟ้าได้ เป็นการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไฟฟ้าที่ผลิตได้จะเชื่อมต่อแบบ Grid connect กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) รายได้จากการขายไฟฟ้าจะนำมาพัฒนาชุมชน และสำรองไว้บำรุงรักษาระบบ โดยเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ ขนาดของโรงไฟฟ้าจะพิจารณาเต็มศักยภาพของแหล่งพลังงานที่มีในพื้นที่

ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงต่อการพัฒนาโรงไฟฟ้าชุมชน คือศักยภาพของแหล่งพลังงานภายในชุมชน ซึ่งจะต้องมีปริมาณเพียงพอต่อการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีจนครบอายุโครงการ ตัวอย่างเช่น กรณีของโรงไฟฟ้าชีวมวล เชื้อเพลิงได้จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่มีในท้องถิ่น หรือจากไม้โตเร็วโดยการส่งเสริมสนับสนุนประชาชนรอบโรงไฟฟ้าให้ปลูกไม้โตเร็วส่งขายโรงไฟฟ้าเพื่อเสริมรายได้

นอกจากนี้ ยังต้องมีเทคโนโลยีต้องเหมาะสมกับระบบผลิตไฟฟ้าต้องไม่ยุ่งยากซับซ้อนในการบริหารจัดการ และการซ่อมบำรุงรักษา ชุมชนสามารถดูแลบำรุงรักษา บริหารจัดการได้เอง ตลอดจนควรศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ โดยเฉพาะความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการและความเข้มแข็ง ความพร้อมของชุมชนในการบริหารจัดการโรงไฟฟ้า ชุมชนต้องมีบุคลากรที่สามารถเรียนรู้เข้าใจระบบการผลิต และการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าให้สามารถดำเนินงานได้ในระยะยาว รวมถึงการมีส่วนร่วมของชุมชนต่อการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าตั้งแต่ต้นจนเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่การร่วมมือในการดูแลและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าอย่างยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตสำหรับโรงไฟฟ้าชุมชนว่า เงินลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนมักมีราคาค่อนข้างสูง แต่ได้รับผลตอบแทนจากโครงการต่ำ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าในพื้นที่ห่างไกล สายส่งเข้าไปไม่ถึง ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้ และมีฐานะยากจน การลงทุนจึงต้องมาจากภาครัฐที่ไม่หวังผลกำไร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รัฐบาลจึงต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างความเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าแก่ชุมชน ปลูกฝังความคิดว่าโรงไฟฟ้าไม่ใช่ของฟรี หรือเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องมาดูแลโรงไฟฟ้าแทนชุมชน แต่เป็นภาระหน้าที่ของชุมชนที่จะต้องช่วยกันดูแลรักษาโรงไฟฟ้าให้คงอยู่เพื่อสร้างประโยชน์ให้เกิดแก่ชุมชนเอง

ข่าวล่าสุด

ครม. ทบทวน EV3 เพิ่มความยืดหยุ่น หนุนไทยสู่ฐานผลิต EV โลก