มติปชป.ไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง 2ก.พ.
ปชป.บอยคอตเลือกตั้ง 2 ก.พ. ชี้การเมืองอยู่ภาวะล้มเหลวต้องปฏิรูปก่อน ยันไม่คิดขวางการเลือกตั้ง
ปชป.บอยคอตเลือกตั้ง 2 ก.พ. ชี้การเมืองอยู่ภาวะล้มเหลวต้องปฏิรูปก่อน ยันไม่คิดขวางการเลือกตั้ง
เวลา 17.15 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงถึงผลการประชุมพรรคว่า ที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคและอดีตสส.ของพรรคได้มีมติว่า พรรคจะไม่ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งสส. โดยมตินี้เป็นข้อสรุปที่เกิดจากการพิจารณาและกระบวนการที่มีความรอบคอบและการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ เลขาธิการพรรคได้ไปสอบถามสาขาพรรคทั้งประเทศและให้รองหัวหน้าพรรคในทุกภาคที่ไปปรึกษากับอดีตสส.แต่ละภาค ซึ่งได้ผลออกมาในทางเดียวกัน คือ พรรคไม่สมควรส่งสมัคร เพราะพรรคมองเห็นว่าการเมืองของไทยได้อยู่ในภาวะล้มเหลวตลอด 8-9 ปี สืบเนื่องจากระบอบประชาธิปไตยได้ถูกบิดเบือนโดยบุคคลบางกลุ่ม และทำให้วันนี้ประชาชนขาดความศรัทธาในระบบพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง
"หากสภาพนี้ยังดำรงต่อไป หมายความว่าการเมืองจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง การเมืองจะไม่ได้รับการปฏิรูป พรรคยอมรับว่าใน 8-9 ปีที่ผ่านมาได้พยายามแก้ไข แต่พรรคต้องหาแนวทางการแก้ไขได้จริง เพราะประเทศไทยได้เสียโอกาสจากการเมืองที่ล้มเหลวมาอย่างต่อเนื่อง อันเป็นการตัดโอกาสของประชาชนและประเทศไทยในการพัฒนาให้คนไทยได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สภาพนี้เป็นปัญหาซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันเป็นผู้ทำให้เกิดวิกฤต ทั้งที่มีโอกาสนำพาบ้านเมืองพ้นจากความล้มเหลวด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลที่นำโดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตอกย้ำว่ามีการใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะการยอมให้มีการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อล้มล้างคดีการทุจริตที่ศาลได้มีการตัดสินไปแล้ว และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บิดเบือนโครงสร้างอำนาจต่างตอบแทนประโยชน์ให้กับกลุ่มบุคคล แม้เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วแต่กลับแสดงท่าทีไม่ยอมรับอำนาจศาล
"พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหน้าที่ของเราในสภาฯอย่างเต็มความสามารถ สามารถชะลอยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นหลายอย่าง แม้พรรคจะได้แสดงบทบาทด้งกล่าวแต่วิกฤตที่รัฐบาลได้ก่อขึ้นได้นำไปสู่วิกฤตพรรคการเมือง ทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ไม่ใช่การให้คำตอบกับประเทศและไม่อาจทำให้เกิดการปฏิรูปประเทศได้ ซึ่งการลุกลามของวิกฤตศรัทธาที่มีต่อพรรคการเมืองทำให้การส่งผู้สมัครของพรรคไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า พรรคได้ใช้แนวทางอย่างถึงที่สุดในการพยายามให้ประชาชนเห็นด้วยเลือกตั้ง แต่พรรคค้นพบความจริงว่าประชาชนมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเพียงการช่วงชิงอำนาจแบบเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ส่วนตัวได้พยายามถึงเสนอชื่อบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นที่ยอมรับจากประชาชนให้มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายความรู้สึกของประชาชนยังยืนว่าไม่สามารถทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการปฏิรูปหลังจากการเลือกตั้งได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงสมัครแล้วการเลือกตั้งจะมีความชอบธรรมหรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบ และพรรคจะไม่ไปขัดขวางการเลือกตั้งหรือสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนอกรัฐธรรมนูญ แต่พรรคพร้อมทำงานกับประชาชนอย่างเป็นขั้น ตั้งแต่การให้ข้อเท็จจริงและระดมสมองว่าประเทศควรปฏิรูปอย่างไร เช่น การแก้ไขทุจริต ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาความยากจน กระบวนการยุติธรรม เมื่อเรารับฟังแล้วจนสามารถสร้างการยอมรับได้เราก็พร้อมกับไปเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง
"ทำไปเลยครับตั้งสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลหลังจากการเลือกตั้ง พวกผมไม่แสวงหาอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ พวกผมไม่รับตำแหน่ง พวกท่านจะเลือกตั้งก็เลือกไปแต่ผมจะรอคอยการเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยกลัวแพ้การเลือกตั้งและพิสูจน์มาแล้วว่าเมื่อเราแพ้ก็ไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยไม่ต้องมาแสดงอาการคิดถึงพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว


