posttoday

เปรียบบุคคลกับฝนฟ้า

25 สิงหาคม 2556

ในฤดูฝนเช่นนี้ ย่อมมีฝนตกฟ้าร้องเป็นธรรมดา บางครั้งฟ้าร้อง เมฆดำมืดมา แต่ฝนกลับไม่ตก บางครั้งดูไม่เหมือนฝนจะตก ท้องฟ้าก็ยังสดใส

ในฤดูฝนเช่นนี้ ย่อมมีฝนตกฟ้าร้องเป็นธรรมดา บางครั้งฟ้าร้อง เมฆดำมืดมา แต่ฝนกลับไม่ตก บางครั้งดูไม่เหมือนฝนจะตก ท้องฟ้าก็ยังสดใส แต่กลับมีพายุผ่านเข้ามาโดยฉับพลันฝนก็ตกลงมาอย่างหนักก็มี เรื่องของฝนฟ้านั้น ในพระไตรปิฎกคัมภีร์ปุคคลบัญญัติ ได้เปรียบบุคคลด้วย “วลาหก” (แปลว่า “ก้อนเมฆ” ซึ่งก็คือ เมฆฝน เมื่อมีเมฆฝน ฟ้าก็ร้อง) ไว้ 4 อย่าง คือ

1.ฟ้าร้อง ฝนไม่ตก

2.ฝนตก ฟ้าไม่ร้อง

3.ฟ้าร้อง ฝนตก

4.ฟ้าไม่ร้อง ฝนไม่ตก

วลาหก 4 อย่างนั้นเป็นอย่างไร บุคคลเปรียบด้วย วลาหก 4 อย่างนี้มีอยู่ในโลก

ประเภทที่ 1 คือ บุคคลเปรียบเหมือน ฟ้าร้อง ฝนไม่ตก หมายถึง คนที่เป็นผู้พูด แต่ไม่ทำ อย่างนี้นับว่าเป็นคนเหมือนฟ้าร้องแต่ฝนไม่ตก คือ ฟ้านั้นร้อง เหมือนกับเขาพูด แต่แล้วฝนไม่ตก เพราะเขาไม่ทำอย่างที่พูดนั้น

ประเภทที่ 2 คือ บุคคลเปรียบเหมือน ฝนตก ฟ้าไม่ร้อง หมายถึง คนที่เป็นคนทำ แต่ไม่พูด อย่างนี้นับว่าเป็นคนเหมือนฝนตก แต่ฟ้าไม่ร้อง

ประเภทที่ 3 คือ บุคคลเปรียบเหมือน ฟ้าร้อง ฝนตก หมายถึง คนที่เป็นผู้พูดด้วย แล้วก็ทำด้วย อย่างนี้นับว่าเป็นคนเหมือนฟ้าร้องและฝนตก

ประเภทที่ 4 คือ บุคคลเปรียบเหมือน ฟ้าไม่ร้อง ฝนไม่ตก หมายถึง คนที่ไม่พูดและไม่ทำ อย่างนี้นับว่าเป็นคนเหมือนฟ้าไม่ร้อง และฝนก็ไม่ตกด้วย

เรื่องประเภทของคนเหล่านี้ อ่านดูก็คงเข้าใจได้ไม่ยากและเห็นกันอยู่ทั่วไป อย่างไรก็ตาม ในอรรถกถาท่านอธิบายเพิ่มไว้ ว่าความจริงแล้วสิ่งที่ดีที่สุดนั้นควรเป็น ฟ้าร้องแล้วฝนก็ตกด้วย ท่านเปรียบไว้ว่า เมื่อมีฟ้าคำราม มีเมฆฝน แล้วฝนไม่ตกย่อมไม่ดี เพราะคนทั้งหลายเชื่อว่าฝนจะตก คือฝนตั้งเค้ามาแล้ว ก็นำพืชพรรณออกมาหว่าน คิดว่าฟ้าร้องแล้ว ฝนก็จะตกลงมา เมื่อหว่านเมล็ดพืชแล้ว ก็จะเติบโตงอกงาม ครั้นเมื่อฝนไม่ตก พืชที่อยู่ในนาก็พินาศไปในนานั้นแหละ พืชที่อยู่ในบ้านก็เสียหายไปในบ้าน เพราะฉะนั้น ทุพภิกขภัย ย่อมมี นี้ชื่อว่าเป็นบาป คือ ไม่ดีนั่นเอง

แม้ภาวะที่ฟ้าไม่ร้อง แต่ฝนตกก็ไม่ดีอีกเช่นกัน เพราะว่า คนทั้งหลาย ย่อมกระทำการหว่านพืชในนาลุ่มนั่นเทียวด้วยคิดว่า เวลานี้ฝนจักแล้ง ทีนั้นฝนก็เกิดตกขึ้น ได้ยังพืชทั้งหลายให้จมน้ำ ถูกน้ำพัดไปเสียหาย ในกาลเช่นนี้ทุพภิกขภัยย่อมมีเช่นกัน เป็นบาป คือ ไม่ดี

ส่วนภาวะที่ ฟ้าร้องแล้วฝนตก นับว่าเป็นความเจริญ เพราะว่าเวลานั้นเป็นเวลาที่มีภิกษาหาได้ง่าย

