สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาในรัชกาลที่ 6
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา มีพระนามเดิมว่า ประไพ สุจริตกุล เกิดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2445 ที่บ้านคลองด่าน ปากน้ำภาษีเจริญ
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา มีพระนามเดิมว่า ประไพ สุจริตกุล เกิดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2445 ที่บ้านคลองด่าน ปากน้ำภาษีเจริญ เป็นบุตรีของ เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) และท่านผู้หญิงสุธรรมมนตรี (กิมไล้ สุจริตกุล) และเป็นน้องสาวของ พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) ซึ่งเป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกท่านหนึ่ง เนื่องจากเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี ผู้บิดาเป็นบุตรของพระยาราชภักดี (โค สุจริตกุล) น้องชายแท้ๆ ของเจ้าจอมมารดาเปี่ยม ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งภายหลังเมื่อถึงแก่อนิจกรรมแล้ว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา เพราะทรงเป็นพระชนนีของสมเด็จพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึง 3 พระองค์ และสมเด็จพระปิยมาวดียังทรงอยู่ในฐานะพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้น พระยาราชภักดี ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของสมเด็จพระปิยมาวดี รวมทั้งบุตรหลาน จึงมีความเกี่ยวข้องกับพระราชโอรสพระราชธิดาในสมเด็พระอัครมเหสีทั้งสามพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในฐานะราชินิกุลที่ใกล้ชิด
หลังจากที่คุณประไพ สุจริตกุล สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนราชินีในปี 2454 เจ้าพระยาสุธรรมมนตรีได้นำเข้าเฝ้าถวายตัวต่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว คุณประไพได้รับราชการเป็นข้าราชสำนักฝ่ายใน สนองพระเดชพระคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งวันที่ 12 ม.ค. 2464 ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสกับคุณประไพ และโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งพระสนมเอก มีราชทินนามว่า “พระอินทราณี” แล้วโปรดให้คุณท้าวภัณฑสารนุรักษ์ หัวหน้าคลังฝ่ายใน นำเงินไปพระราชทานตามพระราชประเพณี เป็นเงิน 4,000 บาท และพระนามอินทราณีนี้ เป็นพระนามหนึ่งของพระชายาของพระอินทร์
ต่อมาในวันที่ 10 มิ.ย. 2465 ทรงสถาปนาให้คุณประไพ สุจริตกุล ขึ้นดำรงพระยศเจ้านายตำแหน่งมเหสีพระองค์หนึ่ง มีพระนามเรียกขานกันว่า พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี พร้อมกับพระราชทานตราปฐมจุลจอมเกล้าอันเป็นตราชั้นสูงสุดสำหรับฝ่ายในแก่พระวรราชชายาเธอในโอกาสนี้ด้วย โดยพระนามอินทรศักดิศจี มีความหมายว่า “พระนางศจีผู้เป็นพระชายาของพระอินทร์”
พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี ทรงพระครรภ์ จึงเป็นสาเหตุให้ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี ตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสี เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2465 มีพระบรมราชโองการว่า
“พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณมาโดยซื่อสัตย์กตเวที มีความจงรักภักดีในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า จะทรงสถาปนายกย่องขึ้นให้มีพระอิสริยยศสูงในตำแหน่งพระราชินีก็ควรแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศ พระวรราชชายาเธอ พระอินทรศักดิศจี ขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี”
แต่สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี มิได้ทรงพระครรภ์จนครบกำหนดประสูติ ได้ทรงตก (แท้ง) เสียก่อนที่จะประสูติถึง 2 ครั้ง (บางตำรากล่าวว่า 3 ครั้ง) จากนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการว่าด้วยการออกพระนาม โดยโปรดฯ ให้ออกพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาแทน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2468 และโปรดฯ ให้เสด็จไปประทับยังพระที่นั่งวิมานเมฆ ภายในพระราชวังดุสิต
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ดำรงตำแหน่งสภานายิกาของโรงพยาบาลที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และพระราชทานนามว่า วชิรพยาบาล
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต ในปี 2468 สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี ทรงย้ายไปประทับยังพระตำหนักสวนนกไม้ ในพระราชวังดุสิต ต่อมาจึงทรงย้ายไปประทับที่วังคลองภาษีเจริญ จ.ธนบุรี ซึ่งเป็นบ้านของท่านเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี พระบิดานั่นเอง เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา เสด็จมาประทับเป็นการถาวรแล้ว พระบิดาจึงกั้นบริเวณที่ดินว่างเปล่าด้านหลังของบ้านซึ่งเป็นที่กว้างขวาง ให้เป็นที่ประทับ กับให้สร้างพระตำหนักสไตล์ยุโรปงดงาม เป็นพระตำหนักที่ประทับ โดยมีทางเชื่อมต่อกับตึกใหญ่ของท่านเจ้าพระยาสุธรรมมนตรีและท่านผู้หญิงสุธรรมมนตรีอีกด้วย สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ได้ประทับอยู่ ณ วังคลองภาษีเจริญนี้มาโดยตลอดท่ามกลางพระประยูรญาติอย่างอบอุ่นต่อมาอีกกว่า 40 ปี
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาตลอดพระชนม์ชีพ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2505 พระชนมายุครบ 5 รอบ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฝ้าพระราชทานน้ำพระมหาสังข์และทรงเจิม เมื่อพระชนมายุครบ 6 รอบ ในวันที่ 10 มิ.ย. 2517 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ในการบำเพ็ญพระกุศลฉลองพระชนมายุ ณ อุโบสถวัดราชาธิวาส และโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ทรงเจิมและรับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์ เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2517 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา สิ้นพระชนม์ด้วยโรคพระหทัยวายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พ.ย. 2518 เวลา 07.55 น. สิริพระชนมายุ 73 พรรษา ณ โรงพยาบาลศิริราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระโกศกุดั่นน้อย (ต่อมาทรงเลื่อนเป็นพระโกศทองน้อย) ฉัตรโหมดทอง 5 ชั้นกางกั้นเหนือพระโกศพระศพ ประดิษฐานเหนือชั้นแว่นฟ้าลายสลัก ณ ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง มีพระพิธีธรรมสวด พระอภิธรรมทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้าวันละ 8 รูป ฉันเพลวันละ 4 รูป และไว้ทุกข์ในพระราชสำนักกำหนด 15 วัน เมื่อถึงวาระการบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน ก็เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลด้วยพระองค์เอง (7 วัน) และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เสด็จฯ แทนพระองค์ (50 วัน) และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จฯ แทนพระองค์ (100 วัน) เมื่อถึงวาระพระราชทานเพลิงพระศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ พระราชทานเพลิงพระศพ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2519
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราช ชายา ทรงได้รับพระราชทานพระราชมรดกบางส่วนจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่บ้านยาง ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และพระองค์ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษา จึงพระราชทานพระตำหนักและที่ดินส่วนพระองค์สร้างเป็นโรงเรียนเพื่อให้กุลบุตร กุลธิดาชาวกำแพงแสนและประชาชนที่ต้องการให้บุตรหลานได้ศึกษาเล่าเรียน พร้อมยังพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการศึกษา และที่ดินบางส่วน สร้างหน่วยงานราชการต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียง
ชาว อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซาบซึ้งใน พระกรุณาธิคุณ และได้ร่วมกันขอพระราชานุญาตสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาในพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ และได้กำหนดให้วันที่ 30 พ.ย.ของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีมูลนิธิสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และโรงเรียนอินทรศักดิ์ศึกษาลัย (บ้านยาง) ต.ทุ่งกระพังโหม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม เป็นอนุสรณ์อีกด้วย


