สรรพากรเล็งรีดภาษีเต็นท์รถมือสองหารายได้เพิ่ม
สรรพากรตั้งเรื่องเสนอรัฐบาลใหม่ รีดภาษีเต็นท์รถมือสอง หลังพบยอดขายเพิ่ม
สรรพากรตั้งเรื่องเสนอรัฐบาลใหม่ รีดภาษีเต็นท์รถมือสอง หลังพบยอดขายเพิ่ม
นายสุทธิชัย สังขมณี อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรมีแนวคิดนำธุรกิจรถยนต์มือสองให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษี เพื่อเป็นการจัดระเบียบการซื้อขายรถยนต์มือสองใหม่ เนื่องจากธุรกิจนี้ไม่มีการเสียภาษีกับสรรพากรอย่างถูกต้อง และคาดว่าในช่วง 56 ปีที่ผ่านมา มีการซื้อขายเพิ่มขึ้นจากปีละ 2 ล้านคัน เป็น 3 ล้านคัน ถ้ามาสามารถดึงเข้าระบบได้จะทำให้ยอดจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีกปีละ 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ หากมีระบบของการซื้อขายที่ดีสามารถผลักดันรถยนต์มือสองในไทยให้สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้ เพราะมีนักลงทุนแถบยุโรปสนใจเข้ามาลงทุนธุรกิจนี้ในไทย ประกอบกับตลาดซื้อขายในไทยเริ่มอิ่มตัวแล้ว
“เดิมทีเตรียมจะเสนอให้รัฐบาลชุดนี้พิจารณา แต่เมื่อยุบสภาต้องรอนำเสนอรัฐบาลใหม่อีกรอบว่าจะเอาหรือไม่ เพื่อรองรับรถยนต์มือสองที่เพิ่มขึ้น” นายสุทธิชัย กล่าว
สำหรับแนวทางการจัดเก็บภาษีนั้น นายสุทธิชัย กล่าวว่า จะต้องให้กรมการขนส่งทางบกมาช่วยจัดเก็บภาษี โดยเก็บจากราคาประเมินรถยนต์ คล้ายกับการเก็บภาษีซื้อขายที่ดินที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยจะนำต้นแบบการจัดเก็บภาษีซื้อขายรถยนต์มือสองของประเทศอังกฤษมาดำเนินการ
นายสุทธิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการซื้อขายรถยนต์นั้นจะโอนลอย ทำให้กรมไม่สามารถไปเก็บภาษีทางตรง ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) และภาษีที่เกิดจากกำไรที่เกิดกับการซื้อขายกับเต็นท์รถยนต์ได้ ทำให้การทำธุรกิจเต็นท์รถมือสองมีกำไรมากกว่าการทำธุรกิจรถใหม่ เพราะรถใหม่มีเพดานราคาที่ตรวจสอบได้ แต่รถมือสองไม่มีเพดานราคากำหนดไว้
กรมสรรพากรจึงจะเสนอให้มีการเสียภาษีเหมือนการซื้อขายที่ดิน คือทุกครั้งที่มีการโอนต้องเสียภาษี เพราะที่ผ่านมาการจัดเก็บภาษีเต็นท์รถนั้นใช้วิธีการเข้าไปตรวจนับสต๊อกของรถยนต์แต่ทำได้ลำบาก เพราะบางเต็นท์รถตั้งอยู่อีกแห่ง แต่สต๊อกอยู่อีกแห่ง นอกจากนี้กรมสรรพากรจะเข้าไปดูถึงการให้เช่าที่ดินเพื่อทำเต็นท์รถยนต์ รวมถึงการปล่อยกู้นอกระบบของเถ้าแก่ที่ดินที่ตั้งเต็นท์รถด้วย เพราะมีการเสียภาษีไม่ถูกต้องและจะใช้หลักฐานทางการเงินจากธนาคารมาประกอบการคิดภาษี


