posttoday

ที่นี่สีลมจากถนนเศรษฐีสู่ประวัติศาสตร์การเมือง

25 เมษายน 2553

"เมื่อคนกลุ่มหนึ่งต้องการยึดสีลมเป็นตัวประกัน เพื่อสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เราจะไม่ยอม เพราะเชื่อว่าคนสีลมตลอดถนนเส้นนี้ได้เสียภาษีให้กับประเทศไทยมากพอควร"

"เมื่อคนกลุ่มหนึ่งต้องการยึดสีลมเป็นตัวประกัน เพื่อสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เราจะไม่ยอม เพราะเชื่อว่าคนสีลมตลอดถนนเส้นนี้ได้เสียภาษีให้กับประเทศไทยมากพอควร"

โดย...เบญจมาศ เลิศไพบูลย์

หากจะพูดว่าถนนราชดำเนินคือถนนที่ผ่านประวัติศาสตร์ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ทั้งคราบเลือดและหยาดน้ำตา เหตุการณ์ค่ำคืนวันที่ 22 เม.ย. 2553 ถนนอัครมหาเศรษฐี “สีลม” ก็ควรถูกจรดบันทึกประวัติศาสตร์ ถนนพระแม่ธรณีกลืนเลือด

ก่อนหน้าเหตุการณ์ค่ำคืนแห่งความเลวร้าย การต่อสู้ของมวลชนคนงานคอปกขาวที่รวมตัวถอดสูท สลัดเนกไท ร้องเพลงชาติกลางถนนช่วงเที่ยงถึงบ่ายต่อเนื่อง 4-5 วัน เรียกร้องให้คนเสื้อแดงยุติการชุมนุม โดยใช้ร่มเงาใต้รถไฟฟ้าสถานีศาลาแดง หน้าอาคารสีลม คอมเพล็กซ์ โบกสะบัดธงไตรรงค์ ตะโกนสุดเสียง “รักชาติออกมา” ก็น่าสะท้อนความอัดอั้นสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ได้อย่างดี

***************

สีลมไม่เหมือนเดิม สีลมเปลี่ยนไปแล้ว ...

ที่นี่สีลมจากถนนเศรษฐีสู่ประวัติศาสตร์การเมือง

คำกล่าวนี้น่าใช้ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นบนถนนของผู้มีอันจะกินในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา หลังคนเสื้อแดงประกาศขยายพื้นที่การชุมนุมแยกราชประสงค์เข้าสู่ถนนสีลม

คล้อยหลังแกนนำของกลุ่มเสื้อแดงประกาศจะมาปักหลักตั้งเวทีหน้าธนาคารกรุงเทพเพียงหนึ่งวัน กลับกระตุ้นการต่อต้านของคนสีลม จนเกิดปรากฏการณ์คลื่นคนคอปกขาวถือธงชาติ ถือพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดินลงจากอาคารสำนักงานในช่วงเที่ยงอย่างพร้อมเพรียง เพื่อมารวมกลุ่มหน้าอาคารสีลม คอมเพล็กซ์ ต่อต้านคนเสื้อแดง

บรรยากาศใต้ร่มเงารถไฟฟ้าศาลาแดงเกือบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเต็มไปด้วยความคึกคัก หึกเหิม เกรี้ยวกราด โกรธขึง หลากอารมณ์คละเคล้ากันไป แม้กลุ่มคนส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มปัญญาชนผู้มีการศึกษา และสถานะทางสังคมที่ดีเมื่อเทียบกับคนเสื้อแดงที่ไม่ใช่แกนนำ

การตะโกน “รักชาติออกมา” “ทักษิณออกไป” หรือร้องเพลง เราสู้ รักกันไว้เถิด อาจสร้างความฉงนสงสัยให้กับบรรดาผู้นั่งรถประจำทางที่ผ่านไปมา เพราะอย่างน้อยสังคมก็เกิดคำถามว่า เหตุใดกลุ่มคนชั้นกลาง กลุ่มคนคอปกขาว ซึ่งเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจ ธุรกิจ จึงไม่เห็นดีเห็นงาม และเกลียดนายทุนที่กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ ชินวัตร” ได้อย่างเข้าไส้

วิภา ภิญโญโชติวงศ์ อายุ 51 ปี พนักงานบริษัท เอ็ดเน็ท ตั้งอยู่บนอาคารซิลลิค เฮ้าส์ หัวถนนสีลม หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมทุกช่วงเที่ยง ระบายความอัดอั้นกลางแดดเปรี้ยง เหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า

“สีลมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย สีลมเป็นแหล่งเศรษฐกิจ เป็นหลอดเลือดใหญ่ที่สำคัญของประเทศ และสีลมเป็นเหมือนบ้านของเรา พี่ทำงานที่นี่มา 20 ปี พี่จะไม่ยอมให้ใครมาบุกบ้านพี่ และคนอื่นก็คงคิดเหมือนพี่ จึงออกมาร่วมกันปกป้อง เมื่อคนกลุ่มหนึ่งต้องการยึดสีลมเป็นตัวประกัน เพื่อสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เราจะไม่ยอม เพราะพี่เชื่อว่าคนสีลมตลอดถนนเส้นนี้ได้เสียภาษีให้กับประเทศไทยมากพอควร ฉะนั้นเราจึงมีสิทธิปกป้องบ้านของเรา” วิภา กล่าว

เธอบอกว่า ทำงานที่สีลมตั้งแต่ธนาคาร กสิกรไทยยังไม่สร้าง หากจะว่าไปถนนเส้นนี้กลับมีประวัติศาสตร์มากมายที่เธอก็เคยออกมาร่วมเป็นส่วนหนึ่ง เป็นถนนที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง และมีประวัติศาสตร์ทางการเมือง ตั้งแต่การร่างพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญ (รธน.) ในปี 2540

วิภาย้อนอดีตในช่วงนั้นว่า เป็นครั้งแรกของการรวมกลุ่มคนสีลมที่ออกมาร่วมขับเคลื่อนให้มีการรับร่างพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญ 2540 จากนั้นเป็นยุคที่บ้านเมืองเกิดปัญหาจากการลอยตัวค่าเงินบาทยุค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี คนสีลมก็ได้ออกมารวมตัวชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่ พล.อ.ชวลิต ก่อนจะถึงยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และเกิดการต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งขณะนั้นคนสีลมก็ได้ออกมาร่วมกับคนเสื้อเหลืองต่อต้านรัฐบาลทักษิณ จนเป็นที่มาของการขว้างปาสิ่งของจากอาคารชั้นบน ในขณะที่ทักษิณกำลังเดินเยี่ยมแม่ค้าในซอยละลายทรัพย์ เป็นข่าวเกรียวกราวโด่งดังไปทั่ว

จนล่าสุด เกิดการต่อต้านคนเสื้อแดงโดยคนสีลม

“ไม่ใช่คนสีลมจะไม่ชอบคนเสื้อแดงทั้งหมด พี่อยากให้เข้าใจว่าเราไม่ได้ดูถูกคนจน แต่พี่เชื่อว่าคนสีลมส่วนใหญ่ไม่ชอบความอหังการของแกนนำเสื้อแดง ซึ่งคนสีลมเป็นคนชนชั้นกลาง มีการรับรู้ข่าวสาร ฉะนั้นในอีกมุมหนึ่งต่อให้เราไม่เอาคนเสื้อแดง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราต้องเข้าข้างรัฐบาล มันเป็นคนละส่วนกัน หากรัฐบาลมีใจอยุติธรรม เราก็ไม่เอารัฐบาล เพียงแต่คนสีลมต้องการเห็นบ้านเมืองเติบโต และเรามองว่าการกระทำของคนเสื้อแดงครั้งนี้ ไม่มีเหตุผล แกนนำอหังการอย่างไรจะมาปิดถนนสีลม พวกเราทนไม่ไหว เราต้องการความสงบกลับคืนมา เพราะนี่คือการแสดงพลังโดยสันติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกเราออกมา และจะออกมาทุกวันจนกว่าเสื้อแดงจะหยุด” น้ำเสียงของเธอหนักแน่น

อีกเหตุผลหนึ่งของวิภาที่ปะทุขึ้นพร้อมกับการแสดงออกครั้งนี้ คือ การไม่เอาทักษิณ

“พี่เชื่อว่าคนเสื้อแดงหลายคนที่ออกมา เป็นชาวบ้านธรรมดา พวกเขาเรียกร้องด้วยใจบริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาเดือดร้อนก็ต้องเรียกร้อง แต่แกนนำไม่ใช่ พี่เชื่อว่าแกนนำทำเพื่อทักษิณ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยมีประชาชนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือ เพื่อให้ทักษิณได้กลับมา ถ้าถามว่าทำไมพี่ไม่ชอบทักษิณ คนอย่างนี้นะเหรอที่เอาโครงการประชานิยมมาทำให้คนจนยิ่งจนมากขึ้น และนำคนมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ใช้ประชานิยมเพื่อโกงบ้านนี้เมืองนี้ หากพี่เป็นทักษิณ วันหนึ่งที่พี่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าตัวเองรวยขนาดนี้ พี่จะทำความดี เอาเงินมาช่วยเหลือสังคม ถึงอยากบอกว่าทักษิณ คุณหยุดเถอะ แล้วทำดีให้กับสังคม คุณทำอย่างนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

