'หรู-เลิศ-อลังการ' ของใช้รัฐสภาไทย

โดย…ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย

การเมืองในรัฐสภาเวลานี้นอกจากจะมีประเด็นเดือดจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วใครจะคิดว่าเรื่อง 'ทรัพย์สินในรัฐสภา' จะเป็นปมหนึ่งที่เกิดการถกเถียงเช่นกัน

ประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดต้องยกให้กับการซื้อ 'นาฬิกาแขวนผนัง' ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดประเด็นไล่ขย่มว่ามีการจัดซื้อถึง 200 เรือนในวงเงินประมาณ 15 ล้านบาทโดยมีราคาเฉลี่ยเรือนละ 7.5 หมื่นบาท

ร้อนถึง 'สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์' ประธานสภาฯต้องสั่งให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯชี้แจงเป็นการด่วน ซึ่งได้คำตอบว่านาฬิกาที่จัดซื้อเข้ามามีความเที่ยงตรงเชื่อมโยงกับสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ

เช่นเดียวกับ 'ห้องประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี' ที่ตั้งอยู่ชั้น 3 ของอาคารรัฐสภา 3 ก็ถูกเพ่งเล็งเหมือนกันว่าเหตุใดสำนักงานเลขาธิการสภาฯถึงตั้งงบประมาณซ่อมบำรุงไว้ถึง 36 ล้านบาท

ปมคาใจนี้ในรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ครั้งที่ 35/2556 วันที่ 24 ก.ค.2556 ได้บันทึกคำชี้แจงของ 'สุวิจักขณ์ นาควัชระชัย' เลขาธิการสภาฯไว้พอสังเขป ดังนี้

"ห้องงบประมาณนี้ใช้งบประมาณ 36 ล้านบาท ปรับปรุงทั้ง 3 ห้อง คือ ห้องด้านหน้า ห้องกลาง และห้องด้านใน ห้องนี้ใช้มานานร่วม 8ปีแล้ว นโยบายควรจะต้องปรับปรุงใหม่ ไม่ใช่เฉพาะห้องอย่างเดียว ทั้งพรม ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ เช่น จอ ไมโครโฟนไร้สาย พวกเทคโนโลยีที่ทันสมัยตามยุทธศาสตร์ของเราคือเป็น Smart Parliament คิดว่าน่าจะคุ้มค้าเพราะว่าเราปรับทั้งระบบใหม่ทั้งหมด"

 

ขณะเดียวกันใครจะไปคาดคิดว่า 'เก้าอี้' เพียงไม่กี่ตัวจะเป็นประเด็นทางการเมืองได้ เมื่อ 'ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์' หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เปิดโปงว่าสำนักเลขาสภาฯสั่งนำเข้าโต๊ะอาหารหลุยส์ สไตล์อิตาเลียนชุดละ 1 ล้านบาท

ในหนึ่งชุดประกอบด้วย โต๊ะอาหาร ราคา 350,000 บาท และเก้าอี้ 10 ตัว ราคาตัวละ 65,000 บาท อีกทั้งยังซื้อชุดเก้าอี้ "คอฟฟี่ เซ็ท" ซึ่งบุด้วยหนังแท้อีกชุดละ 3 แสนบาท ซึ่งประกอบด้วยเก้าอี้ 2 ตัว ราคาตัวละ 120,000 บาท รวมเป็น 240,000 บาท และโต๊ะกาแฟ ราคา 60,000 บาท

เป็นผลให้เลขาธิการสภาฯต้องออกแรงชี้แจงอีกครั้งว่า "โต๊ะชุดนี้ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท จัดซื้อตั้งแต่ปลายปี 2555 ซื้อมาเพื่อต้อนรับแขกสำคัญที่มาเยือนรัฐสภา ใช้งานมาแล้ว 7-8 ครั้ง การที่พบว่าถูกนำมาวางรวมไว้ใกล้กับห้องคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ชั้น 3 อาคารรัฐสภา พร้อมกับห่อหุ้มพลาสติกเอาไว้ เป็นเพราะไม่มีที่เก็บ" 

ล่าสุดการเมืองเรื่องเก้าอี้กกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีกภายหลัง 'เชน เทือกสุบรรณ' สส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทุ่มเก้าอี้กลางห้องประชุมสภาเมื่อวันที่ 5 ก.ย.เพราะไม่พอใจการทำหน้าที่ของ 'วิสุทธิ์ ไชยณรุน' รองประธานสภาฯ

เก้าอี้ ที่ถูกบิ๊กประชาธิปัตย์รายนี้ระบายความคับแค้นใจ แหล่งข่าวในคณะกรรมาธิการ(กมธ.)กิจการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า มีมูลค่ามากถึงประมาณ 3 หมื่นบาท โดยเก้าอี้ที่อยู่ในห้องประชุมสภามีการจัดซื้อจากประเทศอิตาลีตั้งแต่ปี 2538มีขนาดน้ำหนักประมาณ 12 กิโลกรัม

แหล่งข่าวรายนี้ อธิบายอีกว่า ต่อมาในปี 2540 ได้มีภายหลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2540 ที่บัญญัติให้มีสส. 500 คน และ สว.200 คน สำนักงานเลขาธิการสภาฯจึงได้ปรับห้องประชุมใหม่และเพิ่มจำนวนครุภัณฑ์ให้สอดรับกับจำนวนของสมาชิกรัฐสภาที่เพิ่มขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใต้งบประมาณราว 120 ล้านบาท

สำหรับรูปแบบของห้องประชุมสภาในปัจจุบันเรียกว่า แบบเธียเตอร์ (นั่งหันหน้าไปทางเดียวกัน) จากเดิมเป็นรูปแบบสุ่มไก่ ซึ่งเป็นการจัดที่นั่งให้สมาชิกรัฐสภาหันหน้าเข้าหากัน โดยมีกรมโยธาธิการเป็นผู้ดำเนินการให้ทั้งหมดซึ่งในขณะนั้นได้ไอเดียมาจากห้องประชุมรัฐสภาแบบฝรั่งเศสและญี่ปุ่น

ส่วนไมโครโฟนในห้องประชุมสภาที่ได้รับความเสียหายระหว่างที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหิ้วตัว 'วัชระ เพชรทอง' สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์นั้น แหล่งข่าวจากคณะกมธ.กิจการสภาฯ ระบุว่า ไม่สามารถบอกได้มูลค่าของไมโครโฟนต่อหน่วยมีราคาเท่าไหร เพราะเวลาการตั้งงบประมาณจัดซื้อจะเป็นลักษณะการดำเนินการในภาพรวม ซึ่งในงบประมาณ 2557 ได้มีการจัดสรรงบประมาณไว้ราว65ล้านบาทเพื่อปรับปรุงระบบไมโครโฟนทุกจุดในห้องประชุมสภา