posttoday

สุดซอย

07 พฤศจิกายน 2556

เมื่อไปถึงสุดซอยจะเจออะไร

เมื่อไปถึงสุดซอยจะเจออะไร

คำถามนี้เด็กๆ ส่วนใหญ่ก็ตอบได้ว่าเจอทางตัน

แต่ทำไมจึงมีผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมเข้าใจ กลับหลงคิดว่าการถลำเข้าไปสุดซอยเป็นทางออกที่สวยหรูสำหรับตัวเองและประเทศชาติ

ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งในทันทีที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านวาระ 3 กระแสต่อต้านก็แผ่กระจายเป็นไฟลามทุ่งไปทั่วทุกสารทิศ

ผมจะไม่บรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะมีการแบ่งปันและเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปมากแล้ว แต่จะขอพูดถึงในเชิงวิเคราะห์ ซึ่งอาจมีทั้งส่วนที่คล้ายคลึงและส่วนที่แตกต่างจากนักวิเคราะห์อื่นๆ

ก่อนอื่น ผมขอแบ่งสังคมการเมืองไทยออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสนับสนุนทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) กลุ่มที่อยู่ตรงกลาง และกลุ่มต่อต้านทักษิณ โดยกลุ่มแรกและกลุ่มหลังจะเหนียวแน่น ไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ ส่วนกลุ่มตรงกลางจะโน้มเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และกระแสในแต่ละขณะ

ทั้ง 3 กลุ่มนี้แต่เดิมมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่การเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้กลุ่มหลังอ่อนแอลง ส่วนกลุ่มตรงกลางก็เอนเอียงไปทางกลุ่มแรกมากขึ้น

หลังการเลือกตั้งไม่นาน กระแสของกลุ่มแรกก็ขึ้นถึงจุดสูงสุด จากนั้นก็เกิดการไหลย้อนกลับบางส่วน แต่เป็นการไหลกลับไปอยู่ตรงกลาง กลุ่มหลังยังขาดความเข้มแข็ง

ก่อนหน้านี้ มีความพยายามในการจุดกระแสต่อต้านรัฐบาลมาแล้วหลายครั้ง แต่จุดไม่ติด เพิ่งมาสำเร็จเมื่อมีการรวบรัดเข็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแบบสุดซอย หรือแบบเหมาเข่งออกมา

ผมจะขอพูดถึง 3 เรื่องใหญ่ๆ ที่ช่วยให้กระแสต่อต้านทักษิณลุกโชติช่วงขึ้นมา แบบที่เจ้าตัวก็คงคาดไม่ถึง ดังนี้

เรื่องแรก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล คุณทักษิณประสบความสำเร็จด้วยดีในการชี้แจงให้สังคมไทยและสังคมโลกเห็นว่าถูกการเมืองหลังปฏิวัติจงใจเล่นงานและกลั่นแกล้ง หากไม่เกิดการปฏิวัติเมื่อ 7 ปีก่อน ป่านนี้คุณทักษิณก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

แต่สิ่งที่คุณทักษิณทำไม่สำเร็จ หรืออาจจะไม่เคยพยายามด้วยซ้ำไป คือ การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง

มีคำถามที่คุณทักษิณควรตอบให้ได้ คือ หากไม่ผิดจริง กฎหมายจะเล่นงานได้หรือไม่

อย่าว่าแต่ฝ่ายต่อต้านหรือฝ่ายที่อยู่ตรงกลางเลยครับ แม้แต่ฝ่ายที่สนับสนุนอย่างเหนียวแน่น เมื่อถูกถามว่านายใหญ่ไม่เคยแปดเปื้อนคอร์รัปชั่นจริงหรือ ผมไม่เคยเจอใครที่ช่วยยืนยันให้แม้แต่คนเดียว อย่างเก่งก็บอกว่า ถ้าโกงคนอื่นก็โกงด้วย หรือถึงโกงก็ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เป็นต้น

แต่ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่คนที่มีความรู้และคนที่เข้าใจหลักกฎหมายส่วนใหญ่รับไม่ได้ เพราะกฎหมายเกือบทุกฉบับมีช่องโหว่ ไม่สามารถจับคนทำผิดทุกคนมาลงโทษ แต่เมื่อคนหนึ่งถูกจับและถูกตัดสินลงโทษ จะอ้างว่ายังมีคนอื่นที่ผิดและไม่ถูกจับ เป็นข้อต่อสู้เพื่อให้พ้นผิดไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าการถูกดำเนินคดีจะเกิดจากอุบัติเหตุทางการเมือง แต่โทษทัณฑ์ที่ได้รับไม่ใช่โทษทางการเมือง จึงเหมาเข่งอยู่ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ได้

ที่ทำได้คือการยอมกลับมารับโทษ แล้วขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ใจกว้างพอที่จะยกโทษให้ เพื่อเห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมือง

เรื่องที่สอง เรื่องการกินรวบประเทศไทย พฤติกรรมการเข้าไปล้วงลูกในหน่วยงานต่างๆ ทั้งองค์กรอิสระ กองทัพ ธนาคารแห่งประเทศไทย และอื่นๆ ทำให้เกิดความระแวงในสังคมว่า อนาคตของประเทศจะตกอยู่ในกำมือของคนกลุ่มเดียว

ผลพวงของการกินรวบประเทศไทย จะทำให้คนกรุงและคนเมืองตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะรัฐบาลจะต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาฐานเสียงในชนบทซึ่งมีจำนวนคนมากกว่า โดยอาจมองข้ามผลกระทบที่จะเกิดกับสังคมส่วนรวม

ก่อนหน้านี้ ความกังวลในเรื่องการกินรวบประเทศไทยก็เคยจุดกระแสติดมาแล้ว เห็นได้ชัดจากการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อหลายเดือนก่อน

ครั้งนี้ก็เช่นกัน คนที่ออกมาต่อต้านจำนวนหนึ่งมองเห็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการกินรวบประเทศไทย จึงจำเป็นต้องออกมาช่วยกันตัดไฟแต่ต้นลม

เรื่องที่สาม ศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลเสื่อมลง ซึ่งส่งผลไปถึงความเชื่อมั่นที่เคยมีในตัวคุณทักษิณเองด้วย เพราะประกาศกันไว้แต่ต้นว่า “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”

ตัวคุณทักษิณเองก็เคยยืนยันกับทุกคนไว้ว่า คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นโคลนนิ่งของตน

ความผิดหวังเริ่มสะสมมาตั้งแต่รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้ไม่กี่เดือน เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่เสียหายมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลพวงของความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

หลังจากนั้นก็มีอีกหลายโครงการที่มีปัญหา ที่ยังคาราคาซังคือเรื่องจำนำข้าว ที่จบไปแล้วแต่ยังมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมาคือเรื่องรถคันแรก

ที่เคยโอ้อวดว่าเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมากกว่ากลุ่มการเมืองอื่น เอาเข้าจริงกลับทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอและถดถอย

รัฐบาลพยายามชี้แจงว่า เป็นเพราะเศรษฐกิจโลกมีปัญหา แต่ผู้รู้หลายคนยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะประเทศอื่นหลายประเทศเคยเติบโตช้ากว่าเรา ปัจจุบันก็แซงหน้าเราไปแล้ว

ความผิดหวังในรัฐบาลถูกสะท้อนออกมาในภาพลักษณ์ของคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งเสื่อมลงอย่างรวดเร็วและอย่างเห็นได้ชัด

ผมคงไม่ต้องบรรยายว่า เขาล้อเลียนคุณยิ่งลักษณ์กันอย่างไรบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น ความไม่พอใจนอกจากจะทำให้มีคนออกมาร่วมต่อต้านรัฐบาลมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เหลือคนที่คอยช่วยเป็นปากเป็นเสียงให้น้อยเต็มที

ก่อนจบ ผมอยากแนะนำคุณทักษิณให้รีบส่งสัญญาณถอย เพราะถึงแม้จะดันทุรังจนกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ และคุณทักษิณสามารถกลับมาได้ในฐานะผู้บริสุทธิ์ แต่ความเสียหายโดยรวมที่เกิดกับฝ่ายสนับสนุนทักษิณอาจจะมีมากกว่า

ถอยเถิดครับ ไม่ต้องถอยเพื่อชาติ ไม่ต้องถอยเพื่อคนอื่น แต่ถอยเพื่อตัวเองและพวกพ้องก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้ว

ข่าวล่าสุด

เกาะติดเลือกตั้ง69 เจาะสนามกทม.เกมชี้ชะตา 4 พรรคการเมืองใหญ่