ดุลอำนาจ
ทุกวันนี้เราจะเห็นหรือได้ยินได้ฟังการทำงานของกลไกต่างๆ ในระบอบประชาธิปไตยกันอยู่เสมอ
ทุกวันนี้เราจะเห็นหรือได้ยินได้ฟังการทำงานของกลไกต่างๆ ในระบอบประชาธิปไตยกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะในโลกปัจจุบันนี้ที่ข้อมูลถูกส่งถึงกันอย่างสะดวกรวดเร็ว แม้ข้อมูลจะถูกปล่อยออกมาอย่างไร แต่สิ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ การวิเคราะห์ ข้อมูล ก็ยังคงต้องพึ่งพาสติปัญญาของมนุษย์
อันที่จริง หากว่าเราสามารถใช้เครื่องจักรเครื่องกลในการคิดและตัดสินใจเรื่องบ้านเมืองแทนเราได้ ก็อาจเป็นเรื่องดี เพราะโดยทฤษฎีและโดยทางปฏิบัติ เครื่องจักรเครื่องกลไม่น่าที่จะทุจริตได้ แต่ก็คงได้แต่คิดลมๆ แล้งๆ เนื่องจากเรื่องการบ้านการเมืองเป็นเรื่องของมนุษย์ มันก็เลยยุ่ง
ยกตัวอย่างในระบอบประชาธิปไตยคือ เรื่องการตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจภายในการใช้อำนาจอธิปไตยและภายนอกอำนาจอธิปไตยแต่ละอย่าง ที่ว่าคานกันภายในก็คือ อำนาจอธิปไตยนั้นมีอยู่สาม รวมกันเป็นอำนาจอธิปไตย การทำหน้าที่ของแต่ละอำนาจที่เกี่ยวโยงกัน จึงเป็นเรื่องภายในอำนาจอธิปไตย ส่วนเมื่อมองแต่ละอำนาจแยกกัน การทำหน้าที่พิจารณาการทำงานของกันและกัน จึงเป็นการกระทำภายนอกอำนาจของตน
ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบ ถ่วงดุล หรือคานอำนาจภายในหรือภายนอก ล้วนแล้วแต่เป็นหลักทฤษฎีที่แตกต่าง ซึ่งในทางปฏิบัติก็ล้วนมุ่งไปที่จุดเดียวกัน แต่สิ่งที่เราอาจจะไม่ได้คิดในลักษณะของระบอบประชาธิปไตยของไทยเรา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่าสมดุลอำนาจของอำนาจอธิปไตยนั้นก็เป็นเรื่องภายในและภายนอกของพระราชอำนาจเช่นกัน
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 บัญญัติไว้ในมาตรา 3 วรรคแรก ความว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้”
เมื่อพิจารณาจะเห็นว่าพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงใช้แทนปวงชน และพระราชอำนาจนั้นครอบคลุมถึงอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ ดังนั้นภายในพระราชอำนาจนั้น พระองค์จะทรงตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจทั้งหลายในการทรงใช้พระราชอำนาจอยู่แล้ว และภายนอกพระองค์ก็พิจารณาการตรวจสอบ ถ่วงดุล และคานอำนาจผ่านรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ถ้ากลไกภายนอกทำงานสมมาพาควร กลไกภายในก็เบาแรง
หากเราต้องการจะเป็นผู้ใหญ่ในระบอบประชาธิปไตยและทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นไปอย่างเหมาะสม ก็ต้องเรียนรู้ที่จะทำหน้าที่ให้เหมาะควร อย่าได้ทำตัวเป็นเด็กมีอะไรก็กวนผู้ใหญ่ให้เป็นที่ระคายเคืองอยู่เสมอ เมื่อคิดพิจารณาแล้วทราบได้ว่าการใดไม่ควรที่จะนำเอาไปรบกวนผู้ใด ก็อย่าตะแบงเอาแต่ใจตน เพราะจะไม่ใช่เพียงแสดงความเป็นเด็กเท่านั้น หากแต่เป็นเด็กเอาแต่ใจตนเองไปเสียฉิบ


