posttoday

"จารุบุตร เรืองสุวรรณ"กับลูกไม้ที่หล่นไกลต้น

10 มกราคม 2557

คุณพ่อสอนให้ลูกมีจิตสำนึกที่จะเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินที่ตนเกิดด้วยการซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ภักดีต่อแผ่นดิน

โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

เมื่อจารุบุตร เรืองสุวรรณ อดีตประธานรัฐสภาถึงแก่กรรมเมื่อปี 2527 เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์ ได้เขียนโคลงไว้อาลัยความว่า

จารึกนามท่านไว้    กัปกัลป์
จารุบุตรเรืองสุวรรณ    สว่างแคว้น
บุตรแห่งแผ่นดินผัน    ผละชีพ
ประทีปริบหรี่แม้น    มอดเชื้อโชนแสง
ไปดีเถิดเน้อพ่อ     เพ็ญการ
ร่มรัฐสภาประธาน    ประทับแล้ว
ศักดิ์ศรีแห่งอีสาน    สยามประเทศ
จารุบุตร บุตรแก้ว    ประกาศก้องกาลสมัย

ตระกูลเรืองสุวรรณ มีบรรพบุรุษเป็นเจ้าผู้ครองนครหลวงพระบางและเจ้านางแห่งนครเชียงใหม่ สืบเชื้อสายเป็นเจ้าเมืองสำคัญในหัวเมืองอีสาน หลายหัวเมืองมาอย่างต่อเนื่อง จารุบุตร เรืองสุวรรณ  เกิดที่บ้านเมืองเก่า อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2463 หลังจบการศึกษาชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล เมื่อปี 2480 แล้ว จึงไปสมัครเป็นครูประชาบาลที่โรงเรียนวัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ต่อมาสมัครสอบวิชาครูพป. ได้อันดับหนึ่งประเทศไทย จึงได้บรรจุเป็นครูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยในปี 2483 ในปี 2484 ถึง 2485 เป็นครูโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทางกฎหมายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สอบได้เนติบัณฑิตไทยในปี 2485 และปริญญาโท เศรษฐศาสตร์มหาบัณฑิต ในปี 2487 ผ่านโรงเรียนนายทหารอังกฤษ หน่วยคอมมานโด ร่วมในขบวนการเสรีไทยสังกัดหน่วย 136 กองทัพที่ 14 กองทัพบกอังกฤษ ในปี 2488 และในต้นปี 2489 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่ประจำคณะกรรมการอาชญากรรม ได้รับพระราชทานยศนายทหารชั่วคราว ทำหน้าที่นายทหารติดต่อกับกองทัพฝ่ายพันธมิตร เพื่อปลดอาวุธทหารญี่ปุ่น ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น 6 สมัย ตั้งแต่ปี 2489 ถึงปี 2519 เป็นเวลานานถึง 30 ปี เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น 3 สมัย เป็นผู้ร่วมก่อตั้งวิทยาลัยการค้าและดำรงตำแหน่งคณะบดีคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย

ตลอดระยะเวลายาวนานบนถนนการเมือง จารุบุตร เรืองสุวรรณ ได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านกฎหมาย เศรษฐศาสตร์การเมือง และวัฒนธรรม ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนชาวอีสาน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดี จนได้รับความยกย่องนับถือให้เป็นปูชนียบุคคลของชาวอีสาน ได้รับยกย่องให้เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม เป็นปราชญ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นคนสำคัญของภาคอีสาน

เมื่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี 2524 และเป็นประธานรัฐสภาในปี 2526 ถึงปี 2527 จารุบุตร เรืองสุวรรณ ได้ทำหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งเที่ยงตรง ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวมอย่างเหนียวแน่น ดังจะเห็นได้จากบันทึกของบัญญัติ สุชีวะ ประธานศาลฎีกาที่ได้กล่าวถึงจารุบุตร เรืองสุวรรณไว้ว่า

