posttoday

ขออำนาจอธิปไตยคืนให้ปวงชน

01 ธันวาคม 2556

วิกฤตบ้านเมืองครั้งนี้ต้องมีที่สิ้นสุด!เพียงแต่ว่าจะสิ้นสุดอย่างไร และก่อนที่จะถึงจุดสุดท้ายที่สิ้นสุดนั้น จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

วิกฤตบ้านเมืองครั้งนี้ต้องมีที่สิ้นสุด!

เพียงแต่ว่าจะสิ้นสุดอย่างไร และก่อนที่จะถึงจุดสุดท้ายที่สิ้นสุดนั้น จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จะราบรื่นหรือหลั่งเลือดรุนแรง จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ใครได้ประโยชน์ และสังคมประเทศชาติจะฟื้นฟูกอบกู้ได้หรือไม่ ประเด็นคำถามเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่คนไทยจำนวนมากครุ่นคิด บ้างก็คิดอย่างจนใจ หนักใจไร้ทางออก แต่ถ้าเรามีหลักคิดก็อาจจะนำไปสู่ทางออกนั้นได้

หลักคิดแรก “สิทธิโดยธรรมชาติ”

เป็นหลักคิดที่ริเริ่มโดยนักคิดแนวเสรีนิยม นำโดย จอห์น ล็อค ปราชญ์ชาวอังกฤษ ที่กล่าวว่า “เสรีภาพ” คือสิทธิหรืออำนาจพื้นฐานของมนุษย์ ซึ่งในภาวะธรรมชาติแล้ว มนุษย์สามารถใช้เสรีภาพได้อย่างไม่จำกัด แต่เมื่อมนุษย์มาอยู่รวมกันเป็นสังคม การใช้เสรีภาพนั้นก็ต้องมีข้อจำกัด อย่างไรก็ตามรัฐหรือผู้ดูแลสังคมก็ไม่อาจกีดกั้นหรือควบคุมการใช้เสรีภาพนั้น เว้นแต่บุคคลหรือประชาชนจะตกลงยินยอม

นำมาสู่หลักคิดที่สอง “สิทธิตามกฎหมาย”

ด้วยแนวคิดที่ว่าเสรีภาพคือพลังอำนาจ หรือ “สิทธิพื้นฐาน” ของมนุษย์ รัฐต้องให้การรับรองและค้มครอง อย่างเช่น บางประเทศได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ บางประเทศบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติ และบางประเทศก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรือกฎเกณฑ์ที่ครอบคลุมการปฏิบัติต่อกันในทางเศรษฐกิจและสังคมนั้นด้วย ทำให้สิทธิโดยธรรมชาตินั้นกลายเป็น “สิทธิตามกฎหมาย” ดังนั้นการเดินขบวนประท้วง การต่อต้านรัฐบาล และอารยะขัดขืนต่างๆ จึงถือเป็นบทบาทหน้าที่อย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย โดยอ้างถึงเสรีภาพที่มีกฎหมายรองรับ

การล้มระบอบทักษิณจึงสามารถกระทำได้

เพราะรัฐบาล “หมดสิ้นความชอบธรรม” แล้ว

เหตุผลข้อแรก ความพยายามในการนำเสนอกฎหมายช่วยคนผิด ช่วยคนโกง ที่เรียกว่า พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จนสร้างกระแสสังคมออกมาต่อต้านอย่างรุนแรง จากนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญเอาผิด 312 สมาชิกรัฐสภา รัฐบาลก็นำนักการเมืองในฝ่ายตนออกมาคัดค้าน แสดงถึงการไม่ยอมรับในกระบวนการทางกฎหมายหรือระบบนิติรัฐ

ถือว่าสิ้นความชอบธรรมทางกฎหมาย

เหตุผลข้อต่อมา รัฐบาลนี้ไม่สามารถสั่งการหรือควบคุมกลไกต่างๆ ของรัฐได้ เป็นต้นว่า กองทัพและส่วนราชการต่างๆ แม้ว่าจะได้สั่งการให้ตำรวจเข้าควบคุมผู้ชุมนุมและจับกุมแกนนำ ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะยังมีตำรวจจำนวนมากที่ไม่อยากรับใช้รัฐบาลนี้ เช่นเดียวกันกับข้าราชการจำนวนมากและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่ออกมาร่วมชุมนุมกับมวลชน ก็โดยจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อไม่ให้รัฐบาลนี้อยู่บริหารประเทศต่อไปอีก