ส่วนภาวะที่ฟ้าก็ไม่ร้อง ฝนก็ไม่ตก ชื่อว่าเป็นบาปหนัก คือไม่ดียิ่งทีเดียว

สำหรับชาวไทยคงจะเข้าใจข้อความเหล่านี้ได้ดี แม้ผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกร แต่อาจอุปมาได้ถึงตอนเมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา หลายคนถูกน้ำท่วมไม่ได้เตรียมการ บางคนเตรียมการแต่น้ำไม่ท่วม นับว่าลำบากกันมากทีเดียว หากนำเรื่องนี้มาคิดแล้ว ต่อไปจะทำอะไรก็ควรบอกกล่าวก่อน พูดจาอะไรไว้แล้วก็ควรกระทำตาม การบอกว่าจะทำแล้วไม่ทำ เช่น จะใช้หนี้แล้วไม่ใช้ เป็นต้น อย่างนี้ผู้ที่เชื่อคำพูดย่อมเดือดร้อน เป็นต้น

นอกจากนั้น อรรถกถาท่านยังอธิบายอีกว่า

บุคคลบางคน กล่าวว่า จะบำเพ็ญคันถธุระ หรือจักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ แต่แล้วก็ไม่กระทำตามที่พูด คือไม่ถือเอาอุเทศ และไม่เจริญกรรมฐาน

บุคคลบางคนไม่กล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจักบำเพ็ญคันถธุระ หรือจักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว เขาย่อมยังประโยชน์นั้นให้สำเร็จ

นอกจากนั้นท่านยังกล่าวถึงเรื่องการถวายปัจจัย เช่น ทายกคนหนึ่ง นิมนต์พระสงฆ์ด้วยวาจาว่า “ข้าพเจ้าจักถวายทานในวันโน้น” ครั้นถึงเวลาแล้วก็ไม่กระทำ ผู้นี้ย่อมเสื่อมจากบุญ แม้ภิกษุสงฆ์ก็ย่อมเสื่อมจากลาภ (เปรียบได้กับฟ้าร้อง ฝนไม่ตก)

หากนำเรื่องนี้มาคิดแล้ว ต่อไปจะทำอะไรก็ควรบอกกล่าวก่อน พูดจาอะไรไว้แล้วก็ควรกระทำตาม การบอกว่าจะทำแล้วไม่ทำ เช่น จะใช้หนี้แล้วไม่ใช้ เป็นต้น อย่างนี้ผู้ที่เชื่อคำพูดย่อมเดือดร้อน เป็นต้น

นอกจากนั้น อรรถกถาท่านยังอธิบายอีกว่า

บุคคลบางคน กล่าวว่า จะบำเพ็ญคันถธุระ หรือจักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ แต่แล้วก็ไม่กระทำตามที่พูด คือไม่ถือเอาอุเทศ และไม่เจริญกรรมฐาน

บุคคลบางคนไม่กล่าวว่า บัดนี้ข้าพเจ้าจักบำเพ็ญคันถธุระ หรือจักบำเพ็ญวิปัสสนาธุระ แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว เขาย่อมยังประโยชน์นั้นให้สำเร็จ

นอกจากนั้นท่านยังกล่าวถึงเรื่องการถวายปัจจัย เช่น ทายกคนหนึ่ง นิมนต์พระสงฆ์ด้วยวาจาว่า “ข้าพเจ้าจักถวายทานในวันโน้น” ครั้นถึงเวลาแล้วก็ไม่กระทำ ผู้นี้ย่อมเสื่อมจากบุญ แม้ภิกษุสงฆ์ก็ย่อมเสื่อมจากลาภ (เปรียบได้กับฟ้าร้อง ฝนไม่ตก)

ทายกอีกคนหนึ่ง ไม่นิมนต์พระสงฆ์เลยคิดว่า “เราจักสักการะ แล้วจักนำพระมา” เขาย่อมไม่ได้สงฆ์ เพราะพระสงฆ์ทั้งหมดถูกผู้อื่นนิมนต์ไปในที่อื่นเสียแล้ว บุคคลนี้ย่อมเสื่อมจากบุญ แม้สงฆ์ก็เสื่อมจากลาภนั้น (เปรียบเหมือนฝนตก ฟ้าไม่ร้อง)

ส่วนทายกที่นิมนต์สงฆ์ก่อนแล้วจัดแจงสักการะในภายหลังแล้วจึงถวายทาน ผู้นี้ชื่อว่า ย่อมทำกิจที่ถูกต้อง (เปรียบได้กับฟ้าร้อง ฝนตก)

ส่วนอีกพวกหนึ่ง สงฆ์ก็ไม่นิมนต์ ทานก็ไม่ถวาย ผู้นี้บัณฑิตพึงทราบว่าเป็น บาปบุคคล (เปรียบได้กับฟ้าไม่ร้อง ฝนไม่ตก)

ข้อคิดเหล่านี้น่าสนใจ เมื่อจะทำอะไรควรทำให้เป็นเช่นดัง ฟ้าร้อง ฝนตก จะดีที่สุด...

ข่าวล่าสุด

เวทีไทย–จีนเปิดเกมลงทุนใหม่ ดัน Industrial Park เชื่อมซัพพลายเชนโลก