ในฐานะที่คุณจารุบุตรเป็นประธานรัฐสภาและเป็นประธานตุลาการรัฐธรรมและกระผมก็เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยตำแหน่งอยู่ด้วย เขาเคยได้ร่วมพิจารณาปัญหาตามคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ขอให้ตุลาการรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของผู้แทนราษฎรท่านหนึ่ง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่อยู่เรื่องหนึ่ง จากการประชุมร่วมกันในครั้งนั้นทำให้ผลเห็นว่าคุณจารุบุตร เป็นนักกฎหมายที่ฉลาดและวางตัวเป็นกลางได้เหมาะสมอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ ยอด เลิศฤทธิ์ อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงว่าการต่างประเทศยังได้เล่าถึงกิจวัตรของจารุบุตร เรืองสุวรรณ ไว้ว่า “กิจวัตรเป็นประจำของท่านคือต้องเดินออกกำลัง  แ ละจะเดินออกจากบ้านสี่เสาเทเวศร์ผ่านไปสะพานพุทธยอดฟ้า เพื่อถวายบังคมพระบรมรูปรัชกาลที่ 1 แล้วเดินต่อไปถึงวงเวียนใหญ่ เพื่อถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้วจึงกลับ วันต่อไปก็จะเดินไปทางพระราชวังดุสิต ถวายความเคารพระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันแล้วต่อไปถึงพระบรมรูปทรงม้าเพื่อถวายบังคมสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงแล้วจึงกลับ ตั้งจิตแน่วแน่ที่จะอุทิศตนเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ท่านย้ำอยู่เสมอในความจงรักภักดีของท่านต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และในความเคารพรักต่อผู้มีพระคุณ

ด้วยคุณงานความดีที่มีต่อชาติบ้านเมืองและ ความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดี ของจารุบตุร เรืองสุวรรณ เมื่อถึงแก่อนิจกรรมลงในตำแหน่งประธานรัฐสภา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ แก่ จารุบุตร เรืองสุวรรณ อย่างสูงสุด ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีแทนพระองค์ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ โปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศไม้สิบสองบรรจุศพ และพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ โดยตลอดมีพระพิธีกรรมสวดพระอภิธรรมเวลากลางคืนเป็นเวลา 7 วัน

ครั้นถึงวันพระราชทานเพลิงศพ จารุบุตร เรืองสุวรรณ ในวันที่ 19 มีนาคม 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพร้อมสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ มกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นเมรุพระราชทานเพลิง ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส ด้วยกันทุกพระองค์

จารุบุตร เรืองสุวรรณ มีบุตรชายคนเดียวชื่อ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ของทักษิณ ชินวัตร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในปัจจุบัน จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี 2489 หลังจากจบมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ แล้วก็เข้าศึกษาต่อคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้รับปริญญาตรีแล้วจึงเข้าศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

เริ่มรับราชการครั้งแรกที่สำนักงานก.พ. แล้วโอนย้ายไปเป็นปลัดอำเภอ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ผ่านการเป็นนายอำเภอหลายอำเภอ จากนั้นก็โอนย้ายไปเป็นเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมัยนายอาษา เมฆสวรรค์ เป็นผู้ว่า ผ่านงานด้านต่างๆ ในกทม.จนได้เป็นรองปลัดกทม. จนถึงปี 2545 จึงโอนย้ายไปรับตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม และปลัดกระทรวงแรงงานในเวลาต่อมา เมื่อเกษียณราชการในปี 2549 ก็ได้ดำรงตำแหน่ง เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ จนกระทั่งปี 2553 จากนั้นจึงได้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย ได้ทุ่มเททำงานให้กับพรรคและครอบครัวชินวัตรอย่างจริงจัง

จึงได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวชินวัตรให้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อในระดับต้นๆ และได้เป็นหัวหน้าพรรคที่ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็ภาคภูมิใจ ทำให้มีพฤติกรรมแข็งกร้าว ทะนงหลงอำนาจในความยิ่งใหญ่ของพรรคเพื่อไทย จนไม่รู้ว่าความสุภาพถ่อมตน เรียบร้อยมีอัธยาศัยและมีความเป็นผู้ดีที่ จารุบุตร เรืองสุวรรณ ผู้เป็นพ่อประพฤติปฏิบัติมาให้เห็นตั้งแต่เด็กจนโตนั้นเป็นอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ยังได้ก้มหน้าก้มตารับใช้ระบอบทักษิณอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยินดีจะเป็นผู้นำคณะพรรคเพื่อไทยที่ไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ นับเป็นการกระทำที่หากจารุบุตร เรืองสุวรรณ ยังมีชีวิตอยู่ จะไม่สามารถกระทำในสิ่งที่น่าละอายเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

พฤติกรรมหลากหลายประการที่จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ได้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในขณะนี้ สร้างความหม่นหมองใจ ไปยังญาติพี่น้องในตระกูลเรืองสุวรรณ เป็นอย่างยิ่ง ทำให้จารุวัชร เรืองสุวรรณ สมาชิกท่านหนึ่งในตระกูลเรืองสุวรรณ ต้องออกมาแสดงความอัดอั้นตันใจ ส่งข้อความไปทางเฟซบุ๊กฝากไปถึงจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2556 ความว่า