จึงถือว่าสิ้นความชอบธรรมทางการปกครอง

เหตุผลอีกข้อหนึ่ง รัฐบาลและกลุ่มนักการเมืองที่รับใช้รัฐบาลได้ร่วมกันข่มขืนสถาบันและกระบวนการนิติบัญญัติ ใช้อำนาจรัฐปฏิเสธการตรวจสอบควบคุมจากประชาชน เมื่อประชาชนลุกขึ้นต่อต้านก็ประณามและข่มขู่ เห็นประชาชนเป็นศัตรูและดูแคลนการใช้เสรีภาพของประชาชน ทั้งยังมีพฤติกรรมฉ้อฉล โกงกิน บริหารประเทศด้วยความอยุติธรรม ไร้ความเสมอภาค แบ่งแยกประชาชน โดยการบงการจากอาชญากร

จึงสิ้นความชอบธรรมทางการเมือง

การออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลประณามขับไล่นักการเมือง และโค่นล้มระบอบสามานย์ที่ดำเนินมาเกือบหนึ่งเดือนนี้ จึงเป็นการกระทำเพื่อกอบกู้ประเทศ โดยอาศัยสิทธิอำนาจและเสรีภาพตามกฎหมาย และได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ได้แก่ มาตรา 3 อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย มาตรา 69 บุคคลย่อมมีสิทธิต่อต้านโดยสันติวิธีซึ่งการกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ และมาตรา 70 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

การต่อสู้ของประชาชนจึงมีความชอบธรรม

ดังนั้น เมื่อรัฐบาลและรัฐสภานี้ไม่ได้เป็นที่พึ่งที่หวัง ไร้ประสิทธิภาพ มีพฤติกรรมและภาพลักษณ์เสื่อมทราม และเป็นพาหะที่จะนำหายนะมาสู่ประเทศ จึงหมดสิ้นความชอบธรรม แม้จะมาจากการเลือกตั้งก็ไม่ตั้งตนอยู่ในครรลองคลองธรรม ประชาชนจึงมีสิทธิที่จะปฏิเสธรัฐบาลและรัฐสภานี้ เพื่อสถาปนาการปกครองโดยประชาชน สู่การปฏิรูปประเทศ นำความสุขสงบและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ประเทศชาติ รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนี้ไว้ให้มั่นคง ธำรงไว้ซึ่งคุณธรรมและความถูกต้องดีงามของสังคมไทยให้ยืนนาน

สภาประชาชนสามารถตั้งขึ้นได้โดยสิทธิที่พึงมี

ปวงชนชาวไทยทั่วประเทศจึงขอทวงคืนซึ่ง “อธิปไตย” คือความเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง และความเป็น “อธิปัตย์” คือผู้มีอำนาจสูงสุดตามระบอบประชาธิปไตยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ คืนมาเสียจากรัฐบาลและรัฐสภาที่สิ้นสภาพและหมดความชอบธรรมแล้วนั้นเพื่อสร้างสรรค์ระบบการเมืองตามแนวทางที่ประชาชนจะได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันพัฒนา และร่วมกันจรรโลงรักษา ในแนวทางของการปฏิรูปประเทศสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริงนั้นสืบไป

นี่คือคำแถลงขออธิปไตยคืนให้ประชาชน

ขอให้ทุกท่านที่ปฏิเสธ “รัฐบาลขี้ข้ารัฐสภาทาส” จงออกมาแสดงพลังร่วมกันในการปฏิเสธการใช้อำนาจของรัฐบาลและรัฐสภา ทั้งที่สามารถออกมาร่วมชุมนุมตามจุดต่างๆ อย่างเปิดเผย และที่ร่วมแสดงพลังอยู่ในฐานะบทบาทหน้าที่อื่นๆ ด้วยเจตนาและเป้าหมายอันเดียวกัน เพื่อร่วมกันสถาปนาการเมืองของประชาชนไปสู่การปฏิรูปประเทศ

โดยการนำของสภาประชาชน!

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี