เปิดทรัพย์สินครม.ปู5 "พงศ์เทพ"รวยสุดกว่า3พันล้าน
ปปช. เปิดบัญชีทรัพย์สินครม.ปู 5 "พงศ์เทพ" รวยสุด กว่า3,085 ล้านบาท "พ้อง" น้อยสุดแค่ 10 ล้าน ขณะที่ "ยิ่งลักษณ์" รวย 601 ล้านบาท
เปิดสมบัติครม.ปู 5 พบ 'ยิ่งลักษณ์' กู้เงิน 'ทักษิณ' 27 ล้าน แบบไร้ดอกเบี้ยซื้อที่ดินย่านบางกะปิ ด้าน พงศ์เทพ ครองแชมป์รวยสุด 3 พันล้าน
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ทั้งกรณีเข้ารับตำแหน่ง และ กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2556 หรือ คณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 5 โดยมีเนื้อหาน่าสนใจดังนี้
สำหรับกรณีเข้ารับตำแหน่งมีทั้งสิ้นจำนวน 18 ราย ประกอบด้วย
1.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคู่สมรส(ไม่จดทะเบียน)และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 601,660,181.26 บาท
2.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 137,532,355.18 บาท
3.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 394,400,059.40 บาท
4.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 3,085,369,466.02 บาท
5.นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 18,356,728.58 บาท
6.พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 312,287,946.11 บาท
7.นางเบญจา หลุยเจริญ รมช.คลัง พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 181,028,084.48 บาท
8.นางปวีณา หงสกุล รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 43,028,637.55 บาท
9.นายวราเทพ รัตนากร รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 23,055,446.23บาท
10.นายพ้อง ชีวานันท์ รมช.คมนาคม พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 10,988,434.40 บาท
11.นายวิเชษฐ์ เกษมทองศรี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 364,166,134.29 บาท
12.นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 16,354,229.15 บาท
13.นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย พร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 47,087,080.41 บาท
14.นายชัยเกษม นิติศิริ รมว.ยุติธรรม พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 152,709,376.73 บาท
15.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 171,283,646.82 บาท
16.นายพีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 69,402,618.94 บาท
17.นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 118,838,359.94 บาท
18.นายสรวงศ์ เทียนทอง รมช.สาธารณสุข พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 180,977,420.29 บาท
ทั้งนี้ในรายการทรัพย์สินและหนี้สินของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความน่าสนใจตรงที่รายการหนี้สิน ซึ่งได้แจ้งกับป.ป.ช.ว่ามีหนี้สินจำนวน 27 ล้านบาท โดยพบว่าการกู้เงินมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนนตรี เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2555 เพื่อนำเงินไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 115536 ตำบล คลองกุ่ม อำเภอบึงกุ่ม (บางกะปิ) กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้บันทึกการรับสภาพหนี้มาให้ป.ป.ช.ลงวันที่ 14 มิ.ย.2556 โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ลงนามในฐานะผู้รับสภาพหนี้ และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ลงนามในฐานะพยาน ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้
"ตามที่ข้าพเจ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารี เลขที่บัญชี 127-4-20316-3 แเต่เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขที่ อม.1/2553 ว่าเงินในบัญชีเงินฝากดังกล่าวบางส่วนประมาณ 77 ล้านบาท เป็นเงินที่ไดจากการขายหุ้น ซึ่งเป็นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่ในความครอบครองของข้าพเจ้า ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้อนุญาตให้ข้าพเจ้าสามารถยืมเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้จ่ายทั้งหมด หรือบางส่วนโดยไม่มีดอกเบี้ย...
...เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2555 ข้าพเจ้าจึงได้นำเงินในส่วนของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 27 ล้านบาท (ยี่สิบเจ็ดล้านบาทถ้วน) รวมกับเงินของข้าพเจ้าไปซื้อโฉนดที่ดิน เลขที่ 115536 ตำบล คลองกุ่ม อำเภอบึงกุ่ม (บางกะปิ) กรุงเทพมหานคร ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอทำบันทึกการรับสภาพหนี้ฉบับนี้ไว้เพื่อเป็นหลักฐานแห่งหนี้ว่าข้าพเจ้าไปยืมเงินจำนวน 27 ล้านบาทจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร"
สำหรับกรณีรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2556มีทั้งสิ้นจำนวน 16 ราย
1.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯ พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 171,283,646.82 บาท
2.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯและรมว.ศึกษาธิการ พร้อมคู่สมรสและบุตรยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 3,085,369,466.02 บาท
3.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล พ้นจากตำแหน่งรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 137,532,355.18 บาท
4.น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ พ้นจากตำแหน่งรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 56,224,602.27 บาท
5.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต พ้นจากตำแหน่งรมว.กลาโหม พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 51,849,755.71 บาท
6.นายสันติ พร้อมพัฒน์ พ้นจากตำแหน่งรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 18,356,728.58 บาท
7.นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร พ้นจากตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 6,151,259.50 บาท
8.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พ้นจากตำแหน่งรมช.คมนาคม พร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 42,071,892.33 บาท
9.นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข พ้นจากตำแหน่งรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พร้อมคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 31,532,654.33 บาท
10.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ พ้นจากตำแหน่งรมว.พาณิชย์ พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 17,970,312.89 บาท
11.พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก พ้นจากตำแหน่งรมช.มหาดไทย พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 1,101,746,212.93 บาท
12.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พ้นจากตำแหน่งรมว.ยุติธรรม พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 394,400,059.40 บาท
13.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พ้นจากตำแหน่งรมว.แรงงาน พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 37,535,535.71 บาท
14.นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล พ้นจากตำแหน่งรมว.วิทยาศาสตร์ฯ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 21,563,867.67 บาท
15.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว พ้นจากตำแหน่งรมช.สาธารณสุข พร้อมคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 4,541,337.34 บาท
16.นายฐานิสร์ เทียนทอง พ้นจากตำแหน่งรมช.อุตสาหกรรม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินเป็นจำนวน 45,608,937.44 บาท


