นพดลอัดปชป.บอยคอตเลือกตั้ง
นพดลที่ปรึกษากฏหมายของทักษิณชี้ปชป.ไม่ลงเลือกตั้งมอบอำนาจให้สุเทพตั้งสภาประชาชน
นพดลที่ปรึกษากฏหมายของทักษิณชี้ปชป.ไม่ลงเลือกตั้งมอบอำนาจให้สุเทพตั้งสภาประชาชน
วันนี้(22 ธ.ค.56) นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว Noppadon Pattama ต่อกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ความว่าจากการที่พรรคประชาธิปัตย์มีมติไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เห็นดังนี้ว่า
1. การที่พรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้นไม่อยู่เหนือความคาดหมายของตน
2.พรรคประชาธิปัตย์เคยบอยคอตการเลือกตั้งในปี 2548 และมีความขัดแย้งทางการเมืองตามมา และก่อให้เกิดการรัฐประหารในปี 2549 โดยการบอยคอตครั้งนั้นอ้างว่าเพื่อปฏิรูปการเมือง แต่ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยดำเนินการปฏิรูปการเมืองใด ๆ เลยและเมื่อเป็นรัฐบาลในปี 2551-2554 เกือบ 3 ปี สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำอย่างเดียวคือ แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 เรื่องที่มาของ ส.ส. โดยสังคมตั้งคำถามในขณะนั้นว่า กติกาใหม่จะทำให้นักการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้เปรียบในการเลือกตั้งใช่หรือไม่ดังนั้น การอ้างเหตุผลว่าต้องบอยคอตการเลือกตั้งในวันนี้ เพื่อปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง จึงฟังไม่ขึ้น แต่มีคนตั้งคำถามว่าเหตุผลที่แท้จริงคือพรรคประชาธิปัตย์กลัวว่าจะไม่ชนะเลือกตั้งใช่หรือไม่
3. ข้ออ้างในการบอยคอตครั้งนี้ที่ว่าต้องปฏิรูปให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งนั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะประเทศไทยต้องได้มีรัฐบาลเพื่อพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง และกระบวนการปฏิรูปเป็นกระบวนการที่ต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง ใช้เวลานานเช่นเดียวกันกับการพัฒนาประเทศ ประชาชนรู้ทันว่าข้อเรียกร้องของ กปปส.ให้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เป็นเพียงข้ออ้างให้มีการมอบอำนาจให้นายสุเทพตั้งสภาประชาชนทั้ง ๆ ที่ไม่มีกฎหมายใด ๆ รองรับ
4. ในระยะแรก กลุ่ม กปปส.เรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา เมื่อรัฐบาลยุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งแล้ว ผู้ชุมนุมก็ยังคงเรียกร้องต่อให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง แต่การเรียกร้องให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไปนั้น รัฐบาลไม่สามารถกระทำได้ตามกฎหมาย และไม่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใด ให้อำนาจรัฐบาลในการเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปได้
5. ขอเรียนว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เกิดจากการรัฐประหารที่เราไม่ได้ร่วมร่าง และพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคเดียวที่ไปแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ ส.ส. ในขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลได้พยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เนื้อหามีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถกระทำได้
6. การตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งบังเอิญเกิดขึ้นท่ามกลางการประท้วงของ กปปส. ที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ที่ กปปส.ใช้เวทีดังกล่าวบิดเบือนใส่ร้ายสร้างเรื่องเท็จโจมตีบุคคลอื่น และสร้างความเกลียดชังแตกแยกของคนในชาติ อีกทั้งสมาชิก กปปส. บางคน ได้ดูหมิ่นเหยียดหยามคนในชนบท ว่าไม่เข้าใจประชาธิปไตย และยังกล่าวอีกว่าเสียงของคนชนบท 15 ล้านเสียง มีคุณภาพน้อยกว่าเสียงคนในเมืองหลวง 3 แสนเสียง เป็นการทำลายจิตวิญญาณประชาธิปไตย และดูหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเพื่อนร่วมชาติ
7. ปรากฏชัดเจนว่าในขณะนี้ว่า การเรียกร้องทางการเมืองที่ใช้ความรุนแรง และการกระทำผิดกฎหมายอาญา ได้ทำลายภาพลักษณ์ประเทศ และทำให้เงินตราต่างประเทศไหลออกจากประเทศไทย จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง และทำให้นักลงทุนไม่มาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และทำลายโอกาสของเพื่อนร่วมชาติ ที่จะลืมตาอ้าปากได้