พนักงานสีลมผู้นี้ยืนยันว่า ต้องการให้รัฐบาลทำหน้าที่ต่อไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลจัดการผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นประเทศนี้ใครทำผิด หรือจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ

สำหรับตัวเธออยู่ในระดับหัวหน้างาน ซึ่งได้ให้สิทธิลูกน้องเต็มที่ในการแสดงออกทางการเมือง ไม่ว่าพนักงานคนนั้นจะเป็นเสื้อแดง เสื้อเหลือง หรือเสื้อหลากสี หากพนักงานรายใดต้องการมาร่วมชุมนุม ก็ถือเป็นสิทธิ เพราะช่วงพักเที่ยงไม่ใช่ช่วงเวลางาน

ด้าน บวร ยสินทร หนึ่งในแกนนำปราศรัยบนถนนสีลม ยอมรับว่า เป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เมื่อเห็นว่าคนสีลมไม่เอาเสื้อแดง และไม่ต้องการให้รัฐบาลยุบสภา จึงออกมาร่วมสนับสนุน โดยมองว่าการรวมตัวของคนทำงานในสีลม ถือเป็นต้นแบบของการปกป้องพื้นที่ด้วยตัวเอง ซึ่งทุกชุมชนควรจะออกมาปกป้องพื้นที่หากไม่เห็นด้วยกับการปิดพื้นที่ของคนเสื้อแดง ถือเป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยเหลือกัน หากได้รับความเดือดร้อนก็ต้องออกมาแสดงพลัง เพราะคนที่ทำงานไม่สามารถทำงานได้ เจ้าของกิจการก็เดือดร้อน และหากสถานการณ์ยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็จะส่งผลกระทบต่อลูกจ้าง

ความรู้สึกอัดอั้นของบวรในตอนนี้คือ วิธีการของรัฐบาลในบางเรื่องก็ทำไม่ถูกใจประชาชน โดยเฉพาะการจัดการคนเสื้อแดงไม่ให้ขยายพื้นที่การชุมนุม รัฐบาลมีความรู้สึกช้า ทำงานได้ล่าช้า กลายเป็นคนเสื้อแดงจะขยายพื้นที่ไปมุมถนนใดก็ได้ การสร้างความเดือดร้อนในรูปแบบนี้ เมื่อรัฐบาลจัดการไม่ได้ คนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องออกมาแสดงพลัง เป็นการปกป้องพื้นที่ของตัวเอง

“เราต้องการให้รัฐบาลทำงานต่อไป ทุกคนต่างมีหน้าที่ต้องทำ แม้วิธีการบางอย่างของรัฐบาลทำไม่ถูกใจก็ต้องว่ากันไป ทั้งที่ผมคิดว่ารัฐบาลควรจัดการได้ดีกว่านี้ เพราะรัฐบาลมีความชอบธรรมตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่เมื่อรัฐบาลไม่ทำอะไร ประชาชนก็ต้องออกมาร่วมกดดัน หากรัฐบาลจัดการไม่ได้ก็เป็นเรื่องของประชาชน” บวร กล่าว

ขณะที่พนักงานบริษัทเอกชนบนถนนสีลมรายหนึ่ง กล่าวว่า ทำงานในสีลมมา 13 ปี เคยเห็นทั้งสมัยเสื้อเหลือง จนมาถึงเสื้อแดงวันนี้ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการสร้างความเดือดร้อนให้คนละแวกสีลม จึงต้องออกมาเรียกร้อง เพราะอยากให้ทุกอย่างกลับคืนมาเป็นปกติ ต้องการให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี

“เราอยากให้ทุกอย่างกลับคืนมา หมายถึงภาวะปกติทุกอย่าง พวกเราเป็นคนของแผ่นดิน จะไม่ยอมให้แผ่นดินถูกคุกคาม แล้วพวกเราก็ไม่ใช่เสื้อเหลือง เพียงแต่เป็นคนส่วนหนึ่งที่มีสิทธิตามกฎหมาย ตามระบอบประชาธิปไตยที่ต้องการออกมาเรียกร้องสิทธิคืน พวกเรากำลังถูกลิดรอนสิทธิจากคนกลุ่มหนึ่ง” พนักงานรายนี้กล่าว

