ชาวสวนยางใต้ขนยางขายสุราษฎร์
เกษตรกรชาวสวนยางนครศรีฯและกระบี่แห่ขนยางขายสุราษฎร์กก.ละ 80 บาท
เกษตรกรชาวสวนยางนครศรีฯและกระบี่แห่ขนยางขายสุราษฎร์กก.ละ 80 บาท
เกษตรกรชาวสวนยาง 39 รายจาก จ.สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราชและ จ.กระบี่ นำยางพารา 186,000 กิโลกรัม มาส่งประมูลขายที่ตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี โดยมีพ่อค้ารับซื้อจาก จ.สุราษฎร์ธานี , นครศรีธรรมราชและ จ.ระยอง มาแข่งประมูลรับซื้อถึงที่จำนวน 9 ราย โดยยางแผ่นดิบความชื้นไม่เกิน 3% ได้ราคากิโลกรัมละ 75.89 บาท ส่วนยางแผ่นดิบความชื้นไม่เกิน 3-5% ได้ราคากิโลกรัมละ 75.09 บาท ซึ่งได้ส่งผลให้ราคาในท้องถิ่นขยับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 75.50 บาท น้ำยางสดกิโลกรัมละ 71.50 บาท เศษยาง กิโลกรัมละ 37.50 บาท ขณะที่ยางแผ่นรมครัวมีชาวสวนยางจาก จ.นครศรีธรรมราชและ จ.สุราษฎร์ธานี มาขาย 18 ราย น้ำหนักยาง 77,500 กิโลกรัม ส่วนของตลาดกลางยางพาราที่ จ.นครศรีธรรมราช ปิดตลาดการประมูล แต่ที่ตลาดกลาง อ.หาญใหญ่ จ.สงขลา มียางเข้าขายในตลาด 367,200 กิโลกรัม
นายธีระยุทธ สุ้นสกุล ชาวสวนยางพารา อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคายางพาราอยู่ที่กิโลกรัมละ 80บาท เกษตรกรก็สามารถอยู่ได้ แต่หากจะให้มีกำไรบ้างต้องกิโลกรัมละ 90- 100 บาท ซึ่งสอดคล้องกับราคายางพาราปัจจุบันที่อยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 76 บาท หากเปรียบเทียบราคาที่เกษตรกรอยู่ได้ที่ 80 บาทก็ขาดส่วนต่าง 5-6บาทเท่านั้น
“ผมมีสวนยางพาราประมาณ 250 ไร่ผลิตยางได้เดือนละประมาณ 8 ตัน ชึ่งหากราคายางพาราในขณะนี้ประมาณ 75 บาททำให้เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วมีรายได้ประมาณ 3 แสนบาท ชึ่งถือได้ว่ายังพออยู่ได้” นายธีระยุทธ กล่าว
นายสุพจน์ พริมขจีพงศ์ ชาวสวนยางพารา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ราคากิโลกรัมละ 80 บาทก็อยู่ได้ มีเนื้อที่ 25ไร่สามารถผลิตยางได้ประมาณ 1 ตันต่อเดือน มีรายได้ประมาณ 2-3 หมื่นบาท ซึ่งมองว่าส่วนหนึ่งชาวสวนต้องรู้จักประหยัดและใช้เกษตรพอเพียง
ด้านนายพนัส แพชนะ ผู้อำนวยการตลาดกลางยางพาราสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า จากการชุมนุมประท้วงของชาวสวนยางพาราที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งยืดเยื้อมากว่า 7 วัน ในส่วนการประมูลซื้อขายยางพาราไม่ได้รับผลกระทบยังมีเกษตรกรนำยางแผ่นมาจำหน่ายตามปกติ แม้ว่าเกษตรกรในพื้นที่บางส่วนไปร่วมการชุมนุม ซึ่งตั้งแต่มีการชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้แก้ไขราคายางตกต่ำนั้นกลับส่งผลให้การประมูลยางพาราที่ตลาดกลางสุราษฎร์ธานี มีราคาขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะยางแผ่นดิบจากเดิมอยู่ที่ระดับ 60 กว่าบาท มาอยู่ที่ 75 บาท
“สาเหตุเนื่องมาจากมีการหยุดกรีดยางและร้านรับซื้อยางบางส่วนปิดทำการไปร่วมชุมนุมประท้วงส่งผลให้ผลผลิตยางเข้ามาน้อย ขณะเดียวกันยางพาราที่เข้ามาที่ตลาดกลางเป็นยางแผ่นที่มีคุณภาพ การประมูลของผู้ซื้อยางจึงให้ราคาสูง ขณะเดียวกันเป็นการซื้อไว้เพื่อเก็งกำไรเนื่องจากผู้ค้ายางประเมินว่ารัฐบาล อาจจะออกมาตรการมาแก้ไขปัญหาโดยประกันราคาในระดับไม่ต่ำกว่า 80 บาทจะดึงราคายางในตลาดให้สูงขึ้น” นายพนัส กล่าว