"อยากฝากหน้ากระดานนี้ถึงญาติที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในรัฐบาลนี้ว่าตำแหน่งมันเหมือนหัวโขนลมเพลมพัด เอาแน่เอานอนไม่ได้ วงศ์ตระกูลมีสิบบรรพบุรุษสร้างสมคุณงามความดีให้กับแผ่นดินมาเป็นเวลาช้านานหลายชั่วอายุ สมควรหรือไม่ที่จะกระทำให้เสื่อมเสีย โปรดดูตัวอย่างท่านอดีต ก.ก.ต. ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา ท่านทำเป็นตัวอย่าง เพื่อรักษาวงศ์ตระกูลมาแล้ว อย่าอินังขังขอบกับตำแหน่งให้มาก และที่สำคัญจำไว้ให้มั่นคง อย่าลืมท่านมิใช่เจ้าของตระกูล ตระกูลเป็นของทุกคน ต้องเดินหน้าสั่งสมความดีต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย อย่าเอาตัวบุคคลเป็นใหญ่ ใครชั่วใครเลวรู้อยู่แก่ใจ โปรดใช้สติไตร่ตรองให้มากๆ ครับท่าน"

นอกจากนี้ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2556 จารุวัชร เรืองสุวรรณยังได้เขียนเฟซบุ๊กขอความเห็นใจจากผู้คนในสังคมที่พากันด่าทอวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหายกับตระกูลเรืองสุวรรณ พร้อมกับบอกว่าแค่ถูกประนามว่า “ตระกูลทรราช” ก็เจ็บปวดพอแล้ว โปรดแยกเป็นรายบุคคล “อย่าเหมาเข่งครับ”

แต่สิ่งที่สร้างความเจ็บช้ำอย่างสาหัส แก่ผู้คนในตระกูลเรืองสุวรรณ หรือแม้แต่ จารุบุตร เรืองสุวรรณ หากยังมีชีวิตอยู่ก็คือ การที่จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ใส่เสื้อแดงไปร่วมเวทีปราศัยกับพวกเสื้อแดงที่สนามกีฬารัชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ปีที่ผ่านมาได้พบเห็นและรับรู้ในการกระทำของตั้ง อาชีวะที่ขึ้นเวทีกล่าวจาบจ้วงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างหยาบช้ารุนแรง 

จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ คงลืมไปแล้วว่าในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ จารุบุตร เรืองสุวรรณ ผู้เป็นพ่อนั้น จารุพงศ์ เขียนไว้ว่า “คุณพ่อสอนให้ลูกมีจิตสำนึกที่จะเกิดมาเพื่อรับใช้แผ่นดินที่ตนเกิดด้วยการซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ภักดีต่อแผ่นดิน คุณพ่อสอนให้รักษาเกียรติยศชื่อเสียงของตนเองและวงศ์ตระกูลยิ่งชีวิต”

บัดนี้จารุพงศ์ เรืองสุวรรณได้ทำตามคำที่พ่อสอนหรือไม่ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ กำลังแสดงความภักดี ต่อแผ่นดินหรือภักดีต่อตระกูลชินวัตรของทักษิณและพจมานกับยิ่งลักษณ์ถ้าหากยังคิดอะไรไม่ได้ก็ขอฝากบทกวีมาให้อ่านเพื่อประเทืองสติปัญญาสัก 2 บท บางทีอาจจะนึกถึงคุณงามความดีที่พ่อได้สั่งสมมาเป็นต้นทุนให้กับชีวิตของลูกจนมาถึงวันนี้ได้บ้าง

จารุพงศ์พงศ์เผ่าเชื้อ    เรืองสุวรรณ
บรรพบุรุษบ่เคยผัน      ภักดิ์เจ้า
ทายาทก่อกิจอัน    อัปยศ
ลงร่วมระดมเร้า     อริราชจอมไผท

ไฉนจึงแผกเชื้อ     ชาติพันธุ์
ลืมอุดมคติผัน     ผิดพ้อง
ทิฏฐิมืดโมหันต์     วิปลาส
ใจบ่เคยคิดป้อง     เกียรติเจ้าจอมสยาม

ข่าวล่าสุด

“วราวุธ” ไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ก่อนไปสมัคร ภท.พรุ่งนี้