ด้านพนักงานโรงแรมย่านสีลมรายหนึ่ง อายุ 27 ปี ออกมาช่วยถือป้ายผ้า “เรามีประชาธิปไตยดีอยู่แล้ว เราไม่เห็นด้วยกับการยุบสภา คนไทยร่วมใจปกป้อง เคารพสิทธิของผู้เห็นต่าง” กล่าวว่า ออกมาเพื่อให้กำลังใจรัฐบาล และบริษัทก็รู้ว่าออกมา หัวหน้าก็เห็นด้วยกับการออกมาครั้งนี้ เพราะตอนนี้โรงแรมที่ทำงานอยู่ได้รับผลกระทบมาก นักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพักจำนวนมาก เพราะถนนถูกปิดทั้งด้าน|หน้าด้านหลัง โดยทำงานในโรงแรมนี้มา 6 ปีแล้ว

“จะออกมาร่วมทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะสงบ ทหารมาอยู่ที่นี่ เราก็ไม่ได้กลัวทหาร เพราะทหารให้ความอุ่นใจ แต่กลัวแค่การปะทะ ไม่อยากให้เสื้อแดงเข้ามา ไม่อยากให้เข้ามาปะทะกัน” พนักงานรายนี้กล่าว

สมชาย พนักงานบริษัทเอกชนอีกราย กล่าวว่า บริษัทไม่ว่าที่ออกมาร่วมชุมนุม เพราะเป็นช่วงเวลาพักกลางวัน แต่ขอให้กลับเข้าไปทำงานปกติในเวลางาน โดยจะออกมาทุกวัน เพื่อให้คนเสื้อแดงเห็นว่า มีคนที่ต้องการความสงบสุข อยากให้หยุดการชุมนุม

“ถนนสีลมเป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ถ้าเสื้อแดงมายึดพื้นที่ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจประเทศทันที ทุกคนควรเคารพกฎหมาย อยากขอร้องให้พวกเขาหยุด และใช้วิธีสันติ เจรจากัน อย่าเอาเศรษฐกิจประเทศเป็นตัวประกัน เราคนไทยด้วยกันไม่ควรทำให้ชาติบ้านเมืองต้องตกต่ำไปกว่านี้” สมชาย กล่าว

สำหรับป้ายผ้าที่เครือข่ายประชาคมชาวสีลมระบุมีข้อความต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับทักษิณ เช่น “ห่วงลูกๆ ต้องให้หนีไปต่างประเทศก่อนเสี่ยงตาย แต่ทำไมต้องโกหกคนเสื้อแดงว่าไปนิทรรศการ?” “ทักษิณ! ถ้าไม่มีหลักฐานจะต่อสู้ หยุด! ต่อสู้ด้วยการทำร้ายประเทศชาติ แผ่นดินเกิด” “ถ้าพรรคการเมือง เสียงไม่พอตั้งรัฐบาล ก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ช่วยประชาชนตรวจสอบรัฐบาล ไม่ก่อม็อบ แฝงก่อการร้าย ทำลายประเทศ”

กระทั่งซอยเล็กๆ แต่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ “ซอยละลายทรัพย์” ความรู้สึกอัดอั้นยังวิ่งทะลุเข้าถึง

แม่ค้าขายเสื้อผ้าในซอยละลายทรัพย์ สอบถามเราว่าอยู่สำนักพิมพ์ใด ความรู้สึกของคนขณะนี้เริ่มหวาดระแวงว่าคนที่กำลังพูดด้วยอยู่ฝ่ายเดียวกับตัวเองหรือไม่

“ขายของได้น้อย แต่ไม่เป็นไร ยอมให้ทหารมาอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นมันไม่มา ขายน้อยก็ไม่เป็นไร แม่ค้าที่นี่รวย ลูกค้ารวย คนที่นี่รวย ทหารมาอยู่ที่นี่กินดีอยู่ดี ไม่ต้องห่วง ขออย่าให้พวกมันมา ถ้ามันมาชั้นคนหนึ่งนี่แหละจะออกไป น้องจำได้มั้ยวันที่ทักษิณมาในละลายทรัพย์ แล้วเป็นไง ที่นี่ไม่ใช่สีเหลือง ที่นี่ไม่ใช่สีแดง แต่ที่นี่สีลม อย่าโผล่มาก็แล้วกัน” แม่ค้าในซอยละลายทรัพย์กล่าวอย่างมีอารมณ์ ก่อนเพื่อนๆ ซึ่งเป็นแม่ค้าร้านข้างกันพูดชวนกันว่า “ไป ไปกัน เดี๋ยวเย็นนี้ไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ๊ไปมั้ย”

ณ วันที่รัฐบาลใส่เกียร์ว่าง การปกป้องพื้นที่ของคนในชุมชน จึงเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อไม่สยบยอมต่อความอหังการของคนเสื้อแดง ก็ต้องทำอย่างที่เห็นๆ

 

ข่าวล่าสุด

ผู้ว่า ธปท. ห่วงบาทแข็งเร็ว สั่งตรวจเข้มทำธุรกรรมซื้อขายดอลลาร์